iPhone 15 ที่มากกว่าสีใหม่และไทเทเนียม | จิตต์สุภา ฉิน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

มีงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไอทีอยู่ไม่กี่งานที่จะทำให้คนยอมอดหลับอดนอนถ่างตารอดูการถ่ายทอดสดจนจบ หรือหากไม่ได้ดูตามเวลาจริงก็จะต้องรีบอัพเดตตัวเองเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอนในตอนเช้าซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืองานเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในเดือนกันยายนของทุกปี

และ iPhone 15 ที่เป็นรุ่นล่าสุดประจำปีนี้ก็ได้เปิดตัวออกมาเรียบร้อยแล้ว

หลายๆ คนบอกว่า iPhone ใหม่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น การเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C แทนก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้นในรุ่นนี้ หรือการปรับโฉมให้รุ่น Pro ไปใช้วัสดุไทเทเนียมก็เป็นสิ่งที่พอจะแอบได้ยินมาบ้าง

ดังนั้น คนที่ถวิลหามนตร์มายาของงานเปิดตัวตามสไตล์ Apple ก็อาจจะไม่ได้รับความอิ่มเอมมากนัก

อย่างไรก็ตาม ตัวฉันเองที่ได้รับเชิญไปร่วมงานที่คูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนียอีกครั้ง กลับคิดว่าแม้งานครั้งนี้จะไม่ได้มีความหวือหวาที่ตัวผลิตภัณฑ์

แต่ก็กลับมีเสน่ห์ชวนให้นึกถึงซ้ำๆ อย่างน่าประหลาด

 

Apple เริ่มต้นคีย์โน้ตด้วยการฉายคลิปวิดีโอ ‘Another Birthday’ โดยเป็นเรื่องราวของผู้ใช้งาน iPhone และ Apple Watch ที่รอดชีวิตมาฉลองวันเกิดได้อีกปีจากฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาใช้

อย่างเช่นผู้หญิงคนหนึ่งที่นาฬิกา Apple Watch เตือนว่าอัตราการเต้นของหัวใจต่ำเกินไปทำให้เธอไปโรงพยาบาลและรับการผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจได้ทันเวลา

ผู้ชายที่ติดอยู่กลางพายุหิมะและมีภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ ใช้ฟีเจอร์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านดาวเทียมที่ Apple เปิดตัวไปปีที่แล้วพร้อม iPhone 14 และได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัย

หรือชายอีกคนที่มีอาการชักจนขับรถชน ฟีเจอร์ Crash Detection บน iPhone ช่วยโทร. 911 ขอความช่วยเหลือให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตัวเขาหมดสติไปแล้ว

โปรดักชั่นของ Apple ถ่ายทอดเรื่องนี้ได้อย่างกลมกล่อมจนทั้งห้องประชุมเงียบกริบและตามด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวเมื่อคลิปจบลง

 

ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ Apple พรีเซนต์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองในแง่ของการเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิต และฉันก็เขียนถึงประเด็นนี้ในคอลัมน์ Cool Tech อยู่เรื่อยๆ แต่สำหรับฉัน งานครั้งนี้ทำให้ยิ่งเห็นภาพชัดขึ้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานกับผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นเป็นความสัมพันธ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ

Tim Cook พูดในคีย์โน้ตว่า “ฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับแถวหน้าของวงการที่อยู่ในทั้ง Apple Watch และ iPhone ช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างมีคุณค่าและความหมาย”

“Apple Watch ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีและแอ๊กทีฟ ส่วน iPhone ก็ส่งผลกระทบต่อทุกอย่างในชีวิตของเรา ถ้าคุณเกิดลืมอย่างใดอย่างหนึ่งเอาไว้ที่บ้าน ผมมั่นใจมากว่าคุณจะต้องกลับไปหยิบมันแน่นอน”

