ส่องเกมหมากล้อม ทัพบก-ทัพเรือ ‘บิ๊กปู-บิ๊กวิน’ กลางดง ตท.24

ส่องเกมหมากล้อม ทัพบก-ทัพเรือ ‘บิ๊กปู-บิ๊กวิน’ กลางดง ตท.24 จับตา ‘ยุทธพงศ์’ นั่งกุนซือ ‘นายกฯ’ อาจทำแผนซื้อเรือดำน้ำไม่ราบรื่น

 

หลังการแถลงนโยบายต่อกำลังพลของบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.คนใหม่ ที่เอ่ยชื่อ บิ๊กน้อย พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ หลายครั้งในเรื่องการสั่งงาน โดยเรียกว่า “วรวุธ” ทำให้กลายเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. ที่ยิ่งถูกจับตามอง

เพราะเดิมก็มีกระแสข่าวลือว่า บิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร.คนก่อนจัดโผ 5 ฉลามทัพเรือ มีการวางตัว พล.ร.อ.วรวุธ ไว้เป็น ผบ.ทร.ต่อจาก พล.ร.อ.อะดุง

พล.ร.อ.วรวุธ เตรียมทหาร 24 เกษียณ 2568 ถือว่าเป็นนายทหารที่มีความสนิทสนม เป็นน้องรักของบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย อดีต ผบ.ทร. ผู้มีพระคุณของ พล.ร.อ.เชิงชาย เพราะเป็นคนดึง พล.ร.อ.เชิงชาย กลับจากรอง เสธ.ทหาร บก.ทัพไทย มาเป็น ผช.ผบ.ทร. ในโยกย้ายเมษายน และดันขึ้น ผบ.ทร. ในโยกย้ายปลายปี

ไม่แค่นั้น พล.ร.อ.สมประสงค์ ยังถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของ พล.ร.อ.อะดุง ด้วยเพราะโยกย้ายกันยายนที่ผ่านมา พล.ร.อ.สมประสงค์ ยังคงมีเพาเวอร์ในการช่วยผลักดันให้ได้เป็น ผบ.ทร.

เพราะต้องไม่ลืมว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ เป็นเพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม มือขวาบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ 3 ป. ที่เคยช่วยให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ ได้ข้ามจากรองปลัดกลาโหม กลับไปเป็น ผบ.ทร. ได้สำเร็จมาแล้ว ในยุคที่ พล.อ.ณัฐ เป็นปลัดกลาโหม และบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม

พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม

ในการโยกย้ายครั้งที่ผ่านมา แม้ทั้ง พล.ร.อ.สมประสงค์ และ พล.อ.ณัฐ จะเกษียณไปแล้ว แต่ยังมีบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ น้องรักสายบ้านป่ารอยต่อฯ เป็นปลัดกลาโหม และมีบทบาทสำคัญในการช่วยเจรจากับ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ยอมพบกันครึ่งทาง คือ ให้ พล.ร.อ.อะดุง เป็น ผบ.ทร. 1 ปี แล้วให้ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข จาก ผช.ผบ.ทร. ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร. เสมือนให้รอเป็น ผบ.ทร.ต่ออีก 1 ปี

แต่ทว่า ไม่มีสัญญาใจใดๆ เกิดขึ้นระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ในวันนั้น กับ พล.ร.อ.เชิงชาย ผบ.ทร. อีกทั้งวันนี้ทั้งคู่ก็เกษียณและพ้นตำแหน่ง พ้นอำนาจไปแล้ว ต่อให้มีสัญญาใจ แต่มันก็ไร้ผลใดๆ

พล.ร.อ.อะดุง จึงมีแค่สัญญาใจกับผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะกับ พล.ร.อ.สมประสงค์ ที่ช่วยเดินเกมจนทำให้ได้เป็น ผบ.ทร. โดยมีไม้เด็ดแค่ว่า ยืนยันตามที่เสนอขึ้นไป เพราะถึงอย่างไร ฝ่ายการเมืองก็ไม่กล้าเปลี่ยน

พล.ร.อ.เชิงชาย จึงยืนกรานแค่ 2 ตัวเลือก คือ ถ้าจะเอาอายุราชการ 2 ปี ก็เสนอชื่อบิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร.ในเวลานั้น แต่หากอายุเหลือ 1 ปี ก็ยืนยันชื่อ พล.ร.อ.อะดุง

