เช็กลิสต์ทีมขุนพล มิชชั่นใหม่ ‘บิ๊กตู่’ จากทำเนียบนรสิงห์ สู่วังสราญรมย์ เดินตามรอยเท้า ‘ป๋า’ ปกป้องสถาบัน ในบริบทใหม่

แม้บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพ้นจากถนนสายการเมือง หลังลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมประกาศวางมือทางการเมือง หลังแพ้การเลือกตั้ง

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้ไปไหน เพราะแค่สวมหมวกใบใหม่เปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ จาก ผบ.ทบ. มาเป็นหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และมาเป็นองคมนตรี ที่ยังคงมีมิชชั่นในการปกป้องสถาบันเช่นเดิม ในฐานะทหารเสือฯ ทหารรักษาพระองค์มาทั้งชีวิต

จึงเป็นไปตามที่คาดหมายกันแบบข้ามปีว่า ท้ายที่สุด เมื่อลงจากหลังเสือแล้ว จะได้เป็นองคมนตรี และเป็นคำตอบว่า เพราะเหตุใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เป็นหัวหน้าพรรค รทสช.เอง ทั้งๆ ที่เป็นแกนนำในการตั้งพรรค และไม่รับตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เป็นแค่สมาชิกพรรค เพื่อที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะไม่ต้องเป็นนักการเมืองเต็มตัว แม้ว่าในทางปฏิบัติแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนักการเมือง มากกว่าเป็นทหารแล้วก็ตาม

แต่ก็เป็นเพราะมิชชั่นที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเมือง จนต้องยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 แล้วเป็นนายกฯ เอง นาน 5 ปี ร่วมมือกันในนามพี่น้อง 3 ป. ตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อแปลงร่างจากคณะปฏิวัติ มาสู่ระบบเลือกตั้ง ด้วยความได้เปรียบ และอำนาจ คสช. จึงทำให้ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปี

พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ต้องการจะวางมือทางการเมือง ไม่เช่นนั้น ก็คงจะอยู่ พปชร.ต่อ แล้วหนุนบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ เป็นนายกฯ ไปแล้ว

แต่ทว่า ความแตกแยกในพี่น้อง 3 ป. ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ แยกตัวออกมาตั้งพรรค รทสช. ที่นำมาซึ่งความอ่อนแอของอำนาจ คสช. และการต่อสู้แย่งเก้าอี้นายกฯ กันเองของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร

จนที่สุด พ่ายแพ้ทั้งคู่ และจำเป็นต้องยอม “ดีล” ในการถอยออกจากการเมือง เปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมี รทสช. และ พปชร. ร่วมรัฐบาลด้วย พร้อมเงื่อนไข “ไม่มีลุง”

เป็นอันว่า สถานการณ์อำนาจในทางการเมือง ทำให้ภารกิจที่พี่น้อง 3 ป. 3 ทหารเสือฯ ได้รับมอบหมายให้มาคุมอำนาจรัฐ สกัดกั้นระบอบทักษิณ ต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จบลงแล้ว

ตามมาด้วยการเริ่มต้นเอพิโสดใหม่ของการเมือง เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนเกม เปลี่ยนตัวแม่ทัพ จากพี่น้อง 3 ป. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบทบาทหลัก มาเป็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ไฟเขียวให้กลับประเทศ หลังพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผสมข้ามขั้วครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี ที่นายทักษิณ สงบศึกกับฝ่ายทหารขั้วอนุรักษนิยม เพราะฝ่ายอีลีตไม่มีทางเลือกอื่น ที่จะต่อสู้กับพลังส้มของพรรคก้าวไกล ที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 แต่ถูกสกัดไม่ให้เป็นรัฐบาล

แต่การเลือกตั้งครั้งหน้า ฝ่ายอนุรักษนิยมเกรงว่าจะสกัดพรรคก้าวไกลไม่อยู่ จึงจำต้องร่วมมือกับนายทักษิณ ผนึกกำลังกันสู้กับพรรคก้าวไกล

พร้อม “ดีล” ดันอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ปรับพรรคสู่เจเนอเรชั่นของคนรุ่นใหม่ เมื่อนายทักษิณพ้นโทษ มาช่วยเป็นแบ๊กอัพ ที่ปรึกษาส่วนตัว

เพราะรอบกายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็มีทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีเรียนรู้งาน สร้างประสบการณ์ รอรับการเปลี่ยนผ่านเจเนอเรชั่น ไปสู่ยุค น.ส.แพทองธาร

อย่างไรก็ตาม โดยที่นายทักษิณ มีกระแสข่าวว่ามีดีลกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล ตั้งแต่พบกันที่ฮ่องกงก่อนการเลือกตั้งเช่นกัน

