แต่งตั้ง ‘สว.-รอง ผบก.’ ขลุกขลัก ช่วงเปลี่ยนผ่าน กม.ตำรวจใหม่ คุณธรรม แพ้ ‘ตั๋ว-ระบบอุปถัมภ์’

ขลุกขลักมากสำหรับการแต่งตั้งระดับสารวัตร (สว.) จนถึงรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.)

เนื่องจากเป็นแต่งตั้งครั้งแรกตามข้อกำหนดภายใต้ พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565

กฎหมายขีดเส้นให้เสร็จ 30 พฤศจิกายน ยึดอาวุโส 33% ให้ ผบช. เป็นผู้มีอำนาจในการแต่งตั้ง การพิจารณาทุกระดับชั้นกระทำในรูปคณะกรรมการ มีการรับฟังข้อมูลจากผู้บังคับบัญชาขั้นต้น และการใช้สิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) แต่หลาย บช.เพิ่งทำบัญชีหลังเส้นยาแดงผ่าแปดไปแล้ว

ดังนั้น กฎหมายกับปฏิบัติไปคนละทางกัน

 

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ระบุ ปัญหาที่เกิดขึ้นพบว่า ในหลาย บช. ผู้บัญชาการลงนามในคำสั่งภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน แต่การเผยแพร่คำสั่งล่าช้า ทำให้มีข้อสังเกตถึงความโปร่งใส มีข้อสงสัยว่าไปเป็นตามระบบคุณธรรมหรือไม่ ผู้ได้รับคำสั่งมีความฉุกละหุกกับการเดินทางไปรับตำแหน่ง ตลอดจนอาจมีผลถึงอำนาจในการทำความเห็นทางคดีในสำนวนการสอบสวนต่างๆ

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) ได้แจ้งว่า ผบช.หลายคนเพิ่งดำรงตำแหน่งเป็นครั้งแรก หลักเกณฑ์การแต่งตั้งใหม่มีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ต้องแต่งตั้งตามกลุ่มสายงาน การย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนข้ามหน่วยต้องคำนึงถึงความสมัครใจ การประสานงานระหว่างหน่วย การแต่งตั้งผู้ที่ได้รับการเยียวยาจากการร้องทุกข์ และต้องระมัดระวังดำเนินการตามกฎเกณฑ์ มิฉะนั้นอาจจะต้องรับผิดชอบหากมีผู้ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ก.พ.ค.ตร.

ดังนั้น เรื่องการเผยแพร่คำสั่งล่าช้า ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิเห็นว่า จะต้องไปดำเนินการปรับปรุงกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้าย คาดว่าจะทำให้เสร็จในเดือนมกราคมปีหน้า เพื่อเตรียมนำมาใช้ในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2567

 

นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่28 พฤศจิกายน ยังมีมติเห็นชอบการขออนุมัติกำหนดเหตุพิเศษตามที่ ก.ตร.กำหนด ตามมาตรา 86 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 กรณีการแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่อยู่ในกลุ่มอาวุโสร้อยละ 33 โดยให้ ผบ.ตร.มีอำนาจสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในส่วนราชการอื่นได้ โดยมีเงื่อนไขไม่ตัดโอกาสความเจริญในหน้าที่การงานของบุคลากรในหน่วยเดิม

ว่ากันว่าเป็นการหาหลังพิงให้ ผบ.ตร.ไม่ให้ถูกฟ้องภายหลัง แต่เอาเข้าจริงๆ ผบ.ตร.ไม่กล้าใช้ “ดาบกายสิทธิ์” เพราะเกรงว่าจะทำผิดกฎหมาย เหตุตีความว่ามติ ก.ตร.มีศักดิ์กฎหมายต่ำกว่า พ.ร.บ.ตำรวจใหม่

แต่ใช่ว่าจะจบ มีเรื่องเล็ดลอดมาว่ารายการคุณขอมาเติมเป็นระยะๆ จนปิดบัญชีล่าช้า

 

วงการสีกากียุคนี้พูดกันว่า บช.ที่เสมือนเป็นรัฐอิสระ 2 แห่ง ที่ไม่ใครกล้ายุ่งบัญชีมาก นั่นคือ บช.ก. และ บช.น.

