บทต่อไปของ ทักษิณและธนาธร บนยุทธศาสตร์ที่แตกต่าง (1)

มุกดา สุวรรณชาติ

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวเคลื่อนไหวทางการเมืองของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากกลุ่มก้าวหน้า และอีก 2 สัปดาห์นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าถ้ามีการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ในเดือนธันวาคม อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษด้วยเพราะอายุเกิน 70 ปีแล้ว และโทษที่ยังเหลือค้างอยู่ก็ไม่ถึง 1 ปี

จึงประเมินกันว่าจากปี 2567 ทั้งสองคนจะกลายมาเป็นพี่เลี้ยงอยู่ข้างเวที เนื่องจากผลทางคดีทำให้ไม่มีสิทธิ์เล่นการเมือง ไม่มีสิทธิ์รับตำแหน่งทางการเมือง แต่ทั้งสองไม่ทิ้งการเมืองและยังมีบารมีมากมาย

ล่าสุดธนาธรยืนยันว่า “ผมคิดว่าพันธมิตรระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเป็นพันธมิตรทำให้ประเทศก้าวหน้าที่สุดและกลับมาเป็นประชาธิปไตย”

เดือนนี้ธนาธรอายุ 45 ปีพอดี แต่อดีตนายกฯ ทักษิณอายุ 74 ปีกว่า ห่างกันเกือบ 30 ปี แต่ที่เหมือนก็คือ ประวัติการเรียนดี ความรู้ดีและประสบความสำเร็จในอาชีพสร้างฐานะจนร่ำรวย

และเมื่อเข้ามาสู่วงการเมืองก็พบความสำเร็จมาก จนถูกขัดขวางไม่ให้ทำการปฏิรูปทางการเมือง และการบริหารประเทศนี้

 

ดูประวัติ ดูรากฐานความคิด

อดีตนายกฯ ทักษิณเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยสอบได้ที่หนึ่งของรุ่น เรียนต่อปริญญาโท โดยได้รับทุน ก.พ. ในสาขากระบวนการยุติธรรม ที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเคนทักกี สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ.2518 จบปริญญาเอกในสาขาเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตต เมื่อปี พ.ศ. 2521(ปีที่ธนาธรเกิด)

กลับมารับราชการในกองวิจัยและวางแผน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และรองผู้อำนวยการศูนย์ประมวลข่าวสาร พอถึงปี 2530 ก็ลาออกจากราชการมาทำธุรกิจเต็มตัว และประสบความสำเร็จในธุรกิจด้านการสื่อสาร ในช่วงเวลาที่โทรศัพท์มือถือได้เริ่มแพร่หลายในประเทศไทย

พอถึงปี 2537 ก็วางมือจากธุรกิจเข้าสู่วงการเมืองโดยได้รับแต่งตั้งเป็น รมต.ต่างประเทศใน พ.ศ.2537 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย 2538 เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรมแทนจำลอง ศรีเมือง และเป็นรองนายกฯ ในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ในปี พ.ศ.2539 เป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

14 กรกฎาคม 2541 ทักษิณก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ชนะเลือกตั้งขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 หลังจากดำรงตำแหน่งจนครบ 4 ปี ก็ชนะในการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ได้ ส.ส.มากถึง 377 คน เกินกว่าที่ฝ่ายอื่นจะรับได้

อดีตนายกฯ ทักษิณจึงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากรอบด้าน ทุกทิศทางล่างบน

ทักษิณและพรรคไทยรักไทยต้องยืนสู้เอง ครั้งนั้นยังไม่มีคนเสื้อแดง กลุ่มอำนาจเก่ามองสถานการณ์ข้างหน้าไม่เป็น การรัฐประหาร กันยายน 2549 จึงเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ และโง่ๆ

ประเทศเสียหายยาวนานสิบกว่าปีจากการพยายามเอาชนะเสียงประชาชน

จากนั้นอดีตนายกฯ ทักษิณก็กลายเป็นนายกฯ นอกทำเนียบ

แต่พอ 15 ปีผ่านไปกลุ่มอำนาจเก่าคิดว่าชนะทักษิณได้แล้ว ก็เกิดธนาธรขึ้นมาดันกงล้อประวัติศาสตร์ต่อ แถมยังแรงกว่า

ประวัติธนาธรมีความเหมือนและต่าง

นายธนาธร รุ่งเรืองกิจ เรียนเตรียมอุดมศึกษาและเข้าศึกษาต่อวิศวกรรมศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยนอตติ้งแฮม ประเทศอังกฤษ

พ.ศ.2542 ธนาธรได้รับเลือกเป็นอุปนายก อมธ.

และ 2543 ได้รับเลือกเป็นรองเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เรียนต่อปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์การเมือง ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังต่อสาขาการเงินโลกและสาขากฎหมายธุรกิจระหว่างประเทศ จากเมืองนอก

เมื่อเขาอายุ 23 ปี บิดาก็เสียชีวิต จึงเข้ารับตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท สามารถทำให้กลุ่มบริษัทไทยซัมมิทเติบโตขึ้นอย่างมาก จากรายได้ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นรายได้ 80,000 ล้านบาท

กลายเป็นกลุ่มบริษัทระดับโลกที่มีโรงงานผลิตใน 7 ประเทศยักษ์ใหญ่ทั่วโลก รวมจำนวนพนักงานมากถึงราว 16,000 คน เป็นผู้ผลิตตัวถังรถยนต์ให้บริษัทเทสลา (Tesla) และเปิดโรงงานในสหรัฐ

การเข้าสู่การเมืองของธนาธรเริ่มตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาในการร่วมกิจกรรมตามรูปแบบของนักศึกษาหัวก้าวหน้า แม้จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2553 ธนาธรก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่สี่แยกคอกวัว

