‘เริ่มต้น’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
ช้างป่า - หลายครั้งอยู่ในซุ้มบังไพร สัตว์ป่าก็วางใจ อนุญาตให้พบ และเข้ามาอยู่ใกล้ๆ

ผมไม่แน่ใจนักหรอกว่า อะไรทำให้เริ่มต้นบนเส้นทางการทำงานในป่า และอยู่มายาวนาน

ผมนึกถึงเรื่องนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่นั่งอยู่ในซุ้มบังไพรอันร้อนอบอ้าว ซึ่งเป็นธรรมดาของป่าในช่วงฤดูแล้ง

อย่างเช่น ในวันของฤดูแล้งหนึ่ง ซุ้มบังไพรอยู่ริมลำห้วย ใต้ต้นมะกอกที่กำลังจะทิ้งใบเพื่อลดการใช้น้ำ สัปดาห์แรก ใบหนาของต้นมะกอกช่วยบังแสงอาทิตย์ให้บ้าง แต่เมื่อเข้าสัปดาห์ที่สอง ใบร่วงหมด เหลือเพียงกิ่งก้านเปลือยๆ ตั้งแต่สายจนกระทั่งถึงสี่โมงเย็น ซุ้มบังไพรจะตกอยู่ภายใต้แสงแดด

กระนั้น การอยู่ในซุ้มบังไพรที่ร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลท่วมตัว ก็ไม่ใช่เวลาอันผ่านไปอย่างว่างเปล่า เพราะไม่ไกลจากซุ้ม มีซากกวางที่หมาไนฝูงหนึ่งล่าได้ พวกมันใช้เวลาร่วมสัปดาห์ วนเวียนอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนไกล

ผมค่อนข้างแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ ผมเข้าใจว่า หมาไนเป็นนักล่า แม้จะมีประสิทธิภาพมาก แต่ดูเหมือนพวกมันจะเป็นพวก “ฉาบฉวย” ใช้การล่าชนิดช่วยกันไล่ต้อน เข้ารุมล้อมเหยื่อ เมื่อเหยื่อล้ม จะรีบกิน รีบไป

หมาไนฝูงนี้ทำให้ผมเห็นว่า บางครั้งพวกมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เป็นเวลาหลายวันที่พวกมันใช้เวลาอยู่ที่นี่ กินซาก นอนพัก หยอกล้อ สลับการนอนพัก

หมาไนทำให้ผมเข้าใจ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยจึงจะพูดได้ว่า รู้จักสิ่งหนึ่งอย่างใดอย่างแท้จริง ไม่ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร อยู่ใกล้หรือไกลเพียงไร

 

อยู่คนเดียวในซุ้มบังไพร แต่ข้างนอกมีฝูงหมาไนเป็นเพื่อน ผมเฝ้าดูพวกมันตลอดวัน

ในแคมป์นี่แหละที่ผมอยู่ลำพัง

สมนึก คนงานจากหน่วยพิทักษ์ป่า ซึ่งมาอยู่ช่วยผมหนึ่งสัปดาห์ ถูกเรียกตัวกลับไปช่วยงานของหน่วย

ตอนแรกเขาทำท่าอิดออดไม่อยากกลับ

“แล้วพี่จะอยู่ยังไง ใครจะช่วยแบกของ ไม่กลัวเหรอ หุงข้าวเป็นหรือเปล่า กับข้าวล่ะ” สมนึกพูดอย่างเป็นห่วง

“เถอะน่า” ผมตัดบท และพูดแบบขำๆ ต่อ

“เราทำอย่างนี้ตั้งแต่สมนึกยังอยู่ปอสี่นะ”

“เออ จริงแฮะ” เขายิ้มอย่างยอมจำนน

 

พลบค่ำ และตลอดคืน แคมป์เงียบเชียบ ไม่มีเสียงฮัมเพลง เสียงคุย แต่ผมได้ยินเสียงฟืนปะทุลูกไฟแตกกระจายชัดเจนขึ้น

ดวงจันทร์เริ่มแหว่ง และโผล่จากขอบฟ้าดึกขึ้นเรื่อยๆ หลายคืน ความเงียบถูกทำลายด้วยเสียงช้างร้องอยู่ไกลๆ

นั่งข้างกองไฟ หม้อสนามเต็มไปด้วยคราบเขม่าสั่นเบาๆ สักพักก็หยุดนิ่ง นั่นแสดงว่าข้าวเริ่มสุก ผมขยับหม้อข้าวให้ห่างกองไฟสักนิด

