รวบมือยิง ‘ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด’ เบื้องหลังยิ่งกว่านิยายล่าตี๋ใหญ่ เปิดปฏิบัติการ EP.4 ล็อก ‘ไอ้เลาะ’

บทความโล่เงิน

 

รวบมือยิง ‘ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด’

เบื้องหลังยิ่งกว่านิยายล่าตี๋ใหญ่

เปิดปฏิบัติการ EP.4 ล็อก ‘ไอ้เลาะ’

 

ในที่สุดตำรวจ บก.สส. บช.น.ก็จับกุม นายอนาวิน แก้วเก็บ หรือ “อั้ม” ผู้ต้องหายิงนายธนสรณ์ หรือน้องหยอด ห้องสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษาปี 2 อุเทนถวาย แล้วคมกระสุนพลาดโดน น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ หรือครูเจี๊ยบ ครูสอนคอมพิวเตอร์โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ได้สำเร็จตอนเช้าวันที่ 19 ธันวาคม บนดอยปุย ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับนายกฤติ ล้ำเลิศ หรือทิว ทั้งสองถูกจับระหว่างนอนกลางเต็นท์ท่ามกลางอากาศหนาวบนดอย

กว่าจะจับกุมได้สำเร็จ เรียกว่าหืดขึ้นคอ เหล่าบรรดานักสืบ ลูกน้อง “ผู้การจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.นั้น ยิ่งกว่านิยายไล่ล่าตี๋ใหญ่

หลังจากเข้าสู่การปฏิบัติการ “ปิดเมืองล่ามือยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด” ทลายองค์กรลับ จับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ 9 คน ในวันที่ 22 พฤศจิกายน เป็น Episode แรก

ตามด้วยวันที่ 18 ธันวาคม เปิดปฏิบัติการ Episode สอง “ปิดเมืองล่ามือยิงรอบ 2 ล้างองค์กรทมิฬไล่ฆ่าอริเด็กช่างกล” ปูพรมค้น 14 จุด 14 หมายจับทั่ว กทม. และปริมณฑล จับกุมได้ 13 คน

และเช้าวันที่ 19 ธันวาคม Episode สาม ตามไปรวบมือยิงและอีก 1 ผู้ต้องหาถึงดอยสุเทพ-ปุย เชียงใหม่ คาเต็นท์ที่พัก

ตำรวจตั้งข้อหานายอนาวิน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน, ร่วมกันสมคบตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้”

และนายกฤติ ข้อหา “ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (ซ่องโจร)”

จากปากทีมตำรวจนักสืบ เล่าถึงการไล่ล่ากว่าจะรวบตัวมือยิงได้ว่า เริ่มต้นตั้งแต่วางสายเฝ้าบ้าน โดยติดต่อจากคนคนหนึ่งแล้วไปหาคนคนหนึ่ง

สืบจนรู้ว่า มือยิงอยู่เซฟเฮาส์ ปทุมธานี แล้วไปเฝ้าอยู่ 4 วัน จนผู้ต้องหาเริ่มรู้ตัวแล้วหายไป

จากนั้นได้เบาะแสต่อมาว่า คนร้ายมาหลบอยู่เซฟเฮาส์ นนทบุรี แต่ทำเลไม่เหมาะลงมือรวบตัว เพราะบ้านติดทั้งคลอง ทั้งป่า

ได้ขอหมายจับเรียกกำลัง ปรากฏว่า คลาดกันแค่ 2 ชั่วโมง “ไอ้อั้ม” เผ่นออกไปทัน

หลังจากนั้น มือปืนเริ่มรู้ตัวแล้วว่ามีตำรวจตามตัว เริ่มหนีห่าง อย่างที่เรียกว่า “หางจุกก้น” แล้วในที่สุดนั่งรถทัวร์ขึ้นเหนือมาเชียงใหม่

ก่อนขึ้นมาเชียงใหม่ ทีมสืบแอบรู้ด้วยว่าผู้ต้องหาคนสำคัญไปอยู่กับกิ๊กสาวอยู่ 2 ชั่วโมง

ทำให้เวลาคลาดเคลื่อนกันอยู่ 4 ชั่วโมง ตอนนี้ทีมตำรวจติดตามมีอยู่ 8 คน ร่วมกันทำงานจนสืบรู้ว่ามือปืนมากบดานเชียงใหม่ จึงตามมา

แต่เมื่อมาถึงเชียงใหม่ พื้นที่กว้างมาก เริ่มควานหาตัวไม่ถูก คาดการณ์ไม่ได้ว่าคนร้ายจะหนีไปกบดานที่ใด