ทำให้บรรดาอีลีตขั้วอนุรักษนิยม จ้องเขม็งว่า มีดีลอะไร และจะนำมาซึ่งการไม่ทำตามสัญญากับฝ่ายทหาร ฝ่ายอนุรักษนิยมหรือไม่

ซึ่งเริ่มมีการติดตามคดีที่ค้างอยู่ของนายทักษิณแล้วว่าไปถึงไหนด้วย เพราะมีคดีที่คณะ คสช.ฟ้องร้องไว้ถึง 4 คดี รวมทั้ง ม.112 ด้วย ตรงนี้จะเอาไว้เป็นเครื่องมือในการควบคุมนายทักษิณ ไม่ให้บิดพลิ้วได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ในภาคการเมืองถือว่าตอนนี้เป็นการส่งไม้ต่อ แตะมือจาก พล.อ.ประยุทธ์ มาสู่นายทักษิณ ที่เป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีเงาแล้ว แต่ภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่จบ ไม่สามารถเกษียณราชการแล้วไปเที่ยวต่างประเทศ หรือตีกอล์ฟเกือบทุกวัน เช่นก่อนหน้านี้แล้ว

นอกจากจะมีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ต่างพระเนตรพระกรรณ และถวายงานแล้ว บทบาทที่ถูกจับตามอง และคาดหวังคือ การปกป้องสถาบัน

พล.อ.ประยุทธ์ จึงถูกมองว่า เข้าไปเสริมทีมของบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่วันนี้อายุ 80 ปีแล้ว แต่ยังคงแข็งแรงตามสไตล์รบพิเศษก็ตาม

พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นอดีต ผบ.ทบ.ที่เติบโตมาจากสายรบพิเศษ และจัดให้เป็นขั้วอำนาจบ้านสี่เสาเทเวศร์ เป็นนายทหารลูกป๋าคนโปรด ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีคประธานองคมนตรี ประทับตราว่า เป็นคนดี มาแล้ว

เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่แม้ภาพลักษณ์จะไม่ได้เป็นลูกป๋า เพราะเติบโตมาในสายบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. กองทัพภาคที่ 1 แต่การเป็นทหารเสือราชินี ร.21 รอ. ที่ต้องติดตามเสด็จ สมัยในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทำให้ได้รู้จักสนิทสนมกับ พล.อ.เปรม

จะเห็นได้ว่า เมื่อแผงอำนาจ 3 ป. บูรพาพยัคฆ์เบ่งบาน โดยเฉพาะหลังรัฐประหาร 2557 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ขั้วอำนาจบ้านสี่เสาฯ ค่อยๆ อัสดงจากบทบาท และบารมีที่ลดลงของ พล.อ.เปรม แต่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินเกมอำนาจด้วยการเข้าบ้านสี่เสาฯ นำ ครม.-คสช.เข้าอวยพรทุกเทศกาล โดยที่ 3 ป.มากันพร้อมหน้า จนป๋าเปรมกลายเป็นกองหนุนสำคัญ รวมทั้งการเข้าคารวะ พล.อ.สุรยุทธ์ อยู่เนืองๆ

จนที่สุด ขั้วอำนาจบ้านสี่เสาฯ ถึงคราอัสดงไปพร้อมกับการอสัญกรรมของ พล.อ.เปรม ที่ยังคงมีเพียง พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นสัญลักษณ์ที่เหลืออยู่ มาวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มาเสริมทีม เป็นองคมนตรีคนสุดท้อง

แต่ทว่า เป็นที่จับตามองมากที่สุด เพราะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรี ต่อจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้มาเป็นองคมนตรี ก็ถูกจับตามองว่า จะมารับหน้าที่ต่อจาก พล.อ.เปรม เพราะประธานองคมนตรี มักจะเป็นอดีตนายกฯ

ยิ่งเมื่อมองไปที่คณะองคมนตรี ที่เป็นอดีตทหารถึง 9 คน และพลเรือนหลายคน ก็เคยทำงานใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ มาก่อน เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชามาก็หลายคน

จนถูกมองว่า ได้เข้ารอรับ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าร่วมทีมปกป้องสถาบัน ให้แข็งแกร่งขึ้น

ทั้งบิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ อดีต ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีต ผบ.ทบ. ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา สมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ.

ขณะที่บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาฯ ใน ครม.คสช. และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา สมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. และยังเป็นเพื่อนรักเตรียมทหาร 12 เพื่อนร่วมก๊วนกอล์ฟของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง

ส่วนบิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีต รมว.ยุติธรรม ก็เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา สมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. และเป็นคีย์แมนรัฐประหาร คสช.ด้วย หรือแม้แต่ ดร.กบ นายอำพน กิตติอำพน ก็เคยเป็นเลขาฯ ครม. ในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

นอกจากนั้น ยังมีอดีตบิ๊กทหาร ทั้งทหารรุ่นใหญ่ อย่างบิ๊กลิ่ง พล.อ.บัณฑิตย์ มลายอริศูนย์ อดีต ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กต๋อย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีต ผบ.ทอ. และเคยเป็นแกนนำ ผบ.เหล่าทัพ ยุค คมช. และบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง อดีต ผบ.ทอ. บิ๊กนิค พล.ร.อ.พงษ์เทพ หนูเทพ อดีต ผช.ผบ.ทร.