ในตอนนั้น แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะให้บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เจรจา แต่ พล.ร.อ.เชิงชาย ก็ไม่ยอมท่าเดียว เพราะรู้ดีว่า ท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องยอม ยิ่งมีข้อเสนอว่า ให้ พล.ร.อ.สุวิน เป็นรอง ผบ.ทร. รอลุ้นชิง ผบ.ทร.ปีหน้า ถือว่าเป็นทางสายกลาง

เพราะไม่เช่นนั้น หากต้องโหวตในบอร์ด 7 เสือกลาโหม ก็จะเกิดความขัดแย้ง และลำบากใจ

เพราะหากย้อนกลับไปในช่วงการจัดทำโผโยกย้ายทหาร ช่วงสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น หากต้องโหวต จะมี พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่สนับสนุน พล.ร.อ.สุวิน ผช.ผบ.ทร. ในเวลานั้นเป็น ผบ.ทร. ส่วน พล.อ.ชัยชาญ คงไม่อยากโหวต เพราะมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ ตท.23 ทั้ง พล.ร.อ.ชลธิศ และ พล.ร.อ.อะดุง แต่ก็เกรงใจ พล.อ.ประยุทธ์ หากโหวตก็จะได้ 3 เสียง

ขณะที่ พล.ร.อ.เชิงชาย ผบ.ทร.ในตอนนั้น เป็นเพื่อน ตท.22 ของบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และบิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. ที่อาจจะโหวตช่วย พล.ร.อ.เชิงชาย ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ อาจงดออกเสียง ส่วน พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหมนั้น ด้วยความเป็นน้องรักของ พล.อ.ณัฐ และ พล.ร.อ.สมประสงค์ ก็อาจจะโหวตช่วย พล.ร.อ.เชิงชาย

การประมาณการเช่นนี้ หากต้องโหวต จะไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ผบ.เหล่าทัพ และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะหมดอำนาจ ไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก ผบ.เหล่าทัพจึงไม่ต้องเกรงกลัว หรือเกรงใจ

ท้ายที่สุด ก็ “เรียบร้อยโรงเรียนจ๊อด” พล.ร.อ.อะดุง ได้เป็น ผบ.ทร. ส่วน พล.ร.อ.สุวิน ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร. แต่ที่เป็นที่รู้กันว่า ทั้งคู่มีปัญหาคาใจกันมา แถมชิงเก้าอี้ ผบ.ทร.กันมาอย่างเข้มข้นด้วย

จึงเป็นที่รู้กันว่า พล.ร.อ.อะดุง ไม่เสนอชื่อ พล.ร.อ.สุวิน เป็น ผบ.ทร.ต่อจากตนเองในโยกย้ายกันยายน 2567 แน่

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

เมื่อสแกนมองในระดับ 5 ฉลามทัพเรือแล้ว จะเห็นได้ว่า มีการวางหมากล้อม วางตัวแคนดิเดต ผบ.ทร. ล้อม พล.ร.อ.สุวิน ไว้หมด ทั้ง พล.ร.อ.ชลธิศ เพื่อน ตท.23 ของ พล.ร.อ.อะดุง รอลุ้นเป็น ผบ.ทร. ต่อจากเพื่อนในปีสุดท้าย ท่ามกลางกระแสข่าวลือ สัญญาใจระหว่าง พล.ร.อ.เชิงชาย กับ พล.ร.อ.อะดุง ว่า “ดุง 1 ปี โอ๋เป็นต่อ 1 ปี” เพราะโดยส่วนตัว ครอบครัวของ พล.ร.อ.เชิงชาย และ พล.ร.อ.ชลธิศ สนิทสนมกัน

แต่ทว่า จากท่าทีของ พล.ร.อ.อะดุง ตั้งแต่ขึ้นเป็น ผบ.ทร. ก็มีการส่งสัญญาณในหมู่นายทหารที่ทำงานใกล้ชิด ว่า วางตัว พล.ร.อ.วรวุธ ไว้เป็นทายาทอำนาจ เพราะจะเห็นได้ว่า พล.ร.อ.เชิงชาย ต้องแก้โผ ทร.ในท้ายที่สุด ให้ พล.ร.อ.วรวุธ เป็น เสธ.ทร. จากเดิมที่จะไปเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ

ดังนั้น พล.ร.อ.สุวิน จะต้องเจอทั้ง พล.ร.อ.ชลธิศ และ พล.ร.อ.วรวุธ แคนดิเดต ผบ.ทร. ในระดับท็อปไฟว์

