Leica Cine 1 Smart Cinema TV

ในที่สุดเครื่องฉายภาพที่เรียกว่า Laser TV ของ Leica เจ้าของเครื่องหมายจุดแดงบนกล้องถ่ายรูป ที่เป็นความฝันใฝ่ใคร่ครอบครองของผู้นิยมการถ่ายรูป ก็ปรากฏตัวให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมด้วยสามารถซื้อหาเป็นเจ้าของได้แล้ว หลังจากนำไปเปิดตัวเรียกน้ำย่อยให้ใครต่อใครได้เห็นกันมาก่อนหน้านี้หนึ่งปีเต็มๆ ในงาน IFA ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

วันนี้, ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Leica กับ Hisense คือ Leica Cine 1 ที่แบรนด์ให้นิยามว่า The Art of Home Cinema พร้อมที่จะสร้างความบันเทิงให้กับทุกบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อคราวที่นำเครื่องต้นแบบไปโชว์ในงาน IFA 2022 นั้น Dr. Lin ประธานของ Hisense และ Mr. Matthias Harsch ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Leica Camera AG ได้กล่าวถึงความร่วมมือซึ่งกันและกัน ด้วยการนำประสบการณ์ที่ต่างมีความโดดเด่น ทั้งในแง่ของไฮเซนส์ที่เป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมเลเซอร์ ทีวี ผ่านการเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่มากถึง 1,700 ฉบับในสาขานี้ กับไลก้าแบรนด์สุดคลาสสิค และมีประวัติอันโดดเด่นมาอย่างยาวนานในด้านการถ่ายภาพ และมีความแข็งแกร่งทางด้านเทคโนโลยีออฟทิคัลอันยอดเยี่ยม มาร่วมกันพัฒนาเลเซอร์ ทีวี ที่จะมอบความคมชัดของภาพความละเอียดสูง

รวมไปถึงการรังสรรค์ช่วงสีที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าเดิม ที่นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม และเป็นการช่วยถนอมสายตาของผู้บริโภคอีกด้วย ทั้งยังให้คุณภาพเสียงที่เต็มอิ่มบนจอขนาดใหญ่อย่างน่าทึ่งมาก

Leica Cine 1 จะถ่ายทอดความคมชัดของภาพยนตร์ความละเอียดสูง ระดับ 4K Ultra Hi-Definition เพื่อนำไปสู่ประสบการณ์การรับชมภายในบ้านได้อย่างน่าประทับใจ

นับเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวยิ่ง ระหว่างสไตล์การปรับแต่งภาพอันยอดเยี่ยมของไลก้า กับการรังสรรค์สีสันอันหลากหลายจากแสงเลเซอร์ของไฮเซนส์ อันนำมาซึ่งความสมบูรณ์ของภาพที่สุดแสนตระการตาอย่างแท้จริง

กล่าวสำหรับไลก้านั้น เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงมักคุ้นกับชื่อ ชั้น ของแบรนด์นี้เป็นอย่างดีกันอยู่แล้ว แต่กับไฮเซนส์คงมีไม่มากคนนักที่จะทราบ ว่าเป็นแบรนด์ที่ท่องอยู่ในยุทธจักรผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์มากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชิงเต่า ประเทศจีน มีค่านิยมหลักที่ยึดมั่น คือ ‘ความซื่อสัตย์ นวัตกรรม การให้ความสำคัญต่อผู้บริโภคและความยั่งยืน’

โดยมียุทธศาสตร์การพัฒนาภายใต้ ‘รากฐานเทคโนโลยีที่แข็งแรง และการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง’ โดยมีธุรกิจครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ มัลติมีเดีย, เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน. เทคโนโลยีสารสนเทศอัจฉริยะ ตลอดจนอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่

ปัจจุบันนานาผลิตภัณฑ์ของไฮเซนส์ได้กระจายไปกว่า 160 ประเทศทั่วโลก โดยมีสมาร์ตทีวี เป็นธุรกิจสู่ผู้บริโภคที่จัดอยู่ระดับแถวหน้าของโลกในอุตสาหกรรมแขนงนี้ ขณะที่ธุรกิจต่อธุรกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วประกอบไปด้วยระบบการขนส่งอัจฉริยะ, การแพทย์แบบจำเพาะบุคคล และธุรกิจการสื่อสารด้วยแสง

หากให้นิยามความเป็น Leica Cine 1 อาจกล่าวได้ว่านี้คือระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบในลักษณะ All-in-One เพราะนอกจากจะทำหน้าที่เป็นเครื่องฉายภาพแล้ว ภายในยังผนวกภาครับการแพร่ภาพทั้งจากสถานีโทรทัศน์, เคเบิล ทีวี และจากทีวีดาวเทียมอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเครื่องฉายภาพทั่วๆ ไปอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังมี HDMI Input ให้ถึงสามชุด (สองชุดเป็นแบบมาตรฐาน 2.1 และรองรับ eARC ส่วนอีกชุดเป็นแบบ 2.0) พร้อมพอร์ต USB สำหรับการทำงานกับสื่อความบันเทิงที่เก็บไว้ในไฟล์ได้อย่างสะดวก ทั้งยังมีพอร์ต Ethernet ที่แสดงให้เห็นถึงความครอบคลุมในการใช้งานได้หลายหลากมาก ส่วนสัญญาณเสียงขาออกหรือ Digital Audio Out เป็นแบบออฟทิคัล

สำหรับการฉายภาพนั้นได้ถูกออกแบบมาในลักษณะ UST : Ultra-Short Throw ที่มีระยะห่างจากจอภาพใกล้เป็นพิเศษ คือเพียงแค่ 15 เซนติเมตรเท่านั้น (แบบว่าวางเครื่องแทบจะติดหน้าจอเลยก็ว่าได้ ดังที่เห็นในรูปประกอบนั่นแหละครับ)

และเลนส์ที่ใช้คือ Summicron Lens ของไลก้าเองที่มีความล้ำสมัยแบบสี่ชิ้น ที่ให้ความคมชัดพร้อมรายละเอียดของภาพระดับ 4K แม้จะฉายอยู่ในห้องที่มีความสว่างมากก็ตาม โดยแนะนำให้ใช้ร่วมกับจอภาพแบบ ALR : Ambient Light Rejection Screen ซึ่งเป็นจอตัดแสงที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการใช้งานกับเครื่องฉายภาพในห้องที่มีสภาพแสงปกติทั่วไป

ALR Screen นอกจากจะมีคุณสมบัติเด่นในการสะท้อนและหักเหแสงรายรอบออกไปจากหน้าจอได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้ภาพที่ฉายขึ้นจอแลดูสดใสและมีค่า Contrast ที่สูงขึ้นด้วย

ขณะเดียวกันเครื่องยังได้ผนวกระบบประมวลผลภาพที่เป็นสิทธิบัตรของไลก้าเอง คือ LIO : Leica Image Optimization ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานเพื่อให้ได้ภาพที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในแง่ของสีสัน แสงงา และรายละเอียดที่ให้มิติภาพออกมาได้อย่างโดดเด่น

การทำงานของเลเซอร์เป็นแบบ Triple RGB-Laser ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘เลเซอร์บริสุทธิ์’ แยกแสงสีแดง เขียว และน้ำเงิน ยิงแสงทั้งสามสีส่งตรงไปยังชิปกำเนิดภาพซึ่งทำงานในระบบ Single-chip DLP : Digital Light Processing ของ Texas Instrument โดยให้ความละเอียดของภาพระดับ 3840 x 2160 การทำงานของเลเซอร์นอกจากจะมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 25,000 ชั่วโมงแล้ว ยังให้ความสว่างของภาพ (Brightness) สูงถึง 3,000 ANSI-Lumen และเทคโนโลยีทางด้าน HDR : High Dynamic Range นั้น รองรับพัฒนาการล่าสุดตามมาตรฐาน HDR 10+, HLG และ Dolby Vision

การทำงานแบบสตรีมมิ่งผ่าน Wi-Fi 6 ที่มีความเร็วสูงพร้อมกับมีความเสถียรที่เพิ่มมากขึ้นด้วย และการสตรีมผ่าน Bluetooth v5.0 โดยมีเมนูให้ข้าถึงผู้ให้บริการชั้นนำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Prime Video, Disney+ ตลอดจน Apple TV+

ทางด้านระบบเสียงเป็นแบบ 4 แชนเนล ผนวกชุดลำโพงสี่ตัวที่รองรับ Dolby Atmos

Leica Cine 1 มีมิติโครงสร้างเครื่อง (กว้าง x สูง x ลึก) 600 x 149 x 378 มิลลิเมตร น้ำหนัก 15.1 กิโลกรัม มีให้เลือกฉายภาพได้สามขนาด คือ 80 นิ้ว, 100 นิ้ว และ 120 นิ้ว ซึ่งเวลานี้ที่ยุโรปวางจำหน่ายเฉพาะรุ่น 100 นิ้ว ราคา 8,495 ปอนด์ กับรุ่น 120 นิ้ว ราคา 8,995 ปอนด์ โดยทั้งสามรุ่นมีขนาดและน้ำหนักเครื่องเท่ากันครับ

หลังออกตลาดมาได้ไม่กี่วัน มีบางสื่อไปลองทดสอบที่ Flagship Store ของไลก้าในกรุงลอนดอน แล้วให้ความเห็นว่า มันให้ความสมจริงของภาพที่ดูมีรายละเอียดในระดับที่น่ามหัศจรรย์มาก แม้บางครั้งจะรับรู้ได้ถึงการมี Rainbow Effect แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรบกวนสมาธิในการรับชมแต่อย่างใด ให้ภาพที่มีความสว่างและสีสันอันสดใส รวมทั้งมีคอนทราสต์ที่น่าประทับใจโดยมิพักต้องดูในห้องที่มืดสนิทแต่อย่างใด เพราะการสาธิตเครื่องทำกันในห้องที่มีแสงสว่างปกติทั่วๆ ไป

ภาคขยายเสียงกับลำโพงก็ทำงานออกมาอย่างทรงพลัง น่าประทับใจมาก เป็นเสียงที่เต็มอิ่มแม้จะอยู่ในห้องขนาดใหญ่ก็ตาม

และย้ำในตอนท้ายว่ามันต้องการจอภาพที่คู่ควรต่อการทำงาน เพื่อการรังสรรค์ภาพที่ดีที่สุดออกมาให้ชม •

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]