บัวไร

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อน ผมออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน

เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งออกกำลังกาย

หน้าตาคุ้นๆ

เขาคือ “ต้อง” บัวไร

“ต้อง” คือ “ชื่อเล่น”

ส่วน “บัวไร” เป็น “นามปากกา”

ทั้งที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่เราแทบไม่เจอกันเลย

ผมเจอ “ต้อง” ครั้งแรกตอนที่เป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มติชน

และกำลังริเริ่มทำ “มติชนวันอาทิตย์” ที่มีเนื้อหาเหมือนนิตยสาร

และมี “จุดขาย” สำคัญ คือ “มติซน” หน้า 14

“จุ้ย” ศุ บุญเลี้ยง เป็นคนคิดชื่อนี้ขึ้น

“มติซน” ล้อกับชื่อ “มติชน”

ดึงนักเขียนรุ่น “ไปยาลใหญ่” มาเขียนคอลัมน์ใน “มติซนหน้า 14”

ตอนนั้นกลุ่มนี้เป็นขวัญใจคนหนุ่มสาว

ทั้ง “พี่จิก” ประภาส ชลศรานนท์ “จุ้ย” ศุ บุญเลี้ยง บินหลา สันกาลาคีรี ‘ปราย พันแสง เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย ฯลฯ

แต่มีคนหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน

เขาเป็นนักเล่านิทานยุคใหม่

ชื่อว่า “บัวไร”

นามปากกาเหมือนผู้หญิง แต่เป็นผู้ชาย

“ต้อง” บัวไร ตั้งชื่อคอลัมน์ว่า “เรื่องสั้นประจำส้วม”

เขียนเรื่องสั้นแบบ “นิทาน”

การทำ “เรื่องสั้น” เป็น “นิทาน” ทำให้เขาสามารถจินตนาการได้เต็มที่

เพราะ “นิทาน” ไม่ต้องอยู่กับความเป็นจริง

“เรื่องสั้นประจำส้วม” ของเขาสนุกมาก

ผมชอบ…

พอเขียนมาได้ระยะหนึ่งพอที่จะรวมเล่มได้ ผมก็ขอต้นฉบับจาก “ต้อง” มาพิมพ์ในนามสำนักพิมพ์มติชน

“ต้อง” ส่งต้นฉบับ พร้อม “ข้อเสนอ” หรือจะเรียกว่า “คำขอร้อง” ก็ได้

เขาขอเอา “ทิชชู่” มาไว้หน้าแรก

คือ เปิดปกมาก็เจอ “ทิชชู่”

ด้วยเหตุผลง่ายๆ

หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า “เรื่องสั้นประจำส้วม”

…เผื่ออ่านจบจะได้ใช้เลย

หนังสือเล่มนี้ขายดีมาก และพิมพ์ต่อเนื่องมาอีกหลายเล่ม

“ต้อง” ไปทำงานที่เวิร์คพอยท์ เขียนบทละคร และบทภาพยนตร์หลายเรื่อง

จนได้ข่าวว่า “ต้อง” ไม่สบาย

เขาหายจากแวดวงหนังสือไปนานทีเดียว

เจอกันวันนี้ นอกจากถามเรื่องสุขภาพแล้ว

ผมถาม “ต้อง” ว่ายังเขียนนิทานอยู่หรือเปล่า

เขาบอกว่าตอนนี้เปิดเพจ “บัวไร”

และเขียนนิทานแบบ “เรื่องสั้นประจำส้วม” ลงในเพจ

แค่นั้นล่ะครับ ในฐานะแฟนข้อเขียนของเขา ผมรีบกลับมาเปิดดูเพจ “บัวไร” ทันที

โห…สนุกมาก

 

ถ้าอยากรู้ว่าลีลาการเล่านิทานของ “บัวไร” สนุกแค่ไหน

ผมขอลอกนิทานในเพจ “บัวไร” มาให้ทดลองชิม 2 เรื่องครับ

เรื่องแรก เป็นเรื่องเจ้า “กระตือ”

