คอกาแฟที่เพิ่มขึ้นในจีน กับการแข่งขันที่ดุเดือด

การบริโภคกาแฟของชาวจีนกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ระหว่างร้านกาแฟทั้งของจีนเองและจากต่างประเทศ ที่มีการเปิดร้านที่มีแบรนด์หลายพันแห่งขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และจีนมีจำนวนร้านกาแฟแซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปเรียบร้อย

นักวิเคระห์คาดว่า ความกระหายกาแฟที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในจีน จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนความต้องการเมล็ดกาแฟในอนาคต เนื่องจากร้านกาแฟที่เริ่มขยายตัวออกไป นอกเหนือจากกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน และนครเซี่ยงไฮ้ ไปยังเมืองขนาดกลางหลายสิบแห่ง ที่มีคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟมากขึ้นเรื่อยๆ

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ความต้องการกาแฟที่เพิ่มขึ้นในจีน ถือเป็นโอกาสสำหรับเครือข่ายร้านกาแฟระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นสตาร์บัคส์ หรือ ทิม ฮอร์ตันส์ ที่มีการลงทุนอย่างหนักในประเทศจีน แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างสูง จากการขยายตัวของแบรนด์ท้องถิ่น ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การกาแฟระหว่างประเทศ ที่ส่งถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ แสดงให้เห็นว่า การบริโภคกาแฟในประเทศจีนเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2022 ถึงเดือนกันยายนปีเดียวกัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

 

เจสัน หยู กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศจีน ของบริษัทวัยจัยตลาด กันตาร์ เวิลด์พาเนล กล่าวว่า ผู้บริโภคชาวจีนได้หันมาใช้ชีวิตตามแบบชาวตะวันตกกันมากขึ้น และแน่นอนว่า กาแฟก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่เป็นตัวแทนของวิถีชาวตะวันตก

จากตัวเลขของ อเลกา กรุ๊ป บริษัทที่ติดตามการเติบโตของเครือข่ายร้านกาแฟ ระบุว่า จำนวนของร้านกาแฟที่มีแบรนด์ในประเทศจีน ได้เพิ่มขึ้น 58 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เป็น 49,691 ร้านแล้ว

แมธธิว บาร์รี นักวิเคราะห์เครื่อดื่มของ ยูโรมอนิเตอร์ บอกว่า มีการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างเครือข่ายร้านกาแฟท้องถิ่น กับเครือข่ายร้านกาแฟต่างชาติ และแต่ละแบรนด์ก็พยายามที่จะคว้าส่วนแบ่งทางการตลาดที่กำลังเติบโตให้ได้มากที่สุด

อเลกา กรุ๊ป ประมาณการว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เครือข่ายร้านกาแฟชื่อดังของจีน อย่าง ลัคกิ้น คอฟฟี่ มีสาขาเพิ่มขึ้น 5,059 ร้าน ขณะที่ร้านอื่นๆ อย่าง คอตติ คอฟฟี่ ซึ่งเป็นของจีนเช่นกัน เปิดเพิ่มอีก 6,004 สาขา ในช่วงเวลาเดียวกัน

บาร์รีบอกว่า ขนาดของโอกาสของทั้งแบรนด์จีนและต่างชาตินั้น จะรุนแรงอย่างมากในการเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย และคิดว่าสิ่งนี้น่าจะทำให้ตลาดมีพลวัตอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

ในส่วนของสตาร์บัคส์ จากสหรัฐอเมริกา ปี 2022 มีการเปิดสาขาในจีนอีก 700 สาขา และมีแผนที่จะเปิดร้านในจีนทั้งหมดราว 9,000 สาขาในจีน ภายในปี 2025

ขณะที่ ทิม ฮอร์ตันส์ จากแคนาดา มีแผนที่จะเปิดสาขาให้ได้ 3,000 สาขา ภายใน 4 ปี

จิ้นอี กัว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของลัคกิ้น คอฟฟี่ บอกว่า การยึดส่วนแบ่งทางการตลาด เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของลัคกิ้น

เจสัน หยู กล่าวว่า ร้านกาแฟยังคงเปิดสาขาขึ้นในหลายๆ เมืองเล็กของจีน ซึ่งแต่ละเมืองก็มีประชากรอยู่หลายล้านคน ซึ่งหมายความว่า ยังคงมีพื้นที่สีขาวอีกมากมายในจีนที่ร้านกาแฟจะสามารถเติบโตได้อีก

การพัฒนาดังกล่าวถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ผลิตกาแฟที่ได้กำไรอยู่แล้วจากราคากาแฟที่สูงอยู่แล้ว อย่างราคาของกาแฟอราบิก้า ก็มีราคาสูงสุดในรอบ 8 เดือน ส่วนโรบัสต้า ก็ราคาสูงที่สุดในรอบ 15 ปี

ทั้งนี้ จีนนำเข้ากาแฟส่วนใหญ่มาจากแอฟริกาและอเมริกาใต้ โดยเซอคาเฟ กลุ่มผู้ส่งออกกาแฟของบราซิล ระบุว่า มีการส่งออกกาแฟไปประเทศจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ในปี 2023 หรือเกิน 1 ล้านถุงเป็นครั้งแรก ทำให้จีนกลายเป็นตลาดใหญ่อันดับ 8 ของการนำเข้ากาแฟจากบราซิล

ขณะที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา มองว่า จีนจะใช้กาแฟ 5 ล้านถุง ในช่วงฤดูกาลใหม่ (2024/2025) ที่จะทำให้จีนกลายเป็นผู้บริโภครายใหญ่อันดับ 7 ของโลก

 

อย่างไรก็ตาม การบริโภคกาแฟของจีน แม้จะเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ยังคงไม่ได้หวือหวามากนัก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคอย่างสหรัฐอเมริกาและบราซิล ที่ใช้กาแฟมากกว่า 20 ล้านถุงต่อปี

แต่ความต้องการที่เพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณว่า จีนกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ที่คล้ายกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่ชื่นชอบการดื่มชา ซึ่งรวมทั้งญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่หันมาดื่มกาแฟกันมากขึ้น

ตลาดกาแฟในจีน จึงเป็นตลาดที่น่าจับตาดูอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะการแข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างแบรนด์ท้องถิ่นกับแบรนด์ต่างชาติ ที่สู้ไม่ถอยเช่นกัน

เครดิตภาพ “รอยเตอร์”