จนเริ่มท้อ หมดอาลัยตายอยาก ไม่รู้จะไปตามที่ไหน หลังปฏิบัติการไล่ล่ามาตลอด 1 เดือน

ระหว่างยืนอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ทำสมาธิทบทวนดูสิว่า ถ้าตัวเองเป็นคนร้ายจะหนีไปไหนดี

ขณะนั้น ปิ๊งขึ้นมา นึกถึง “แป้ง นาโหนด” ที่หนีขึ้นไปอยู่บนเขาบรรทัด

จึงตัดสินใจออกตามล่าขึ้นไปบนดอยปุย สอบถามผู้คนถึงตำหนิรูปพรรณคนร้าย ปรากฏว่ามีคนเคยเห็นผู้ต้องหาบนดอย นอนกางเต็นท์อยู่

“ตอนจับผู้ต้องหาได้ ผมคุกเข่า สติหลุดไป 1 นาที ดีใจมาก” หนึ่งในตำรวจทีมนักสืบเล่าให้ฟัง

ทำงานท่ามกลางความกดดัน และบางครั้งท้อด้วย แต่ในที่สุดความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

เพราะคิดเสมอว่า “ทีมเราคือความหวัง เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นมือสังหาร ถือเป็นตัวการสำคัญที่ต้องจับกุมให้ได้”

 

เช้าวันที่ 20 ธันวาคม ตำรวจทีมสืบได้นำ 2 ผู้ต้องหาเข้ามากรุงเทพฯ จุดหมายคือ บก.สส.บช.น. เพื่อให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สอบปากคำ

ปรากฏว่านายอนาวินรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ยอมรับว่าเป็นมือยิง โดยเริ่มออกล่านักศึกษาสถาบันคู่อริ ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 22.00 น. แล้วไปขโมยแผ่นป้ายทะเบียนที่ละแวกดินแดง

จากนั้นได้เริ่มหาเหยื่อต่อแถวร่มเกล้า แต่ไม่เจอ จึงไปจอดแอบกบดานย่านคลอง 14 อยู่สักครู่ จากนั้นช่วงเช้าตรู่วันที่ 11 พฤศจิกายน ได้เริ่มขับมาตระเวนหาเหยื่อใจกลางกรุงเทพฯ จนกระทั่งเจอกลุ่มนักศึกษาอุเทนถวาย จึงลงมือก่อเหตุ

“อนาวิน” ยอมรับว่ายิงปืนนัดแรกกระสุนพลาดเป้าไปโดนคนด้านหลังคือครูเจี๊ยบ จากนั้นได้ยิงซ้ำที่คอและศีรษะ “น้องหยอด” แล้วได้หลบหนีไปทาง จ.พระนครศรีอยุธยา และพ่นเปลี่ยนสีรถ และไปทำลายรถ จากนั้นหลบหนีไป จ.อุบลราชธานี

ขณะที่นายกฤติให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง

 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นายอนาวิน สารภาพว่ามีแรงจูงใจจากเรื่องสถาบัน และรู้สึกสำนึกผิด ตั้งใจจะไปทำบุญถวายสังฆทานให้ครูเจี๊ยบ นอกจากนี้ ยังพบว่าเขาเป็นเด็กหัวอ่อน กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 2 จึงมีการสร้างวัฒนธรรมรับน้องอย่างผิดๆ ของกลุ่ม แต่จากการตรวจสอบไม่พบสัญลักษณ์รูปฟันเฟืองที่ตัวนายอานาวิน ส่วนนายกฤตินั้นยังไม่รับสารภาพ

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ได้แล้วทั้งหมด 24 ราย จากทั้งหมด 26 หมายจับ อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอีก 2 ราย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่า หลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลเพื่อทำลายองค์กรอาชญากรรมกลุ่มนี้ให้ได้ทั้งหมดไม่ใช่เพียงการจับรายคดีเท่านั้น การแก้ปัญหาระยะยาวนั้น อาจต้องพิจารณาย้ายสถาบันคู่ขัดแย้งไม่ให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อลดเผชิญหน้าและเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

หลังสอบสวนเสร็จ ตำรวจได้นิมนต์พระจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มาให้นายอนาวินทำบุญถวายสังฆทานให้แก่ผู้เสียชีวิต 2 คนด้วย

ภารกิจถัดจากนี้คือ ไล่ล่า นายอับดุลเลาะ หรือ “เลาะ” ดือราแม ผู้ขับขี่จักรยานยนต์พานายอนาวินไปยิง แล้วยังสั่งยิงซ้ำจนเหยื่อบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ตอนนี้กำลังหนีสุดชีวิต ทีมงานสืบนครบาลยังคงทำงานหนักต่อไป และมั่นใจว่าจะจับได้ในที่สุด