แต่ทว่า ยังไม่หมดแค่นั้น เกมของ พล.ร.อ.เชิงชาย และ พล.ร.อ.สมประสงค์ พี่เลิฟ ลึกล้ำเพราะนอกจากมีแคนดิเดต ผบ.ทร.คนในรายล้อมใน ทร.แล้ว มองไปที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ยังมีบิ๊กเต๊ะ พล.ร.อ.สุพพัต ยุทธวงศ์ รองปลัดกลาโหมอีกคน

เพราะในโผที่ผ่านมา พล.ร.อ.เชิงชาย ส่ง พล.ร.อ.สุพพัต จากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ข้ามมาเป็นปลัดกลาโหม ด้วยยังมีอายุราชการถึงกันยายน 2568 จึงทำให้กลายเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร.อีกคน ที่อาจเดินเส้นทางเดียวกับ พล.ร.อ.สมประสงค์ เพราะสามารถข้ามจากรองปลัดกลาโหม กลับไปเป็น ผบ.ทร.ได้

กล่าวกันว่า เป็นหมากที่ถูกวางไว้สู้กับ พล.ร.อ.สุวิน ในเรื่องความอาวุโส เพราะหากเทียบกับ พล.ร.อ.ชลธิศ และ พล.ร.อ.วรวุธ แล้วถือว่า พล.ร.อ.สุวิน อาวุโสกว่า เพราะติดยศพลเรือเอกก่อน และตอนนี้ ครองอัตราพลเรือเอกพิเศษแล้ว จึงยิ่งอาวุโสสุด เป็นสมัยที่ 2

แต่หากจะยึดหลักอาวุโส พล.ร.อ.สุพพัต นั้นเป็นพลเรือเอกพิเศษ เช่นเดียวกับ พล.ร.อ.สุวิน ที่เพิ่งเป็นพลเรือเอกพิเศษ ในตำแหน่งรอง ผบ.ทร. แต่ทว่า พล.ร.อ.สุวิน นั้นอยู่ใน ทร. และอยู่ 5 ฉลามตำแหน่งหลัก และผ่านตำแหน่งสำคัญใน ทร. มาตามธรรมเนียมทหารเรือ

พล.ร.อ.สุพพัต อดีตเจ้ากรมยุทธการ ทร. เป็นเตรียมทหาร 24 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สนิธชนก ที่แม้ว่าจะถูกส่งจาก ทร.มาอยู่กลาโหม เพราะเหตุนี้ แต่ทว่าอาจซ้ำรอย เพราะสมัย พล.ร.อ.สมประสงค์ เป็นรองปลัดกลาโหม ก็มี พล.อ.ณัฐ เพื่อน ตท.20 เป็นปลัดกลาโหม เหมือนตอนนี้มี พล.อ.สนิธชนก เป็นปลัดกลาโหม เพื่อนร่วมรุ่น ตท.24

แต่เป็นที่รู้กันว่า ตท.24 มีเป้าหมายที่จะผลักดัน พล.ร.อ.วรวุธ เป็น ผบ.ทร. เป็นตัวเลือกแรก และมี พล.ร.อ.สุพพัต ไว้สู้เรื่องอาวุโสกับ พล.ร.อ.สุวิน เช่นเดียวกับการโยกย้ายที่ผ่านมา ที่ พล.ร.อ.เชิงชาย มี พล.ร.อ.ชลธิศ ที่มีอายุราชการเหลือ 2 ปี ไว้สู้กับ พล.ร.อ.สุวิน และมี พล.ร.อ.อะดุง เป็นเป้าหมายตัวจริง ดันปีเดียว ต่อรองขึ้นเป็น ผบ.ทร.ก่อน แล้วปีหน้า พล.ร.อ.สุวิน ค่อยลุ้นอีกครั้ง

ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร

กล่าวได้ว่า มีการวางหมากสกัด พล.ร.อ.สุวิน ไว้อย่างรอบคอบ รอบด้าน และหลายชั้น สะท้อนถึงความไม่ธรรมดาของ พล.ร.อ.สุวิน ที่นอกจากจะเดินมาในเส้นทางประดู่เหล็ก และรุ่นพี่รุ่นน้องให้การยอมรับ ยกเว้นรุ่นพี่ที่เป็นแคนดิเดต และผู้สนับสนุน แล้วยังเป็นน้องชายของบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นอัสสัมชัญ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย

แต่ที่ผ่านมา คอนเน็กชั่นก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เพราะแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ในเวลานั้น เพราะหาก ผบ.ทร.ยืนกรานชื่อที่เสนอมา นายกฯ ก็ทำอะไรไม่ได้

