‘ดวงจันทร์’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

ในงาน ผมเขียนถึงดวงจันทร์บ่อยๆ ผมไม่แน่ใจนักหรอกว่าทำไม สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะอยู่ในป่า คืนเดือนหงาย ป่าไม่มืดมิด โดยเฉพาะหากใกล้คืนขึ้น 15 ค่ำ ในแคมป์เราไม่ต้องใช้ไฟฉาย อาศัยความสว่างนวลจากแสงจันทร์

ในคืนเช่นนี้ ผมแหงนหน้าดูดวงจันทร์ที่ดูจะสวยงามกว่าปกติ

คล้ายจะเป็นเรื่องธรรมดาเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมอันห่างไกลจากที่จากมา ดวงจันทร์ หรือแม้แต่ดาวระยิบระยับก็ให้ความรู้สึกงดงามเสมอ

กับคนทำงานในป่า ดวงจันทร์มีความหมายมากกว่า แค่ทำให้กลางคืนไม่มืดมิด แต่เป็นที่ซึ่งเราฝากความระลึกถึงไว้บนนั้น

จากบนเปล จันทร์ทอแสงนวล บรรยากาศเช่นนี้ไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด

 

แรมหนึ่งค่ำ

ดวงจันทร์สว่าง แสงนวลยิ่งกว่าคืนขึ้น15 ค่ำ

22.30 นาฬิกา ผมก้าวเท้าลงเรือไฟเบอร์ลำเล็กของเขตห้ามล่า เรือวางเครื่องไว้ด้านหลัง เรือโยกขึ้นลงตามจังหวะคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง

เราลงเรือ 4 คน อีกสามคนเป็นเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่า ภารกิจของพวกเขาคือ ไปขนไม้ของกลางที่ตรวจพบบนเขา

เขตห้ามล่า เป็นหมู่เกาะ ก็พบกับการถูกบุกรุกลักลอบตัดไม้ รวมทั้งระเบิดปลา

ผมเอื้อมมือปลดเชือกที่ผูกกับเสาซีเมนต์ และผลักหัวเรือออก ขณะเครื่องเรือติด

เรือเคลื่อนตัวออกจากสะพาน เงาสะท้อนน้ำของดวงจันทร์ ทอดยาวเป็นเส้นทางสีขาวนวลไม่ต่างจากทางรถ

เรือแล่นไปตามทางขาวๆ ที่มองคล้ายถนน แต่เป็นถนนที่ทอดยาวราวกับไม่มีทางสิ้นสุด

ผมแหงนหน้ามองดวงจันทร์กลมโต ดวงจันทร์มีขนาดใหญ่เท่าใดนะ

เพียงหลับตาข้างหนึ่ง แค่นิ้วโป้งนิ้วเดียวก็ดูเหมือนจะบดบังดวงจันทร์ได้มิดแล้ว

 

เป็นประจำทุกปี ช่วงเวลาหลังปีใหม่ ผมเดินทางไปที่เขตห้ามล่า หมู่เกาะในทะเล เป็นเวลาที่เหล่านกชายเลนจากอีกซีกโลกเดินทางหลบสภาวะอาหารขาดแคลนมาพักพิง

ตั้งแต่เช้ามืดน้ำทะเลลด หาดทรายกว้างไกล ช่องว่างระหว่างหาดถึงหาด เดินถึงกันได้ น้ำลด พื้นเป็นดินปนโคลน ริมฝั่งเป็นทรายแข็งๆ หญ้าทะเลขึ้นเป็นแนว

ก้าวเท้าลงไปดินจมลึกถึงหน้าแข้ง มองจุดหมายข้างหน้า เหลือระยะทางอีกไกล มองไปข้างหลัง ก็ดูเหมือนว่า

ผมเดินมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับแล้ว

นกปากแอ่นหางดำ – ช่วงเวลาปลายปีถึงต้นปี ในแหล่งที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมทั้งหาดทรายริมทะเล นกปากแอ่นหางดำ หนึ่งในเหล่านกที่เดินทางเข้ามาพักหากินร่วมกับนกประจำถิ่นอย่างนกยาง

ผมเดินถึงจุดหมายใต้ต้นเสม็ดขาว ผมกางซุ้มบังไพร ตรงนี้เป็นทำเลที่ดี ตอนนี้นกยังอยู่ไกลๆ

แต่เมื่อน้ำเริ่มขึ้น นกจะทยอยบินมายืนเป็นแถวบนสันทรายที่น้ำยังท่วมไม่ถึง ใกล้ๆ ฝูงปูขนาดเล็กจำนวนมหาศาลคลานต้วมเตี้ยม เมื่อน้ำลดปูก็ออกมาหาอาหารด้วย เหล่านกรู้ดี การไล่ล่าจึงเกิดขึ้น สัญชาตญาณจะทำให้ปูมุดลงรูทันทีที่มีเงาโฉบเข้ามาใกล้ หรือแค่เพียงพื้นสั่นสะเทือน

สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับนกอีก๋อย ปากยาวโค้งของพวกมัน นอกจากจะซอกซอนลงไปในรูเล็กๆ ได้แล้ว ตรงปลายปากยังมีประสาทที่จะสัมผัสได้ว่าปูอยู่ตรงไหน

นกอีก๋อยจึงไม่ค่อยพลาดเมื่อมันปักปลายปากยาวๆ นั่นลงพื้น

 

เวลาผ่านไป น้ำทะเลเพิ่มระดับขึ้นถึงเอว ผมยกขาตั้งกล้องขึ้นแบกและเดินกลับมาถึงหาดทราย รอบๆ ตัวกลายเป็นผืนน้ำกว้าง ทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มันคือพื้นดินปนทรายโล่งๆ

ผมยืนบนที่ดอน รอเวลาเรือมารับ

ท่ามกลางน้ำที่ล้อมรอบ ผมรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง

ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเสมอ

ปัญหาอาจจะอยู่ที่การหาวิธีรับมือกับความเปลี่ยนแปลงไม่พบ

 

ในคืนแรมหนึ่งค่ำ สภาพป่าโดยรอบสว่าง เดินไปตามด่านได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฉาย

บางครั้ง ผมมองดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้โลกมากกว่าวันใดๆ

อยู่ในป่าผมไม่เห็นความแตกต่าง เพราะยอมรับกับความเป็นจริงว่า

“ดวงจันทร์” แม้จะเข้ามาใกล้โลกมากแค่ไหน

แต่ก็ยังไกลเกินกว่าจะเอื้อมมือถึง… •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