อยู่คนเดียว หลายอย่างคล้ายจะง่ายดายขึ้น เช่น ข้าวหนึ่งหม้อกินไปได้หลายมื้อ มีเวลาจดบันทึกมากขึ้น กับข้าวก็ไม่ต้องพิถีพิถัน ตื่นและเดินไปซุ้มบังไพรตั้งแต่เช้ามืด

ช้างป่า – หลายครั้งอยู่ในซุ้มบังไพร สัตว์ป่าก็วางใจ อนุญาตให้พบ และเข้ามาอยู่ใกล้ๆ

กลางวันอยู่กับสภาพอากาศร้อนอบอ้าว กลางคืนสายลมเอื่อยๆ ที่พัดมา ตอนดึกเย็นยะเยือก

บางวันท้องฟ้าที่ควรเป็นสีครามเข้มในช่วงบ่าย กลับดูขมุกขมัว อาจมีไฟป่าเกิดขึ้นไม่ไกล ผมได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินดูไฟ ดังแว่วๆ

ทุกวันราว 11 นาฬิกา หมูป่าโทนร่างล่ำสันจะเดินออกจากด่าน ลงลำห้วย และข้ามน้ำมาอีกฝั่ง ตรงเข้าไปที่ซากกวาง หมาไในที่กำลังนอนพักผ่อน เพียงผงกหัวขึ้นดู และหลับตานอนต่อ หมูเข้าถึงซาก คาบเนื้อชิ้นโตวิ่งเหยาะๆ เข้าด่านไป

กวางที่หมาไนฆ่าได้ ตัวโตพอแบ่งปันกันได้

 

เช้ามืด ด่านริมห้วย ที่ผมใช้เดินมาซุ้ม มีรอยเสือโคร่งเดินมุ่งหน้าไปทางเดียวกับผม

ผมตั้งความหวังไว้ว่า เจ้าของรอยตีนจะเดินผ่านมาให้ผมเห็นบ้าง

หากเทียบวิถีการทำงานของนักล่า ระหว่างหมาไนกับเสือนั้น หมาไนดูจะทำงานได้ผลมากกว่า แม้ว่าเสือจะได้รับการออกแบบร่างกายมาอย่างเหมาะสม มีรูปร่างและทักษะเชี่ยวชาญ แต่เสือเป็นพวกสมถะ ไม่ใช่เป็นพวกก้าวร้าว หรือพร้อมเข้าต่อสู้ตลอดเวลา

พวกมันรู้ดีเสมอว่า ชีวิตของพวกมันนั้น ขึ้นอยู่กับการล่าอันประสบผลสำเร็จ ดังนั้น การบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย นั่นย่อมเป็นอุปสรรคได้

ผมเคยใช้เวลาติดตามร่องรอยเสือ ในระหว่างนั้น ผมได้พบและรู้จักหมาไนมากขึ้น

 

หลังจากคร่ำเคร่งมาหลายวัน ผมเริ่มผ่อนคลาย หุงข้าวหม้อใหม่ ระหว่างรอข้าวสุก ลงไปอาบน้ำในลำห้วย นอนแช่ให้น้ำไหลผ่าน ร่วมกับฝูงปลาตัวเล็กๆ

กับข้าว ผมทำช้าๆ กะปิ มะนาว พริกขี้หนูยังมี ปรุงรสน้ำพริกกะปิตามใจชอบ

ไฟกองเล็กส่องแสงวูบวาบ ท้องฟ้ามืดสนิท ดาวส่องแสงระยิบ

คืนข้างแรม กว่าดวงจันทร์เสี้ยวบางจะโผล่พ้นขอบฟ้าก็ล่วงเข้าค่อนคืน

จู่ๆ ฝนก็โปรย ผมขึงผ้ายางเหนือกองไฟ และที่เก็บเสบียง

นอนบนเปล ในป่ามืดมิด ฟังเสียงฝนกระทบฟลายชีต

แม้ว่าจะคุ้นชินกับวิถีทางเช่นนี้ แต่บางขณะผมก็รู้สึกคล้ายกับว่า เวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสียจริง

 

ข้อดีของการอยู่ลำพัง จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้รู้จักอะไรๆ มากขึ้น โดยเฉพาะสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ อย่างตัวผมเอง

นั่นทำให้รู้ว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่

อีกทั้งได้รู้ว่า สิ่งที่กำลังทำมาอย่างยาวนาน มัน “เริ่มต้น” มาจากสิ่งที่เรียกว่าความรัก •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