แต่ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ และคุมความมั่นคง คุมกลาโหมเองนี้ อาจแตกต่าง เพราะการจัดโผทหารในกันยายนปี 2567 นายกฯ ยังมีอำนาจเต็ม และยึดหลักความชอบธรรม และอาวุโส และไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งในฝ่ายความมั่นคง

ที่น่าจับตามองคือ การที่นายเศรษฐา แต่งตั้งโจ้ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต ส.ส.เพื่อไทย เป็นที่ปรึกษานายกฯ จะมีผลต่อการตรวจสอบ และข้อมูลวงในกองทัพเรือ หรือไม่ โดยเฉพาะโครงการเรือดำน้ำจีน และการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ที่ พล.ร.อ.เชิงชาย และ พล.ร.อ.อะดุง ยืนยันว่า ทร.พร้อมที่จะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์จีน

เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งเป็นรองนายกฯ พล.อ.ประวิตร ผู้ให้กำเนิดโครงการซื้อเรือดำจีน ตั้งแต่ยุค คสช. ยืนยันว่า ไม่ล้มโครงการ และมีเครื่องยนต์แน่นอน รวมทั้งเคยมีข่าวการเจรจา การขอเรือดำน้ำมือสองจากจีนมาฝึก แต่ก็เงียบไป

ดังนั้น พล.ร.อ.อะดุง ที่ได้รับการสนับสนุนมาจากสายบ้านป่ารอยต่อฯ ก็ต้องเดินหน้าโครงการเรือดำน้ำจีนลำแรกนี้ต่อไป ส่วนลำที่ 2-3 จะชะลอออกไป แล้วเอางบฯ ไปต่อเรือผิวน้ำ เรือฟริเกตแทน

ขณะที่มีรายงานจากกลาโหมว่า นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ขอให้ ทร.ทำข้อเสนอในการแก้ปัญหามา ไม่ใช่แค่สรุปผลการยืนยันว่า พร้อมเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำเท่านั้น รวมทั้งความเคลื่อนไหวของนาย ยุทธพงศ์ ในการตรวจสอบเรื่องเครื่องยนต์จีน อาจทำให้แผนของ ทร.ไม่ราบรื่น

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย หรือนายกฯ หรือนายสุทิน จะสนับสนุนใครเป็น ผบ.ทร.คนต่อไป เพราะตามหลักการแล้ว ต้องเป็นไปตามที่ ผบ.ทร.เสนอมา แต่สำหรับ พล.ร.อ.อะดุง ดูจะไม่เกรงกลัวอำนาจการเมือง เพราะจะยึดหลักเดียวกับที่ พล.ร.อ.เชิงชาย ที่ยืนยันตามที่ ทร.เสนอ และไม่ยอมฝ่ายการเมือง

ตํานานศึกฉลามในยุคหลัง เริ่มในยุคบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เป็น ผบ.ทร. และดันบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ขึ้นเป็น ผบ.ทร. ขณะที่บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ ถูกเด้งไปเป็นรองปลัดกลาโหม ให้พ้นเส้นทางอำนาจ แต่กลายเป็นโอกาสดีที่ได้มาทำงานใกล้ชิด พล.อ.ณัฐ และ พล.อ.ประวิตร จนที่สุดก็ดัน พล.ร.อ.สมประสงค์ ข้ามกลับไปเป็น ผบ.ทร. ด้วยเหตุผลอาวุโส

แต่ทั้งหมดนี้จะไม่สำเร็จ หาก พล.ร.อ.ชาติชาย ไม่ยินยอม โดยแค่เสนอชื่อบิ๊กโต้ง พล.ร.อ. ธีรกุล กาญจนะ เป็น ผบ.ทร. ตามธรรมเนียม ที่ต้องเสนอคนใน ทร. และเป็นคนที่ พล.ร.อ.ลือชัย สนับสนุน แต่ที่สุดก็แก้ไขเป็นชื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์ หลังประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม ซึ่งพอเป็นพิธีให้ พล.ร.อ.ชาติชาย ได้แก้โผเป็นชื่อของ พล.ร.อ.สมประสงค์ เพื่อที่จะอธิบายกับ พล.ร.อ.ลือชัย ได้เพราะ พล.ร.อ.ชาติชาย เป็นเพื่อนรัก ตท.20 กับ พล.ร.อ.สมประสงค์ อยู่แล้ว

