ยูเครนลุ้นเหนื่อย เมื่อเสียงหนุนของมหามิตร ไม่หนักแน่นเช่นเคย

US President Joe Biden and Ukraine’s President Volodymyr Zelensky hold a joint press conference in the Indian Treaty Room of the Eisenhower Executive Office Building, next to the White House, in Washington, DC, on December 12, 2023. (Photo by Mandel NGAN / AFP)

ยูเครนกำลังเผชิญกับฤดูหนาว ที่อาจจะยิ่งหนาวเหน็บและน่ากลัวยิ่งกว่าฤดูหนาวของปีใดๆ เท่าที่เคยประสบมาก็เป็นได้

ความหนาวเหน็บที่ว่า ไม่ได้หมายถึงแค่เฉพาะสภาพอากาศในยูเครนที่ดิ่งติดลบไปแล้ว

แต่ยังหมายถึงการอาจจะต้องยืนหยัดต่อสู้อย่างเดียวดายในการสู้รบโจมตีกับกองทัพรัสเซียที่ยืดเยื้อมานานกว่า 21 เดือนแล้ว

นับจากวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียประกาศเปิดฉากสงครามรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบขึ้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2022

เค้าลางของสัญญาณไม่สู้ดีสำหรับความมุ่งมั่นของยูเครนที่จะเอาชนะสงครามครั้งนี้ต่อรัสเซียให้ได้นั้น สัมผัสได้จากการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาและเดินสายทัวร์ชาติพันธมิตรในสหภาพยุโรป (อียู) ของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยหวังจะได้รับความสนับสนุนช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจากมหามิตรตะวันตก

ทว่า ความหวังของเซเลนสกีดูจะไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีสักเท่าไร และท่าทีของชาติพันธมิตรตะวันตกในการสนับสนุนยูเครนเพื่อต่อกรกับรัสเซีย ก็ดูจะไม่ได้แข็งขันหนักแน่นเหมือนดั่งที่เคยมีให้มานับจากสงครามรุกรานยูเครนปะทุขึ้น

 

แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา จะเป็นกำลังหลักสำคัญในการพยายามผลักดันให้มีการมอบความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครนเพิ่มเติม โดยรัฐบาลไบเดนได้ชงเรื่องร้องขออนุมัติงบประมาณเกือบ 106,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสภาคองเกรสไปแล้ว เพื่อใช้เป็นทุนสนับสนุนปฏิบัติการช่วยเหลือยูเครน อิสราเอล รวมถึงเสริมความมั่นคงชายแดน ในจำนวนนี้เป็นงบฯ ช่วยเหลือเฉพาะสำหรับยูเครน 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม

แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าวของไบเดน ต้องเผชิญกับอุปสรรคขวากหนามใหญ่จากสมาชิกพรรครีพับลิกันในคองเกรส ที่เล่นเกมการเมืองคัดค้านร่างข้อเสนอขออนุมัติงบฯ ข้างต้น

โดยเอาร่างข้อเสนอนั้นไปผูกโยงกับเงื่อนไขที่มุ่งบีบให้ไบเดนจะต้องดำเนินการปฏิรูปนโยบายผู้อพยพอย่างเข้มงวด

ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่พรรครีพับลิกันผลักดันมานาน เพื่อที่ฝ่ายรีพับลิกันจะยอมเปิดทางอนุมัติความช่วยเหลือดังกล่าว

นั่นทำให้การจะได้รับความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจากสหรัฐโดยเร็วของยูเครนนั้น ยิ่งถูกเตะถ่วงให้ล่าช้าออกไป

 

ขณะเดียวกันก็ยังมีสัญญาณไม่สู้ดีจากกลุ่มอียู ที่แม้ในการประชุมผู้นำชาติสมาชิกอียู ที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน

แม้ที่ประชุมจะเปิดไฟเขียวให้มีการเริ่มต้นการเจรจาเพื่อเข้าเป็นสมาชิกอียูของยูเครนและมอลโดวาอย่างเป็นทางการ ซึ่งเซเลนสกีโพสต์บน X ยกย่องการตัดสินใจดังกล่าวว่า “เป็นชัยชนะของยูเครนและยุโรป” ก็ตาม

แต่ข้อเสนอให้อียูอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนเพิ่มเติมอีก 50,000 ล้านยูโรนั้น กลับถูกวิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีของฮังการี พันธมิตรใกล้ชิดรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกอียูที่ต่อต้านการเข้าร่วมอียูของยูเครน ได้ใช้สิทธิวีโต้คัดค้านการขออนุมัติงบฯ ช่วยเหลือดังกล่าว

ซึ่งแม้ชาร์ลส์ มิเชล ประธานสภายุโรป จะแสดงความเชื่อมั่นและมองในแง่ดีว่าอียูจะให้การสนับสนุนช่วยเหลือยูเครนตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ก็ตาม แต่กว่าจะนำเรื่องเข้าสู่รัฐสภายุโรปเพื่อพิจารณาอนุมัติความช่วยเหลือเพิ่มเติมดังกล่าว ก็อาจจะต้องรอไปถึงปีหน้า

ซึ่งบรรดานักสังเกตการณ์ที่จับตาสถานการณ์สู้รบระหว่างยูเครนและรัสเซียชี้ว่าสิ่งที่น่ากังวลที่สุดต่อความล่าช้าของความช่วยเหลือนั้น คือผลกระทบที่มีต่อการรุกโจมตีตอบโต้รัสเซียในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน ที่ตั้งเป้าไว้ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างสำคัญ

นักการทูตยุโรปรายหนึ่งให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะเห็นเป้าหมายนั้นของยูเครนจะบรรลุผลสำเร็จ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและพันธมิตรอียูต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสงครามอิสราเอลกับฮามาสได้เบี่ยงเบนความสนใจของชาติพันธมิตรตะวันตกจากสมรภูมิยูเครนไปยังตะวันออกกลาง

แต่สุดท้ายแล้วเซเลนสกีจะกลับไปมือเปล่าจริงๆ หรือไม่ ต้องรอดูพละกำลังของรัฐบาลไบเดนและชาติพันธมิตรอียูที่ยังหยัดยืนอยู่กับยูเครนว่าจะยังคอยอุ้มยูเครนต่อไปหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่สหรัฐและพันธมิตรยุโรปทุ่มทุนลงแรงช่วยยูเครนเพื่อคานการแผ่อิทธิพลอำนาจปูติน ก็จะกลายเป็นสิ่งสูญเปล่า!