…หลังจากวิ่งแข่งกันอีกสองสามครั้ง กระต่ายกับเต่า ก็รักและแต่งงานกัน

กระต่ายกับเต่ามีลูกด้วยกันตัวหนึ่ง ชื่อ ‘กระตือ’ เป็นสัตว์เดินช้าแต่ว่าวิ่งเร็ว มีขนนุ่มขึ้นแซมบนกระดอง อยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ

กระต่ายกับเต่าเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูกระตืออย่างภูมิใจในความเป็นสัตว์พิเศษ

แต่สัตว์ตัวอื่นๆ ในป่ากลับมองว่า กระตือ เป็นตัวประหลาด

กระต่ายกับเต่าสอนลูกให้เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทุกตัว ต่างเกิดมาเพื่อทำอะไรบางอย่างให้กับโลก ถ้าพ่อกับแม่ไม่แข่งกันในวันนั้น ก็จะไม่มีนิทานคติสอนใจจนทุกวันนี้

ความประหลาดที่ใครๆ รังเกียจ เมื่อถึงเวลาอาจกลายเป็นของขวัญล้ำค่าให้ใครๆ ชื่นชม

กระตือจึงไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร วันๆ ใช้ชีวิตอย่างมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ขยันขันแข็ง และใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ

ไม่นานมนุษย์ก็รู้จักการสร้างเขื่อน

สายน้ำถูกแบ่ง กลายเป็นเหนือเขื่อนกับท้ายเขื่อน

เหนือเขื่อนน้ำมาก เป็นที่อยู่ของมนุษย์ ท้ายเขื่อนน้ำน้อย เป็นที่อยู่ของสัตว์ สายน้ำเหนือเขื่อนต้องไหลเต็มจนล้นออกมา ท้ายเขื่อนจึงจะมีน้ำใช้

ปีนั้นเกิดน้ำแล้ง เหนือเขื่อนมีน้ำเพียงครึ่ง ส่วนท้ายเขื่อนลำน้ำแห้งขอดกลายเป็นทะเลทราย สัตว์ป่าพากันประท้วง จะทุบทำลายเขื่อน มนุษย์เอาอาวุธเข้าขวาง การปะทะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

กระตือ เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎการแทนที่ของอาร์คิมีดีส ค่อยๆ เดินเอาก้อนหินมาทิ้งเหนือเขื่อน ทีละก้อน ทีละก้อน มนุษย์และสัตว์ที่กำลังสู้กันหันมามอง ว่ากระตือทำอะไร แรกๆ ก็หัวเราะเยาะ แต่กระตือก็ไม่สน ยังหยิบหินทีละก้อนๆ ใส่น้ำเหนือเขื่อน

พอเห็นน้ำค่อยๆ เอ่อสูงขึ้นๆ คนและสัตว์จึงเข้าใจ หยุดทะเลาะหันมาช่วยกันหยิบหินใส่น้ำเหนือเขื่อนด้วย

ไม่นานน้ำเหนือเขื่อนก็เอ่อล้นแล้วไหลลงมา ทำให้ท้ายเขื่อนกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง

กระตือกลายเป็นฮีโร่ประจำป่าและกลายเป็นต้นแบบในการทำงานและการใช้ชีวิตของมนุษย์ ใครที่ขยันขันแข็งมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ก็จะบอกว่า อยากเป็นแบบกระตือ

กระตือได้รับฉายา กระตือผู้รื้อฟื้นน้ำล้น

แต่มนุษย์ออกเสียงตามสัตว์ไม่ได้ คำจึงสั้นและเพี้ยนมาเป็น ‘กระตือรือร้น’ ตั้งแต่นั้นมา…

น่ารักไหมครับ

อีกเรื่องหนึ่งเหนือชั้นกว่า

“ต้อง” แต่งนิทานเลียนแบบเนื้อเพลง “ลามะลิลา”