แต่ทว่า สำหรับ พล.ร.อ.สมประสงค์ ไม่ได้มองว่า ที่ได้เป็น ผบ.ทร. เพราะเพื่อนอุ้ย แต่เพราะ พล.อ.ณัฐ เพื่อน ตท.20 สาย ทบ. และ พล.อ.ประวิตร ดังนั้น เมื่อกลับมาเป็น ผบ.ทร. จึงเกิดการล้างบางนายทหารเรือในสายบิ๊กลือ ล้างแม้แต่การทุบม็อตโต้ ป้ายหน้า บก.ทร. และขุดถอนต้นไผ่ที่บิ๊กลือปลูกไว้ จนกลายเป็นเรื่องฮือฮา

ขณะที่ พล.ร.อ.สุวิน ที่เป็นน้องรักของ พล.ร.อ.ชาติชาย ก็โดนลูกหลงของความขัดแย้งนี้ไปด้วย และทำให้โดนสกัดไม่ให้เป็น ผบ.ทร.มาแล้วถึง 2 ครั้ง

โดยโยกย้ายปีหน้า จะเป็นศึกครั้งสุดท้ายของ พล.ร.อ.สุวิน ก่อนจะเกษียณ

 

พล.ร.อ.สุพพัต ยุทธวงศ์

ในการแถลงนโยบายต่อกำลังพล พล.ร.อ.อะดุง ยอมรับว่าตนเองก็เติบโตมาในระบบอุปถัมภ์ แต่จากนี้จะบาลานซ์ระหว่างระบบอุปถัมภ์ กับระบบคุณธรรม และจะนำเอาระบบ “ฟาสต์แทร็ก” มาใช้ในการดันนายทหารที่เป็นคนดี คนเก่ง ได้เติบโตให้ทัน พร้อมทั้งเตือนทหารที่หวังใช้คอนเน็กชั่นในการเติบโต ว่า ควรมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตัวเองมากกว่าจะไปวิ่งเต้น เพราะไม่ได้ประโยชน์

ในเวลา 1 ปีที่เป็น ผบ.ทร. พล.ร.อ.อะดุง จึงดูมีความมั่นใจในการคุมกองทัพเรือ และรวมถึงการเดินเกมวางทายาท เพราะมีกองหนุนที่เข้มแข็ง ที่เป็นอดีต ผบ.ทร.หลายคน แม้ว่า พล.อ.ประวิตร และนายทหารสายบ้านป่ารอยต่อฯ อำนาจแผ่ว แต่ก็ยังมี พล.อ.สนิธชนก สายตรง ที่ถือว่ามีอำนาจในกลาโหม และเป็นผู้นำเหล่าทัพที่ทำงานใกล้ชิดนายสุทิน อย่างมากอีกด้วย

นายสุทิน รายล้อมไปด้วย ตท.20 ทั้งบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯ รมว.กลาโหม และบิ๊กตุ่น พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ ผช.รมต. ประจำ รมว.กลาโหม ที่อาจมีบทบาทในการเสนอแนะข้อมูลให้นายสุทิน แม้ พล.ร.อ.สมประสงค์ และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ก็ล้วนเป็น ตท.20 แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มทีมของนายสุทินจะสนับสนุนแคนดิเดตคนใด

แต่ท้ายที่สุด นายเศรษฐา และอาจรวมไปถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่อาจมีบทบาท เบื้องหลังในการตัดสิน เช่นที่แก้ปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.มาแล้ว

บทบาทของ ตท.24 ขณะนี้น่าจับตามองมากที่สุด เพราะนอกจากมี พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหมแล้ว ยังมี ผบ.อ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. ที่เป็น ตท.24 โดยเฉพาะ พล.อ.ทรงวิทย์ ที่มีความใกล้ชิดนายเศรษฐา และเป็นเสมือนที่ปรึกษานายกฯ

แม้ว่าสมัยเป็นนายทหารเด็กๆ เติบโตมาใน ทบ.ด้วยกัน ตอนนั้น พล.อ.ทรงวิทย์ และ พล.อ.สนิธชนก จะถูกมองว่าแข่งขันกันมาก็ตาม แต่ที่สุด พล.อ.สนิธชนก ก็แยกทางออกมาโตที่สำนักปลัดกลาโหม จนเป็นปลัดกลาโหม แม้จะมีอายุราชการเหลือ 3 ปีในตอนนั้นก็ตาม ส่วน พล.อ.ทรงวิทย์ แม้ไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. เพราะม่านประเพณีที่ไม่จบนายร้อย จปร. แต่ก็ได้เป็น ผบ.ทหารสูงสุด

