จริตนิยาม : สงครามกับทางเหลือรอด

อภิญญา ตะวันออก

ภาพ พล พต ยิ้มละมุนบนใบหน้า ภาพเดียวที่ประจักษ์สายตาว่า อดีตผู้นำกัมพูชาคนนี้ เชิดชูบูชาต่อกองทัพปลดแอกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพียงใด

นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทศวรรษ1970 ตอนที่เขาไปเยือนปักกิ่ง พบปะกับผู้นำสูงสุด

ใช้เวลานานมากกว่าที่นักวิจัยอย่าง เดวิด พี. แชนด์เลอร์ จะถอดรหัสชีวิตของ “สล็อต ซอร์ : พี่ชายหมายเลข 1” จนกลายมาเป็นงานเขียนชิ้นเดียวที่ปอกเปลือกความอันลึกลับในตัวตนของพล พต

ทว่า แชนด์เลอร์ก็ดูเหมือนจะใช้เวลาครุ่นคิดนานเกินไป…เพราะกว่าโลกจะขานรับ รู้จักชายคนนี้ ระบอบเขมรแดงก็ระเบิดความสุดโต่งทำลายตัวเองจนสิ้นซากกัมพูชา

ทิ้งแต่คำถามหนึ่งต่อเราว่า “ทำไมความสัมพันธ์ของเหล่าผู้นำกัมพูชาต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงมีลักษณะพิเศษเช่นนี้?”

ยืนยงอย่างดี มาถึง 65 ปีแล้วนะ

cr : @Flickr

อดีตกษัตริย์นโรดม สีหนุ ก็เช่นกัน ตอนไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่นั่น-กรุงปักกิ่ง ก็เผยถึงบุคลิกอันหลงใหลต่อทุกอย่างอันเป็นจีน ทั้งๆ ที่พระองค์เป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ซ้ำเป็นประเทศเถรวาท อันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบพรรคปรอเจียมานิตของทางการจีน

แต่พระองค์ก็ทลายกำแพงนั้น อย่างเห็นได้ชัดแม้แต่ในราชสำนักกษัตริย์นโรดม สีหมุนี และภายใต้ระบอบสมเด็จฮุน เซน อัครมหาเสนาบดีเตโช และสมเด็จมหาบวรธิบดีฮุน มาแนต

ต่อมความสัมพันธ์จีน-กัมพูชายังคงเข้มข้นอยู่ในมตินิยาม ระหว่างผู้นำบุคคลจนถึงองคาพยพประเทศ 65 ปีที่แสนหวานชื่น

อย่างที่ไม่มีใครจะแทรกกลาง “จริตนิยาม” พวกเขาได้ แม้แต่กรณีไต้หวันที่ไชน่าเมนแลนด์พยายามจะหลอมรวมอยู่ทุกวัน

แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีน กลับยิ่งนับวันจะหลอมรวมกับผู้นำกัมพูชาทวีวัฒนา

ถูกแล้ว ไชน่าปักกิ่งไม่อาจจะหลอมรวมกับไต้หวันอย่างโดยเร็ว และยิ่งนานเท่าไหร่ อัตราการอภิวัฒน์ประเทศกัมพูชาก็จะยิ่งมากขึ้น

ไม่ว่าจีนจะตกต่ำเศรษฐกิจสักเพียงใด

นี่เป็นเรื่องจริง ซึ่งก็พบว่า บัดนี้จีนได้ยึดเอาภูมิรัฐศาสตร์แห่งทะเลจีนใต้โดยเฉพาะเมืองชายทะเลกัมพูชาตั้งแต่เกาะกง, สีหนุวิลล์ ถึงกำโปด-ฐานทัพเรือเรียม

ซึ่งทั้งหมดประจักษ์ชัดแจ้งแห่งการกลืนพื้นที่อันเป็นจุดยุทธศาสตร์ของเขมรทั้งหมด

cr : @phnompenhpost

ทั้งหมดนี้ ส่วนหนึ่งมีมูลเหตุมาจากความลุ่มหลงอันมีต่อจีนของเหล่าผู้นำกัมพูชา ที่ตกทอดและเกินคาดกันมาในหมู่ผู้นำกัมพูชา 3-4 ยุคสมัย

อะไรที่ทำให้ผู้นำกัมพูชาปลาบปลื้มจีนมาก ตลอด 65 ปีที่ผ่านมา? ถึงขนาดพล พต, องค์นโรดม สีหนุ และสมเด็จฮุน เซน ต่างสยบยอมทุกประการใน (3) ระบอบของตนจนยอมแลกมาซึ่งการประหัตประหารซึ่งกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่ยิ่งห้ำหั่นทำลายล้าง ก็ยิ่งเพิ่มความ “งอกงาม” ในความสัมพันธ์อันมั่นคงต่อปักกิ่ง!