บัญชี บช.น. ผู้บัญชาการจัดคนทำงานที่เป็นมือตัวเองลงเป็นส่วนใหญ่ อาทิ พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี นรต.รุ่น 56 มือทำงานอดีตนายเวร พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตรอง ผบ.ตร. เป็นรอง ผบก.น.6

พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. นรต.56 มือทำงานด้านความมั่นคง เป็นรอง ผบก.สปพ.

พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.ดส.นรต.56 หน่วยสืบหาข่าวสถานบริการ, บ่อน เป็นรอง ผบก.สส.บช.น.

พ.ต.อ.นภพล สุขนิยม ผกก.สส.บก.น.8 เป็นรอง ผบก.น.4

พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก. สน.หนองจอก นรต.50 เป็น ผกก.สน.ลุมพินี

และ พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.สส.ภ.จ.ชลบุรี นรต. รุ่น 49 “น.1” โยกมาเป็น ผกก.ดส. เป็นมือไม้ทำงานต่อไป เป็นต้น

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เคยปรารภว่า การแต่งตั้งครั้งนี้หลายคนได้อัพเก้าอี้แบบงงๆ ก็เพื่อให้คนทำงานได้เติบโตในตำแหน่ง

“ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ถึงเวลาจะได้ในสิ่งที่ตัวเองทุ่มเท” คำกล่าว “น.1”

 

ไม่ต่างจาก บช.ก.ที่คนทำงานล้วนได้รับการโปรโมตเช่นกัน อาทิ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.2 ปอท. นรต.55 มือทำงาน ขึ้น รอง ผบก.ปอท. เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่น นรต.55 อย่าง พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย ผกก.1 ปคม. ขึ้น รอง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป. ขึ้น รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. ขึ้น รอง ผบก.ป. ขณะที่ พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1 ปอท. นรต.50 เพื่อนร่วมรุ่น ผบช. ขึ้น รอง ผบก.ปอท.

ส่วนรายชื่อน่าสนใจที่ได้รับการแต่งตั้ง บช.ภ.1 อย่าง พ.ต.อ.ธนะเมศฐ์ วิจิตรจริยา ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เป็นข่าวโด่งดัง ตำรวจ ตม.ตรวจค้นโรงแรมย่านงามวงศ์วาน ชั้น 8-9 เปิดเป็นบ่อนพนันขนาดใหญ่ ปรากฏว่าถูกโยกเป็น ผกก.สภ.พระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา แล้ว พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ มานั่ง ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ แทน

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท ตกเป็นข่าวกรณีงานเลี้ยงบ้านกำนันนกที่นครปฐม ถูกลดเกรดจาก บช.น. เป็นไป ผกก.สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

ส่วนบัญชีสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เป็นข่าวเกรียวกราว พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ผกก.ฝอ.2 บก.อก.สตม. (ส่วนกลาง) ลูกชายนายพงษ์เพ็ชร หลานรัก คุณหญิงพจมาน และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็น ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต ขณะที่ พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต ยื่นหนังสือลาออก ก่อนคำสั่งออกไป ผกก. ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ บก.ตม.3 พร้อมเอกสารส่งถึง ผบก.ตม.6 ให้เหตุผลว่า “เพื่อดำรงระบบคุณธรรมให้องค์กร และหวังว่าในยุคต่อๆ ไป คนที่ตั้งใจทำงาน เสียสละ มีผลงาน จะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม”

ผกก.ทั้งสองนายนี้คนละตำแหน่งกัน แต่ตอนแรกข่าวออกว่า ผกก.ตม.ภูเก็ตลาออก คนเข้าใจผิด จน พ.ต.อ.พัดธงทิว โพสต์โอดครวญโดนด่าฟรี

 

สรุปตอนท้ายขอยกคำ พล.ต.อ.เอก ที่ว่า การแต่งตั้งตำรวจให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมทั้งหมดอาจจะยากลำบาก

เพราะสังคมไทยคุ้นชินกับวัฒนธรรมในระบบอุปถัมภ์ ต้องมีการฝาก มีตั๋วสนับสนุนผู้บังคับบัญชา นักการเมือง หรืออื่นๆ

ก.ตร.และผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกระดับชั้นต้องพยายามควบคุม กำกับดูแลการแต่งตั้งให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม ตามเจตนารมณ์กฎหมายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้