ดังนั้น พลังของ ตท.24 จึงน่าจับตามอง ในการโยกย้ายกันยายนปีหน้า ไม่ใช่แค่ที่กองทัพเรือ ที่จะดัน พล.ร.อ.วรวุธ เป็น ผบ.ทร. แต่เก้าอี้ ผบ.ทบ. จะกลายเป็นการชิงกันของ ตท.24 และ ตท.26

เพราะเป็นที่รู้กันว่า บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ. อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 จะเป็นนายทหารคอแดง ที่มาแบบฟาสต์แทร็ก ตั้งแต่เป็น ผบ.พล.ร.11 และขี้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เวลานั้นทำให้ ตท.24 เฮิร์ตไม่น้อย เพราะเดิมมั่นใจว่า บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ แม่ทัพน้อยที่ 1 ตอนนั้น จะได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะก็เป็นทหารคอแดง และโตมาตามไลน์

มาคราวนี้สมรภูมิรบเปลี่ยนจากกองทัพภาคที่ 1 สวนมิสกวัน มาเป็นที่ บก.ทบ. มัฆวานฯ ราชดำเนิน ในการชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. แม้ว่า พล.อ.ธราพงษ์ จะเสียเปรียบตรงที่ไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มาก่อน แต่ก็เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 และได้รับความเห็นใจ เพราะเป็นคนดี เงียบ นิ่ง ไม่ค่อยพูด

ตท.24 จึงน่าจะลองสู้ดูสักตั้ง แม้จะรู้กันมาล่วงหน้าแล้วว่า พล.อ.พนา จะเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทบ.ก็ตาม แต่หากพลาด ก็อาจถูกส่งไป บก.ทัพไทย เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก พล.อ.ทรงวิทย์ ที่จะเกษียณ 2568 ส่วน พล.อ.ธราพงษ์ เกษียณ 2569 อาจกลายเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คอแดงคนที่ 3 ก็เป็นได้

ขณะที่ ตท.24 สายคอเขียว ทั้งบิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญญาตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. และบิ๊กต้น พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. ก็เป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.ด้วยเช่นกัน

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี, พล.อ.สุขสันต์ หนองบัวล่าง

พล.อ.พนา จึงกลายเป็น 1 ใน 5 เสือ ทบ. ที่รุ่นพี่รายล้อมไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะ ตท.24 ในศึกชิง ผบ.ทบ.ปลายปีหน้า ขณะที่เพื่อน ตท.26 หลายคนก็กำลังสยายปีกเติบโตตามมา โดยมีอายุราชการถึง 2570 หากขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ตุลาคมปีหน้า ก็จะนั่งยาว 3 ปีเลยทีเดียว

จากแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ปกติมักจะขึ้น ผช.ผบ.ทบ. แต่ทว่า พล.อ.พนา ขึ้นมาเป็น เสธ.ทบ. ที่ต้องควบเลขาธิการ กอ.รมน.ด้วย

โดยที่บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. มอบหมายให้คุมสายงานการข่าว การต่างประเทศ ยุทธการ การฝึกและศึกษาทางทหาร กิจการพลเรือน และสายงานปลัดบัญชี ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของ ทบ.

ขณะที่ พล.อ.อุกฤษฏ์ เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. (1) คุมสายงานกำลังพล แม้จะรู้กันดีว่า มีความสามารถรอบด้านก็ตาม

ส่วน พล.อ.ธราพงษ์ ทหารคอแดง เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. (2) รับผิดชอบงานสายงานการส่งกำลังบำรุง ถือว่ามีความสำคัญในการดูเรื่องการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์

หากดูจากการแบ่งงาน และเส้นทางเติบโตแล้ว ของ พล.อ.พนา ยังคงเป็นเต็งหนึ่งที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในปลายปีหน้า ที่จะเป็น ผบ.ทบ.น้องเล็กสุดในบรรดา ผบ.เหล่าทัพ ที่คาดว่าจะเป็น ตท.24 เกือบทั้งแผง ที่ต้องจับตามองว่า พล.ร.อ.สุวิน ตท.25 จะฝ่าด่านขึ้นมาได้หรือไม่

และสูตรอำนาจกองทัพ ในรัฐบาลพรรคเพิ่อไทย จะให้ ตท.24 ขึ้นมาแบบยกแผงเลย หรือว่าจะมีแค่ ตท.24 และ ตท.26 หรือจะมีทั้ง ตท.24-ตท.25- ตท.26 เพื่อการถ่วงดุลอำนาจกันเองระหว่างรุ่นในกองทัพ

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์