อาทิ ระบอบพลพตที่ว่ากันว่าเข้มงวดกวดขันกับคนประเทศตนในทุกองคาพยพนั่น แต่กลับพบว่ายุคเขมรแดงนั่นเองที่บุคคลระดับทางการของปักกิ่งประจำกรุงพนมเปญกลับได้รับการดูแลเยี่ยง “vvip” ยิ่งนัก ทั้งที่พัก เครื่องปรับอากาศ รถประจำการ หรือแม้แต่น้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นของหายากในหมู่ชนเขมรแดง

บันทึกรายงานบางฝ่ายชี้ให้เห็นถึงระบบชนชั้นวรรณะของ จนท.จีน อันแตกต่างจากมาตรฐานทั่วไปของกรรมาภิบาล/เจ้าหน้าที่เขมรแดง

จีนตอบแทนด้วยความช่วยเหลือทั้ง “พล พต-เอียง ซารี” หรือ “อัลลอง แวง-ไพลิน” อย่างไม่เลือกข้าง กระทั่งพล พต ตาย และเอียง ซารี หันไปเจรจากับฮุน เซน

แวบหนึ่ง ฉันเพิ่งตระหนักตอนนี้เอง หรือว่า เอียง ซารี, นวน เจีย และเขียว สัมพัน ได้ขอ “ใบเขียว” จากทางการจีนแล้วตอนนั้น?

เรื่องแบบนี้ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เขาถือเป็นธรรมเนียมกัน!

cr : @rfa/khmer

เช่นกัน ความบาดหมางในการสูญเสียสมาชิกราชนิกุลนโรดม-สีสุวัตถิ์ ถึง 14 ชีวิตจากน้ำมือเขมรแดง มันคือฝันร้ายที่องค์นโรดม สีหนุ กล้ำกลืนฝืนทน แต่ความคับแค้นขุ่นเคืองนั่น ทรงปฏิบัติตามคำขอของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ไม่เคยทิ้งระบอบเขมรแดง

แต่ก็เชิดชูพระองค์เช่นกัน

อาทิ ปักกิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นที่สมาชิกราชนิกุลสีหนุบางองค์ทำตัวเป็นสปาย “ขายความลับ” ให้ฝ่ายข่าวกรองตะวันตก ทรยศความไว้ใจซึ่งถือเป็นสิ่งสูงสุด!

แต่จีนคอมมิวนิสต์กับระบอบสีหนุก็ลึกซึ้งเกินกว่าจะบาดหมางกันได้

ดังนี้ 3 ระบอบการปกครองกัมพูชาตลอด 65 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นใคร และแม้ว่าพวกเขาจะเกลียดชังกันแค่ไหน แต่สำหรับมิตรแท้เพียงหนึ่งเดียวคือจีนนั้น พวกเขากลับปรองดองได้เจียนิจ!

ขณะเดียวกันมิตรจีนก็ไม่เคยทอดทิ้งกัมพูชาแม้แต่ระบอบเดียว เช่น โอบอุ้มครอบครัวเขียว สัมพัน ผู้นำเขมรแดงคนสุดท้ายในศาลเขมรแดงที่ปิดฉากลง/2022 ไม่แต่เท่านั้น จีนได้ปกป้องตัวเองจากฉากทัศน์ประวัติศาสตร์ในอดีตไม่ต่างจากอเมริกันในความล้มเหลวพ่ายแพ้

แต่ “ระบอบฮุนเซน” ต่างหากที่เต็มไปด้วยหลักเหลี่ยมแห่ง “นิติสงคราม” การหยุดยั้งกระบวนไต่สวนของศาลอาญาระหว่างประเทศ (icc) กรุงพนมเปญ นอกจาก จะช่วยปกป้องตัวเองออกจากประวัติศาสตร์อันด่างพร้อยของ 2 ระบอบพรรคคอมมิวนิสต์แล้ว

ยังนำพาผู้นำเขมรรุ่นต่อมาอย่างฮุน มาแนต สู่จิตวิญญาณเดียวกัน!

cr : @rfa/khmer

ฮุน มาแนต เกือบจะเป็นผู้นำคนเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้นำระดับสูงของทางการจีนถึง 3 ครั้งในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา

นอกเหนือจากการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ในพิธีสวนสนามการเดินพรมแดง การจัดแสดงสินค้าในหัวเมืองใหญ่ และข้อตกลงโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานตามข้อตกลง 15 โครงการ ถนน สะพาน สนามบิน และอื่นๆ

เป็น “ของขวัญ” พิเศษที่มอบให้กับสมเด็จฮุน มาแนต ซึ่งไปเยือนจีนประเทศแรกก่อนบินไปนิวยอร์กเพื่อร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติ

ให้รู้ว่า ความสัมพันธ์จีน-กัมพูชานั้นเหนือกว่าสิ่งใดในภูมิภาคนี้

นี่คือสิ่งที่ปรากฏอย่างบ่อยครั้ง!

ไม่เท่านั้น แม้ย่ำแย่ทางเศรษฐกิจสักปานใด แต่จีนกลับอนุมัติความช่วยเหลือพิเศษให้เพื่อแคว้นเขมรและมิตรภาพอย่างหาที่สุดมิได้?

cr : @khmerness

กระนั้น เราเองก็เห็นแล้วว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนในยุโรปยังเกิดขึ้นโดยง่ายและยืดเยื้ออีกด้วย?

“ไต้หวัน-กัมพูชา” ก็อยู่ในหมวดนั้น นี่คือ “โมเดล” สงครามตัวแทนระหว่าง “จีน-สหรัฐ” แห่งภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เป็นเหมือน “ผีเสื้อเหล็ก” กระพือปีกเหมือนที่อดีตเคยเกิดขึ้นแล้วในสงครามเวียดนามและตรงจุดที่เรียกว่าสีหนุวิลล์!

แต่วันนี้ เปลี่ยนเป็นจังหวัดกำโปดตรงฐาน “ทัพเรือเรียม” ที่รอวันระเบิดตัวเอง เมื่อการสยบยอมต่อทางการจีนของผู้นำกัมพูชาที่มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมรบภาคพื้นดินที่เกิดขึ้น ทั้งจำนวนกำลังพลและระยะเวลาในแต่ละปีนั่น

นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์สงครามสมัยใหม่อย่าง Dennis Wilder อดีตเจ้าหน้าซีไอเอจึงให้การวิเคราะห์ว่า “ปัญหาไต้หวัน-ทะเลจีนใต้” หากไม่อาจหาข้อยุติได้ อนาคตนี่คือภัยคุกคามของอินโด-แปซิฟิกที่สหรัฐไม่มีวันยอมให้!

ราวกับวนไปสู่ภาพเดิมๆ ของสงครามอินโดจีนในทศวรรษที่ 70

Mr. Wilder ยังวางจุดยุทธศาสตร์ “หัวเมืองชายทะเล” ไล่มาตั้งแต่เกาะกง-สีหนุวิลล์ ถึงกำโปด และให้ตายเถอะ นี่มันฉากทัศน์หลังสงครามเวียดนามผ่านไปครึ่งศตวรรษ 55 ปีเท่านั้น สมัยที่สหรัฐเปิดฉากปูพรมทิ้ง B52 ตามแนวโฮจิมินห์เทร็ล

ตอนนั้น Dennis Wilder ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ

แต่เขากลับบอกว่า เป็นไปได้ว่า สหรัฐอาจทิ้งระเบิดกัมพูชา?

บนปากเหวของนโยบายการเมืองแห่งความทะเยอทะยานที่ผู้นำเขมรพร้อมเสี่ยง นั่นหมายความว่า อนาคต ฐานทัพเรือเรียมแห่งนี้ พร้อมรับสภาพกลายเป็น “ฐานบัญชาการภาคพื้นดิน อากาศ และทางทะเลของกองทัพจีนนอกโพ้นประเทศที่เป็นชนวนสงคราม

“เชื้อเชิญ-งานเข้า จุดทิ้ง-พิกัตการทิ้งระเบิด!”