การที่อุปกรณ์ที่เราพกหรือสวมติดตัวเอาไว้ช่วยให้เราสามารถติดต่อกับคนรอบตัวได้ ทำให้เราจัดการธุระปะปังต่างๆ ได้สำเร็จลุล่วง หรือได้อัพเดตข่าวสารประจำวันได้อย่างไม่หลุดเทรนด์ก็เป็นเรื่องหนึ่ง

แต่การที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังมีฟีเจอร์ที่อาจจะทำให้เรารอดชีวิตจากอันตรายหรือเข้ารับการรักษาได้ทันนั้นก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย

นี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่เกิดขึ้นเฉพาะกับคนแปลกหน้าที่อยู่คนละซีกโลกเท่านั้น ราวสองปีก่อนสมาร์ตวอตช์ที่คุณพ่อของฉันสวมไว้ระหว่างเดินออกกำลังกายนอกบ้านเตือนว่าอัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติทำให้คุณพ่อรีบไปเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลและตามมาด้วยการทำบอลลูนหัวใจ

 

เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานกับอุปกรณ์ที่ใช้มีมากกว่าการใช้เพื่อติดต่อสื่อสารแต่ไปถึงขั้นที่ฝากความหวังไว้ว่าหากเกิดอะไรผิดปกติกับร่างกายอุปกรณ์เหล่านั้นจะช่วยเตือนให้รู้ตัวและลงมือทำอะไรบางอย่างได้ทันท่วงที แม้ Apple จะไม่ใช่แบรนด์เดียวที่มีฟีเจอร์ช่วยชีวิตผู้ใช้งานแต่ก็เป็นแบรนด์ที่สามารถสื่อสารเรื่องนี้ได้อย่างโดดเด่นที่สุด

ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้งานพึ่งพาผลิตภัณฑ์ของ Apple มากขึ้นจนกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทำให้ Apple ครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

เมื่อมองภาพกว้างๆ ว่า Apple โฟกัสไปที่การทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ ‘ขาดไม่ได้’ ก็จะเข้าใจว่าความตื่นเต้นกับลูกเล่นใหม่ที่แพรวพราวอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอีกต่อไป

แต่การสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นยั่งยืนระหว่างผู้ใช้งานกับผลิตภัณฑ์ต่างหากที่เป็นเป้าหมายที่สำคัญกว่า

 

ถ้าถามหาถึงความ ‘ว้าว’ จากงานคีย์โน้ต ฉันคิดว่าเราได้รับกันไปเต็มที่แล้วจากงาน WWDC 2023 ช่วงกลางปีที่ผ่านมาที่ Apple เปิดตัวแว่น Vision Pro ซึ่งสามารถเก็บงำความลับได้อย่างดีเยี่ยมโดยที่ดีไซน์และรายละเอียดของแว่นไม่หลุดออกมาเลยแม้แต่นิด

Apple ไม่ได้ทำแค่ผลิตภัณฑ์ที่คนต้องการใช้ แต่กำลังค่อยๆ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนต้องใช้อย่างขาดไม่ได้ นอกจากจะซื้อใช้เองแล้วเราก็อยากส่งมอบให้คนรอบตัวที่เรารักได้ใช้ด้วย

หลายปีมานี้เรามักจะได้ยินว่า Apple Watch เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการซื้อของขวัญให้คุณพ่อ คุณแม่ ญาติผู้ใหญ่ ไปจนถึงลูกหลาน เพราะเป็นของขวัญที่สื่อถึงความห่วงใยคล้ายๆ กับการส่งมอบซุปไก่หรือรังนกให้

นวัตกรรมไม่จำเป็นต้องมาในรูปแบบของดีไซน์ที่แปลกใหม่หรือส่วนประกอบที่ไม่เคยมีใครใช้มาก่อนเท่านั้น แต่หาก Apple สามารถคิดค้นนวัตกรรมในรูปแบบของการช่วยให้ชีวิตผู้ใช้งานดีขึ้นและปลอดภัยขึ้นได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ

จะเปิดตัว iPhone อีกกี่รุ่น คนก็จะยังตื่นเต้นเฝ้ารอดูต่อไปนั่นเอง