‘มาดามเดียร์’ เปิดตัว ชิงหัวหน้า ปชป.คนที่ 9 ‘นราพัฒน์ แก้วทอง’ ยังสู้ มั่นใจเสียงส่วยใหญ่ ‘หนุน’

บทความในประเทศ

 

‘มาดามเดียร์’ เปิดตัว

ชิงหัวหน้า ปชป.คนที่ 9

‘นราพัฒน์ แก้วทอง’ ยังสู้

มั่นใจเสียงส่วยใหญ่ ‘หนุน’

 

นับตั้งแต่ ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ โชว์สปิริตแสดงความรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ผลการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภายหลังผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรเพียงแค่ 25 ที่นั่งเท่านั้น

พลันที่เก้าอี้หัวหน้าพรรคว่างลง ปชป.ก็เดินหน้าตามกระบวนการและข้อบังคับทางกฎหมาย กำหนดวันจัดประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคชุดใหม่ ท่ามกลางการจับตามองจากหลายฝ่ายว่า “ใคร” จะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ ยกเครื่องและปฏิรูปนำพาพรรค ปชป.สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ทว่า การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นการประชุมลับ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ แต่ปรากฏว่าบรรยากาศภายเต็มไปด้วยความตึงเครียด

ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรค มีการตรวจสอบองค์ประชุม ปรากฏว่า มีองค์ประชุมเพียง 221 คน จากองค์ประชุมขั้นต่ำ 250 คน ตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ แต่มีการร้องขอให้รอสมาชิกในฐานะโหวตเตอร์เข้ามาเพิ่มเติมเสียก่อน หลังส่วนหนึ่งกลับไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรมใกล้กับสถานที่จัดประชุม

ทว่า เมื่อนับองค์ประชุมใหม่อีกครั้งกลับเหลือองค์ประชุม 201 คน ไม่ครบองค์ ทำให้การประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ไปต่อไม่ได้ ต้องเลื่อนออกไปก่อน หลังจากใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง

 

แน่นอนว่า ภายหลังการประชุม สมาชิกต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากนับเป็นครั้งแรกที่เกิดปัญหา “องค์ประชุมล่ม” ท่ามกลางกระแสข่าวว่า สมาชิกพรรคส่วนหนึ่งที่สนับสนุน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” แก้เกมด้วยการไม่อยู่เป็นองค์ประชุม

สืบเนื่องมาจากที่ประชุมมีมติยืนยันที่จะใช้น้ำหนักคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค 70:30 ตามข้อบังคับพรรค โดยสัดส่วนคะแนน 70 เปอร์เซ็นต์นั้น จะขึ้นอยู่กับ 25 ส.ส. ส่วนน้ำหนักคะแนนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ และอดีตหัวหน้าพรรค

ประกอบกับ ส.ส.ปัจจุบันประมาณ 17 คน จากทั้งหมด 25 คน มีท่าทีสนับสนุน “นราพัฒน์ แก้วทอง” ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสของพรรค จึงลงมือปฏิบัติการล่มการประชุมดังกล่าว

 

อย่างไรก็ดี การประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคชุดใหม่ นัดประชุมใหม่อีกครั้งในวันที่ 6 สิงหาคม

ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม เมื่อถึงเวลาประชุม มี ส.ส.และสมาชิกพรรคเข้าร่วมเพียง 223 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุมตามข้อบังคับพรรคที่ต้องมีไม่ต่ำกว่า 250 คน ทำให้เลื่อนออกไปอีกครั้ง

เท่ากับว่าที่ประชุม “ล่มรอบที่สอง”

เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รักษาการเลขาธิการพรรค ปชป. ออกอาการฉุนจัด นำ ส.ส.แบบแบ่งเขต แถลงประณามว่าเป็นพฤติกรรมเลวร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สร้างความเสียหายให้กับพรรคอย่างมาก

การที่องค์ประชุมไม่ครบทั้ง 2 ครั้งไม่ใช่เกิดโดยธรรมชาติ แต่เกิดจากพฤติกรรมของกลุ่มคนบางกลุ่ม มีการให้องค์ประชุมออกจากห้อง ไม่ให้ลงชื่อ รวมทั้งให้องค์ประชุมไปเที่ยวประเทศลาวเพื่อไม่ให้มาร่วมประชุม

“สมาชิกส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมนี้ ขอประณามว่าถ้ามีจิตสำนึกเพียงพอ ขอให้กลับมาช่วยทำให้พรรคเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่เล่นเกมการเมืองเพื่อหวังตอบสนองความต้องการของใครบางคน การประชุมแต่ละครั้งใช้งบประมาณ 3-4 ล้านบาท เป็นเงินที่ประชาชนตั้งใจให้พรรคมาทำกิจกรรมทางการเมือง ไม่ใช่นำเงินมาผลาญเล่น” นายเฉลิมชัยระบุ

 

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์ที่ตอกย้ำความไม่เป็นเอกภาพ สะท้อนความแตกแยกและรอยร้าวหนักภายในพรรค ปชป. นั่นคือ การโหวตสวนมติพรรคที่มีมติให้ “งดออกเสียง” เลือก “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับพบว่า 16 ส.ส. นำโดย เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ออกเสียงเห็นชอบให้ “เศรษฐา” นั่งนายกฯ คนที่ 30

ทำให้เป็นที่น่าสังเกตและเกิดสารพัดคำถามตามมาว่า การแหกมติพรรคครั้งนี้ ต้นเหตุเกิดจากปัญหาความขัดแย้งภายใน ปชป. ที่ยังไม่สามารถเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้หรือไม่? จนส่งผลให้ขณะนี้ เกือบเข้าเดือนที่ 7 พรรค ปชป.ยังไร้เงาแม่ทัพที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคคนใหม่

ศึกชิงหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ โดยมี “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รักษาการเลขาธิการพรรค นั่งปฏิบัติหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค อีกหนึ่งตำแหน่ง แทน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ที่ลาออกจากตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรคไปก่อนหน้านี้

รอบนี้ พรรค ปชป.ได้มีการแก้ไขข้อบังคับเพิ่มองค์ประชุม โดยคัด 150 โหวตเตอร์สำรอง มาจากตัวแทนภาค ภาคละ 30 คน เพื่อสำรองหรือสแตนด์บายกรณีองค์ประชุมไม่ครบ ล้อมคอกป้องกันการประชุมล่มซ้ำรอยเป็นรอบที่ 3

ประกอบกับพรรคเชื่อมั่นว่าการเพิ่มองค์ประชุมสำรอง จะทำให้การประชุมเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารชุดใหม่สำเร็จลุล่วงด้วยดี เดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่และสร้างสรรค์

โดย “นราพัฒน์ แก้วทอง” หนึ่งในแคนดิเดตผู้ท้าชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ปชป. ยืนยันว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีความตั้งใจเหมือนเดิมที่จะเข้ามาช่วยปรับปรุงพรรค และเสียงส่วนใหญ่ยังสนับสนุนให้ลงชิงหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม

 

แต่ล่าสุดมีอีกหนึ่งผู้ท้าชิง เมื่อ “มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค” ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือฤกษ์เวลา 09.29 น. วันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นำพวงมาลัยไหว้สักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม พร้อมเปิดใจเหตุผลลงสมัครชิงหัวหน้าพรรค

โดยวทันยา ระบุว่า ขอเสนอตัวเป็นหนึ่งทางเลือกในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ตนยังเชื่อมั่นและเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นประชาธิปไตย เสรีภาพ และการเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาได้รับความไว้วางใจ ให้กลับมาเป็นความหวัง เพื่อยืนยันในพลังประชาธิปไตย และเพื่อเสนออนาคตให้กับทุกคนในวันข้างหน้า

“เชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจะเปิดโอกาสพิจารณาให้กับบุคลากรที่เห็นว่ามีความเหมาะสม ฉะนั้น ในการลงสมัครไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมที่จะน้อมรับการตัดสินของสมาชิกพรรคทุกคน” วทันยาระบุ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสการเดินเกมช่วงชิงอำนาจ ล้มแผนขั้วอำนาจเก่า ผ่านการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จะทำให้พรรค ปชป. ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด ก้าวเข้าสู่ “จุดเปลี่ยน” ครั้งใหญ่ คงต้องรอลุ้นกันว่า ท้ายที่สุด 9 ธันวาคม จะเห็นชื่อผู้นำทัพพรรค ปชป. คนที่ 9 หรือไม่