ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 พฤศจิกายน 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | โฟกัสพระเครื่อง |
เผยแพร่ |
“หลวงพ่อเที่ยง ปัณฑิโต” อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 2 วัดธรรมนิมิต ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกรูปลุ่มน้ำแม่กลอง วิทยาคมเข้มขลัง
เกียรติคุณและความแก่กล้าในวิทยาคม ยังได้รับการกล่าวขานจนถึงปัจจุบัน พระเครื่องและวัตถุมงคลที่ปลุกเสกไว้ ล้วนเป็นที่ปรารถนา หลายรุ่นได้รับความนิยมสูง
เหรียญหลวงพ่อเที่ยง หลังพระอาจารย์แม้น ก็เป็นอีกเหรียญที่ได้รับความนิยม
สร้างเมื่อปี พ.ศ.2495 ลักษณะเป็นเหรียญรูปอาร์มหรือเหรียญโล่ มีหูในตัว จัดสร้างโดยพระอาจารย์แม้น อิสิทินโน เจ้าอาวาสวัดธรรมนิมิต สร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียว
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองหลวงพ่อเที่ยงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปจำลองของเหรียญมีอักขระยันต์ เขียนว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ”
ด้านหลัง เป็นรูปจำลองพระอาจารย์แม้นครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปจำลองของเหรียญมีอักขระยันต์ เขียนว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ”
ส่วนอีกเหรียญหนึ่ง คือ เหรียญหลวงพ่อเที่ยง พ.ศ.2511
สร้างเมื่อปี พ.ศ.2511 ลักษณะเป็นเหรียญรูปอาร์มหรือเหรียญโล่ มีหูในตัว จัดสร้างโดยพระอาจารย์แม้น สร้างด้วยเนื้อทองแดง และทองแดงกะไหล่ทอง จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองหลวงพ่อเที่ยงครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ
ด้านหลัง มีอักขระภาษาไทย เขียนคำว่า “หลวงพ่อเที่ยงปณฺฑิตะ วัดธรรมนิมิต พ.ศ.๒๕๑๑”
แม้ทั้งสองเหรียญจะเป็นเหรียญตาย แต่มิใช่ว่าจะด้อยพุทธคุณ
จัดเป็นเหรียญที่หายากอีกเหรียญเช่นเดียวกัน
อัตโนประวัติ หลวงพ่อเที่ยง ทราบแค่เพียงว่า เกิดในปี พ.ศ.2370
เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2392 ขณะที่มีอายุได้ 22 ปี ที่วัดธรรมนิมิต โดยมีพระอุปัชฌาย์บุญ เจ้าอาวาสวัดธรรมนิมิต เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์มา วัดธรรมนิมิต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ แต่ไม่ปรากฏนามพระอนุสาวนาจารย์ว่าเป็นท่านใด ได้รับฉายาว่า ปัณฑิโต
หลังอุปสมบท กราบลาพระอุปัชฌาย์บุญ ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม เป็นเวลา 4 พรรษา
ในพรรรษาที่ 4 นั้นเอง พระอาจารย์มา วัดธรรมนิมิต มรณภาพลงในปี พ.ศ.2396 จึงได้ลาเจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม กลับมาอยู่กับพระอุปัชฌาย์บุญ ที่วัดธรรมนิมิต ตามเดิม
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2402 พระอุปัชฌาย์บุญ มรณภาพลง จึงช่วยรักษาการเจ้าอาวาส จนเมื่อร่วมกันจัดการฌาปนกิจศพพระอุปัชฌาย์บุญและพระอาจารย์มา พร้อมกัน เมื่อปี พ.ศ.2403 เสร็จเรียบร้อยแล้ว
จึงได้รับนิมนต์ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน โดยมีพระอาจารย์สร้าง เป็นผู้ช่วย เมื่อปี พ.ศ.2403
หลังเป็นเจ้าอาวาส ยึดถือปฏิปทาดำเนินตามพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด มีคุณธรรม คือ หิริและโอตตัปปะ ช่วยแนะนำพร่ำสอนให้พระภิกษุ-สามเณร ศึกษาพระธรรมวินัยและให้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และหมั่นแนะนำพร่ำสอนชาวบ้านให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมและดำรงตนอยู่ในสัมมาปฏิบัติ
ด้วยความที่ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดและมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำให้ชาวบ้านและพุทธศาสนิกชนเลี่ยมใส จึงได้พากันไปมาหาสู่และมีใจศรัทธาเสียสละทรัพย์ส่วนตัวบ้าง รวมกันบ้าง เพื่อทำการก่อสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ ไว้ในวัด
สุดท้ายมรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2458 สิริอายุ 83 ปี พรรษา 61
ในการนี้ พระเขมาภิมุขธรรม วัดพิชัยญาติการาม กรุงเทพฯ มาเยี่ยมศพเมื่อกลับกรุงเทพฯ แล้ว จึงนำข่าวมรณภาพไปกราบทูลให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงทราบ
เพื่อขอให้พระอาจารย์ถนอม เป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าอาวาส ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงอนุญาตให้มาในปี พ.ศ.2458
ปี พ.ศ.2459 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จมาเยี่ยมศพพระอาจารย์เที่ยง ทรงรับสั่งให้เตรียมการฌาปนกิจศพ โดยทรงพระกรุณารับเป็นประธาน และทรงพระกรุณาสร้างกุฎีอุทิศให้พระอาจารย์เที่ยง 1 หลัง เพื่อเป็นอนุสรณ์
ปลายปี พ.ศ.2459 ทางวัดจัดการฌาปณกิจศพ มีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นประธาน พระอาจารย์ถนอม เป็นรองประธาน พระอาจารย์แม้น เป็นผู้ช่วย ฝ่ายคฤหัสถ์ที่เป็นกรรมการ อาทิ ขุนนิพัทธ์หะริณสุต, ขุนอนุกรมจะเกร็งรัฐ, ขุนศรีปุนสิริ, ขุนบวรประชานันท์, ขุนอาชีวกิจโกศล เป็นต้น พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์และท่านที่เคารพนับถือ ร่วมกันทำการฌาปณกิจศพ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเริ่มวางพระเพลิงก่อน มีมหรสพพอสมควรแก่ฐานะ
แต่ด้วยเหตุที่สมเด็จฯ ทรงมีงานที่ต้องตรวจสังฆมณฑลให้เสร็จสิ้นเสียก่อน งานจึงล่าช้าออกไป และงานณาปณกิจศพของหลวงพ่อเที่ยงมาสำเร็จไปได้ด้วยความเรียบร้อยหลังจากนั้น •
โฟกัสพระเครื่อง | โคมคำ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022