ธนาธรเตรียมตัวตั้งพรรคการเมืองมาตั้งแต่ปี 2560 และก็มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2561 โดยมีแกนนำหลักอีกคนคืออาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล จากธรรมศาสตร์ และกำลังหนุนที่แข็งขันก็คือเพื่อนเก่าสมัยที่เป็นนักศึกษา

ผลการเลือกตั้ง พ.ศ.2562 พรรคอนาคตใหม่ได้จำนวน ส.ส.ทั้งสิ้น 81 คน และได้รับคะแนน 6.3 ล้านคะแนน น้อยกว่าไทยรักไทยสมัยแรก

แต่กลุ่มอำนาจเก่ากลัวมากกว่า

 

ทั้งสองคนถูกสกัดจากกลุ่มอำนาจเก่า

กลุ่มอำนาจเก่าได้ข้อสรุปว่า ที่ผ่านมาพวกเขาทำพลาดปล่อยให้อดีตนายกฯ ทักษิณบริหารบ้านเมืองถึง 5 ปี ทำให้มีผลงานและประชาชนชื่นชอบ ดังนั้น จึงต้องใช้กำลังรัฐประหารใช้กฎหมายบีบทักษิณให้ออกจากประเทศ ต้องยุบพรรค ตัดสิทธิ์การเมือง แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังสกัดทักษิณไม่อยู่

ดังนั้น เมื่ออนาคตใหม่แจ้งเกิด จึงตัดสินใจสกัดทันที

ธนาธรถูกสกัดหลังเลือกตั้งทำให้ไม่มีสิทธิ์เป็น ส.สในสภา และต่อมาพรรคอนาคตใหม่ก็ถูกยุบจึงต้องอวตารเป็นพรรคก้าวไกล

แต่หลายปีต่อมาเราจะเห็นได้ว่าการสกัดพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้ผล แม้เป็นพรรคก้าวไกล ประชาชนกลับนิยมมากกว่าเดิม

แต่ถ้าเทียบแรงกดดันทางการเมืองและการถูกกระทำ พรรคไทยรักไทยโดนหนักกว่าเพราะโดนรัฐประหารในปี 2549 แต่ยังไม่ยอมสยบ ยังชนะเลือกตั้งในปี 2550 และตั้งรัฐบาล จึงโดนตุลาการภิวัฒน์ล้มรัฐบาล ยุบพรรคพลังประชาชนในปี 2551 พอมาลุกขึ้นสู้ปี 2553 ชุมนุมให้ยุบสภาก็โดนปราบสังหารหมู่กลางเมือง แต่เมื่อถึงการเลือกตั้ง 2554 ก็ยังชนะอีก คราวนี้เลยโดนทั้งตุลาการภิวัฒน์ และรัฐประหาร โค่นรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

บางคนวิเคราะห์ว่าทักษิณควรตัดสินใจสู้ตั้งแต่ตอนกันยายน 2549 การยอมครั้งนั้นทำให้เกิดข้อผิดพลาดจึงถูกรุกถอยร่นมาทุกแนว

ขณะที่บางกลุ่มมองว่าทักษิณฉลาดที่มองว่าความนิยมของตัวเองสามารถชนะการเลือกตั้งได้ จึงอดทนรอคอยและก็ทำได้สำเร็จจริง

 

ทั้งสองพรรคเลือกเดินแนวทางเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้งปี 2562 เพื่อไทยยังใช้ยุทธศาสตร์เดิมคือหวังจะชนะการเลือกตั้งแล้วจะเข้ามามีอำนาจทางการเมือง แต่เมื่อเจอรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้เลือกตั้งบัตรใบเดียว จึงต้องมีพรรคแนวร่วม ไทยรักษาชาติ แต่ก็โดนยุบพรรค คราวนั้นจึงได้ ส.ส.เพียง 136 คน ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่แจ้งเกิด ได้ ส.ส.ถึง 81 คน แม้รวมฝ่ายประชาธิปไตย จะได้ ส.ส. 240 คน แต่ก็ไม่สามารถสู้อีกฝ่ายซึ่งมีวิธีดูดดึงและมีกรรมการช่วย ทั้ง 2 พรรคก็เลยต้องร่วมกันเป็นฝ่ายค้านไป 4 ปี

พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญใน พ.ศ.2563 ธนาธรได้ถูกศาลตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลาถึง 10 ปี พรรคอนาคตใหม่อวตารเป็นพรรคก้าวไกล โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าของพรรคเพื่อสานต่ออุดมการณ์ ดูเหมือนเส้นทางการเมืองอนาคตใหม่กำลังถูกบีบให้เดินแบบไทยรักไทย

หลังพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ธนาธรจึงเคลื่อนไหวการเมืองผ่านกลุ่มก้าวหน้า

อดีตนายกฯ ทักษิณก็เคลื่อนไหวจากต่างประเทศ เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร 2557 และการสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้ง 2562 ทั้งสองคนและสองพรรคยังคงร่วมมือกันได้

แต่ในสนามเลือกตั้งคือสนามแข่งขันที่ยอมกันไม่ได้ โดยเฉพาะในระดับเขต ความขัดแย้งจึงก่อตัวขึ้นและขยายออกไป

แม้ธนาธรจะบอกว่าการร่วมมือกันจะส่งผลดีที่สุดต่อประชาชน

แต่วันนี้ ยุทธศาสตร์ของเพื่อไทย และก้าวไกล แตกต่างกัน

นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญของความขัดแย้ง และจะมีผลอย่างสำคัญในอนาคต ซึ่งจะวิเคราะห์ในตอนหน้า