‘พีระพันธุ์’ ปาดหน้า ‘เศรษฐา’ ชิงคะแนนนิยมลดโซฮอล์ 91 ไม่พลาดท่าแบบดีเซล-ค่าไฟ

บทความเศรษฐกิจ

 

‘พีระพันธุ์’ ปาดหน้า ‘เศรษฐา’

ชิงคะแนนนิยมลดโซฮอล์ 91

ไม่พลาดท่าแบบดีเซล-ค่าไฟ

 

นโยบายลดราคาพลังงานลดแรงกระแทกใจที่เกิดขึ้นช่วงการบริหารงานเกือบ 2 เดือนของรัฐบาลชุดนี้ ได้สร้างคะแนนนิยม ทั้งต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

เพราะทันทีที่เปิดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก 13 กันยายน 2566 ก็ประกาศลดภาษีสรรพสามิตดีเซลประมาณ 2.50 บาทต่อลิตร กดราคาดีเซลลง 2 บาทต่อลิตร จาก 31.94 บาทต่อลิตร ลดเหลือ 29.94 บาทต่อลิตร มีผล 20 กันยายน 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 และยังประกาศลดค่าไฟเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย จากเดิม 4.45 บาทต่อหน่วย (เดือนกันยายน-ธันวาคม 2566)

แม้จะมีเสียงบ่นจากชาวบ้านเรียกร้องลดเบนซิน แต่เรื่องนี้ นายพีระพันธุ์รับปากจะเดินหน้าลดเช่นกัน ด้วยการลดค่าการตลาดเหลือไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร แต่ขอเวลาทำ เพราะข้อกฎหมายที่ไม่เอื้อ ทั้งกฎหมายของกระทรวงพลังงานและกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ แต่ยืนยันเสร็จภายในสิ้นปี ทันเป็นของขวัญปีใหม่ให้ชาวเบนซินแน่

ต่อมาในการประชุม ครม.นัดสอง 18 กันยายน แม้จะใช้เวลาสั้นๆ เพราะนายเศรษฐาต้องเดินทางไปสหรัฐอเมริกา แต่ ครม.ก็สร้างเซอร์ไพรส์ประกาศลดค่าไฟลงอีก เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย (เดือนกันยายน-ธันวาคม 2566) โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระงดเว้นการคืนหนี้ต้นทุนค่าไฟฟ้าจากระบบงวดนี้ 2.3 หมื่นล้านบาท และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ชะลอเรียกเก็บค่าเชื้อเพลิง 8-9 พันล้านบาท

แม้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศอัตรา 3.99 บาทต่อหน่วยวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ประชาชนส่วนหนึ่งจ่ายบิลเดือนกันยายนไปแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลเพราะค่าไฟอัตรานี้มีผลย้อนหลังเดือนกันยายน หมายถึงครัวเรือนจะได้ส่วนลดคืน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนผลงานลดค่าไฟ และดีเซล คะแนนนิยมจะเทไปทางนายเศรษฐามากกว่า!!

 

เมื่อถึงคิวการลดราคาเบนซินภายใต้โมเดลใหม่ นายพีระพันธุ์เลือกชิงพื้นที่ให้ข่าวลดราคาหลังประชุม ครม. 16 ตุลาคมทันที ประกาศลดราคาเบนซินเท่าดีเซลระดับ 2.50 บาทต่อลิตร ส่วนการลดค่าการตลาดไว้อีกขยัก

เจ้าตัวระบุ กระทรวงพลังงานเสนอแนวทางลดเบนซินให้ ครม. 2 ทางเลือก คือ

1. การช่วยเหลือกลุ่มผู้ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง เหมือนที่ทำมาก่อนหน้านี้ โดยใช้เงินเดือนละ 95 ล้านบาท

2. การช่วยเหลือขยายจากผู้ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รวมถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยใช้เงินเดือนละ 4,000 ล้านบาท

แต่ ครม.ไม่เห็นชอบ อยากให้ช่วยทุกคนแบบดีเซล จึงจะกลับไปทำรายละเอียดมาเสนออีกครั้ง วางกรอบภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมแย้มจะใช้ภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแล

ตรวจสอบกองทุนน้ำมันฯ ที่ติดลบกระจุย ทะยาน 1 แสนล้านบาทในสิ้นปี ประเมินได้ทันทีว่า เครื่องมือภาษีสรรพสามิตน่าจะเอื้อที่สุด เพราะกองทุนน้ำมันฯ มีภาระต้องอุดหนุนดีเซลและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) จนหลังแอ่น ปัจจุบันมีรายได้ทางเดียวคือเบนซิน

ต่อมาวันที่ 18 ตุลาคม ในงานเปิดบ้านพิบูลธรรม สื่อมวลชนสายพลังงานครั้งแรก นายพีระพันธุ์ยังตอกย้ำว่าจะนำเสนอมาตรการลดราคาน้ำมัน “แก๊ซโซฮอล์ 91” ชนิดเดียวก่อนในอัตรา 2.50 บาทต่อลิตรเข้าสู่ ครม.สิ้นเดือนตุลาคม 2566

พร้อมแจงสาเหตุเลือกช่วยเหลือแก๊ซโซฮอล์ 91 ก่อน เพราะเป็นน้ำมันที่ราคาหน้าโรงกลั่นถูกที่สุด อยู่ที่ 22.21 บาทต่อลิตร ประกอบกับเป็นน้ำมันที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย อาทิ ผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ ใช้มากที่สุด ขณะที่เป็นอัตรา 2.50 บาทต่อลิตร เพราะต้องการให้ลดไม่น้อยกว่าดีเซลที่ ครม.อนุมัติไปก่อนหน้านี้ โดยจะลดนาน 3 เดือนเช่นเดียวกับดีเซล

นอกจากนี้ยังยอมรับว่า ด้วยข้อติดขัดทางกฎหมายที่ไม่เอื้อให้สั่งการผู้ค้าน้ำมันได้ และผู้ค้าน้ำมันอ้างความลับทางการค้า ดังนั้น กระทรวงพลังงานจะมีการยกร่างกฎหมายในส่วนนี้ รวมทั้งจะพิจารณากฎหมายในภาพรวมทั้งหมด วางกรอบเสร็จภายในปี 2566

โดยปัจจุบันได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด มีตัวแทนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอธึก อัศวานันท์ เป็นประธาน

 

ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานยังอยู่ระหว่างยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อเกษตรกรและชาวประมง เพื่อจัดหาน้ำมันราคาถูกให้กลุ่มเกษตรกรใช้ ในลักษณะคล้ายน้ำมันเขียวของชาวประมง คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้

โดยราคาจะถูกลงเช่นเดียวกับน้ำมันเขียวประมง ปัจจุบันน้ำมันเขียวถูกกว่าน้ำมันขายปลีกทั่วไปประมาณ 6 บาทต่อลิตร ดังนั้น ต้องพิจารณาความเหมาะสม วงเงินอุดหนุน จำนวนเกษตรกร และสีใดที่เหมาะสม แต่ยืนยันถูกกว่าราคาขายปลีกทั่วไปแน่นอน

ขั้นตอนเมื่อกฎหมายเสร็จจะเสนอ ครม.เห็นชอบ จากนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาออกกฎหมายมาบังคับใช้ วางกรอบเสร็จภายในปี 2566 เช่นกัน

ทั้งนี้ เพื่อทำให้โครงสร้างราคาพลังงานถูกต้อง การลดราคาพลังงานคือแผนระยะสั้น ส่วนระยะกลางคือสางกฎหมาย และระยะยาวจะบูรณาการภาพรวม

 

กลยุทธ์ชิงพื้นที่ข่าวของนายพีระพันธุ์ยังไปต่อ เพราะในการประชุม ครม. 24 ตุลาคม 2566 เจ้าตัวได้โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ครม.เห็นชอบตามกระทรวงพลังงานเสนอลดราคาเบนซิน 91 ลง 2.50 บาท”

ประโยคนี้สร้างความฮือฮาชวนเข้าใจว่า ครม.เคาะแล้ว แต่กลับไม่ใช่!!

เพราะเป็นเพียงการรายงานความคืบหน้า ครม.ถึงแนวทางการปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 ลง

โดยนายพีระพันธุ์จะเสนอ ครม.อนุมัติลดโซฮอล์ 91 ลง 2.50 บาทต่อลิตร วันที่ 31 ตุลาคมนี้

เมื่อลดราคาสำเร็จ เชื่อว่าจะยิ่งส่งผลต่อโมเมนตัมการสื่อสารเรียกคะแนนนิยมให้นายพีระพันธุ์ ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อีกมากโขแน่นอน!!