จึงกล่าวได้ว่า จะกลายเป็นทีมองคมนตรีที่มีความแข็งแกร่ง และเป็นเอกภาพอย่างยิ่ง เพราะสนิทสนมคุ้นเคยกันมายาวนาน และเป็นที่จับตามองถึงบทบาทขององคมนตรีชุดนี้ ในเรื่องสำคัญต่างๆ นับจากนี้จนถึงในอนาคต

นอกจากนั้น ยังมีขุนพลสำคัญที่ปกป้องสถาบันอีกหลายคน แต่ที่ถูกจับตามองคือ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการ สนว. อดีต ผบ.ทบ. ที่ก็เป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ และมีบทบาทสำคัญเคียงข้าง “พี่ตู่” มาตลอด แม้แต่ช่วงการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว ที่ก็ถูกพาดพิงเสมอ

รวมทั้งยังมีบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ทบ. ที่ย้ายโอนมาเป็นผู้บัญชาการสำนักงานนายทหารปฏิบัติการ นถปภ.รอ. และบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธรรมนูญ วิถี อดีต ผช.ผบ.ทบ. น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้ย้ายโอนมาเป็นข้าราชบริพารในพระองค์

พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะองคมนตรี จะยังเป็นพี่ใหญ่ของบรรดา ผบ.เหล่าทัพ ที่เป็นรุ่นน้องเตรียมทหาร โดยเมื่อ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. นำทีม 5 เสือ ทบ. และขุมกำลังทัพภาคที่ 1 ตบเท้าแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กองทัพภาคที่ 1 เพราะ พล.อ.เจริญชัย ก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักสายทหารเสือฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เลยทีเดียว

เหตุที่มีแต่ ทบ.ตบเท้าแสดงความยินดีเหล่าทัพเดียวนั้น เป็นการภายใน จึงไม่ได้มี ผบ.เหล่าทัพอื่นมาร่วมด้วย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการให้เป็นข่าว หรือเป็นที่เอิกเกริก อีกทั้งกับ เหล่า ทบ. จะมีความสนิทสนมใกล้ชิด ทำงานร่วมกันมา

เพราะตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่นายกฯ และ รมว.กลาโหม เช่นก่อนหน้านี้แล้ว

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะตอกย้ำกับน้องๆ ใน ทบ. ถึงจุดยืนเดิม ในการทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน เฉกเช่นม็อตโต้ของ ทบ.ตลอดมา และตลอดไป สำหรับคนที่เป็นทหารมาทั้งชีวิต ไม่อาจละทิ้งชาติบ้านเมืองได้

ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า บารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่นั่งนาน 9 ปี ไม่นับคุมอำนาจในกองทัพมาก่อนหลายปี จึงกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง และกำลังเดินตามรอยเท้าป๋าเปรม ที่เคยเป็นทั้ง ผบ.ทบ. รมว.กลาโหม และอดีตนายกฯ 8 ปี หลังจากที่เพาเวอร์เคยลดลง หลังพ่ายศึกเลือกตั้ง แต่สถานการณ์บังคับให้ต้องถอยออกจากการเมือง แต่จะยังถูกมองว่า ยังเป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรค รทสช.อยู่ และทำให้ลูกพรรคดูคึกคักมากขึ้น เสมือนมีร่มโพธิ์ร่มไทร

พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังคงพำนักในบ้านพักใน ร.1 รอ. เขตพระราชฐานไปได้ตลอดชีวิตแล้ว คาดว่ากำลังจัดสำนักงานองคมนตรี โดยใช้สำนักงานส่วนตัวเดิม ย่านพหลโยธิน และในบ้านพัก ร.1 รอ. ยังมีเซฟเฮาส์อีกหลัง ที่ไม่ห่างกันมากนัก แต่คนละปีกกับบ้านป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร

นอกเหนือจากสถานที่ทำงาน จะเป็นที่วังสราญรมย์ ทำเนียบองคมนตรี ที่ยังคงมีการประชุมอยู่ทุกวันอังคาร แต่ทว่า มีภารกิจในฐานะผู้แทนพระองค์ ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ประชาชน

ดังนั้น มิชชั่นใหม่ หมวกใบใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีความสำคัญยิ่งสำหรับทำเนียบวังสราญรมย์ ในบริบทการเมืองเช่นนี้ และในอนาคต