แต่เขาตั้งชื่อ “รา” มาริรัก “ลา”

ลองอ่านดูครับ

…’รา’ มาริรัก ‘ลา’

ขึ้นต้นอะไรก็ได้ แต่ให้ลงท้ายด้วยสระอา

เจ้ารา เป็นราขนมปัง เจ้ารา เป็นราขนมปัง

มันโดนทิ้งขว้าง อยู่ข้างศาลา

เจ้าลา เป็นดาราดัง เจ้าลา เป็นดาราดัง

มาแสดงหนัง อยู่ข้างศาลา

เจ้ารา เพิ่งเกิดวันนี้ เจ้ารา เพิ่งเกิดวันนี้

รักลาทันที ที่ได้สบตา

เจ้าลา นั้นชอบกินเห็ด เจ้าลา นั้นชอบกินเห็ด

แต่มันไม่ get เห็ด ก็คือ รา

ราไม่ ใช่ไม้ขีดไฟ ราไม่ ใช่ไม้ขีดไฟ

จะจุดยังไง ให้ลาหันมา

ลาแวะ พักดื่มลำธาร ลาแวะ พักดื่มลำธาร

มันเดินข้ามผ่าน ไม่หันมองรา

ราส่ง ข้อความง่ายๆ ราส่ง ข้อความง่ายๆ

เป็นรูปสมาย 🙂 ทักทายเจ้าลา

ลาเห็น แล้วประหลาดใจ ลาเห็น แล้วประหลาดใจ

ขนมปังยิ้มได้ หรือตาลายหว่า

ราเปลี่ยน ส่งข้อความใหม่ ราเปลี่ยน ส่งข้อความใหม่

แบบสติ๊กเกอร์ไลน์ ทันสมัยกว่า

เจ้าลา ยิ่งอึ้งตกใจ เจ้าลา ยิ่งอึ้งตกใจ

เผลอลื่นตกไหล ลงในธารา

รารีบ ขยับขนมปัง รารีบ ขยับขนมปัง

ให้ลาเกาะหลัง ปีนฝั่งขึ้นมา

เจ้าลา ตะกุยตะกาย เจ้าลา ตะกุยตะกาย

โชคดีรอดตาย นอนหงายหมดท่า

เจ้ารา กระจุยกระจาย เจ้ารา กระจุยกระจาย

กลายเป็นราตาย ใต้อุ้งบาทา

เจ้าลา เดินกลับกองถ่าย เจ้าลา เดินกลับกองถ่าย

เหมือนไม่มีอะไร ได้เกิดขึ้นมา

เชื้อรา กลายเป็นสปอร์ เชื้อรา กลายเป็นสปอร์

ปลิวลมลอยคอ รอรักในป่า

เจ้าลา ถ่ายหนังจนเสร็จ เจ้าลา ถ่ายหนังจนเสร็จ

เปรี้ยวปากอยากเด็ด กินเห็ดสักครา

รักแท้ นั้นคือการให้ รักแท้ นั้นคือการให้

เจ้าราฝันใฝ่ อยากอยู่ในร่างลา

ด้วยอานิสงส์บรรเจิด ด้วยอานิสงส์บรรเจิด

ราได้ไปเกิด เป็น ‘เห็ดนางฟ้า’

 

เวลาอ่านนิทานเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนอดอ่านเป็นทำนองเพลง “ลามะลิลา” ไม่ได้

เรื่องแบบนี้มี “ต้อง” คนเดียวที่ทำได้

ครับ ใครเป็นแฟนคอลัมน์ “เรื่องสั้นประจำส้วม”

หรืออ่านเรื่องใหม่ 2 เรื่องนี้แล้วชอบ

เข้าไปกดติดตามเพจ “บัวไร” ได้เลยครับ

รับประกัน “ความสนุก” •

 

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC