วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย เสถียร จันทิมาธร / โอสถ สุดแสน มหัศจรรย์ (117)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

โอสถ สุดแสน มหัศจรรย์ (117)

ย้อนกลับไปยังสำนวนแปล จำลอง พิศนาคะ มิทราบว่าเวลาผ่านไปนานสักกี่ชั่วโมง เอี้ยก่วยจึงจะค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา รู้สึกว่าภายในปากของตนมีกลิ่นอันหอมฟุ้งจรุงใจ แลที่ระหว่างอุ้งปากก็ยังมีรสหวานอันซาบซึ้งติดอยู่

คล้ายดั่งกับว่าในท่ามกลางความสลบไสลตนได้รับประทานของสิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้าไป

แต่ครั้นแล้วเอี้ยก่วยก็เห็นนกอินทรีประหลาดตัวนั้นคาบผลไม้ที่มีสีแดงสุกสดใสผลหนึ่งมาป้อนใส่ภายในปากของตน

ตรงนี้เองที่ น.นพรัตน์ ระบุ เอี้ยก่วยค่อยฟื้นคืนสติมาอย่างแช่มช้า รู้สึกปากขมสุดทนทาน

พร้อมกันนั้นยังมีน้ำขมอีกไม่น้อยไหลลงสู่ลำคอ พอลืมตาขึ้นเห็นอินทรีวิเศษคาบลูกกลมสีม่วงเข้มลูกหนึ่งป้อนเข้าปากของเขา วัตถุนี้มีกลิ่นคาวเหม็นคลุ้ง แต่หวนนึกถึงอินทรีวิเศษแสนรู้ สิ่งที่ป้อนให้ต้องมีประโยชน์อย่างมากมายจึงอ้าปากรับประทานลงไป

เพียงขบกัดเบาๆ คราหนึ่งผิวนอกของลูกกลมก็ปริแตก ปรากฏเป็นน้ำขมทั่วทั้งปาก น้ำนี้คาวจัด ขมจัด ยากที่จะรับประทานลงคอ เอี้ยก่วยถึงกับคิดพ่นออกมาแต่ไม่อาจหักใจขัดเจตนาดีของอินทรีวิเศษ ฝืนใจกลืนลงท้องไป

ชั่วครู่ให้หลังทดลองโคจรพลังรู้สึกว่าลมหายใจสะดวกปลอดโปร่ง พอลุกขึ้นยืนขณะยกมือเหยียดเท้ามิเพียงไม่อ่อนแรง ตรงกันข้าม ยังกระตือรือร้นคึกคักเหลือล้ำกว่ายามปรกติ

2 สำนวนมีความแตกต่างกัน

ขณะเดียวกัน สำนวน ว. ณ เมืองลุง บรรยายว่า มิทราบผ่านเวลาเนิ่นนานปานใดเอี้ยก่วยจึงได้สติฟื้นขึ้นมา รู้สึกในปากขมจนสุดแสนทนทาน

พร้อมกับมีน้ำขมมากหลายไหลเข้าในลำคอ

ลืมตามองแลเห็นอินทรีอัปลักษณ์คาบก้อนกลมสีม่วงคล้ำป้อนเข้ามาในปากมันอยู่ เอี้ยก่วยได้กลิ่นก้อนกลมนี้มีกลิ่นคาวฉุนเฉียวยิ่ง แต่ได้คิดว่าอินทรีอัปลักษณ์แสนรู้ของที่ป้อนให้จะต้องมีคุณประโยชน์มหาศาลจึงอ้าปากรับมาเพียงเคี้ยวเบาๆ

เปลือกนอกของก้อนกลมก็แตกจากกัน น้ำในก้อนกลมสุดแสนจะขมจนแทบต้องอาเจียน

น้ำนี้ทั้งขมทั้งคาวกลืนกินยากสุดทนทาน เอี้ยก่วยคิดจะถ่มออกมาหลายครั้งครา แต่อย่างไรยังไม่อาจหักใจขัดกุศลเจตนาของอินทรีแสนรู้ได้ ฝืนใจกลืนลงในท้อง

ครู่ใหญ่ให้หลังลอบเกร็งลมปราณโคจรรู้สึกปลอดโปร่งทั้งร่าง

รีบผุดลุกขึ้นเหยียดมือสะบัดเท้ามิเพียงปราศจากความอ่อนล้าเท่านั้น กลับคึกคักเข้มแข็งกว่าเดิมมากหลาย ต้องลอบประหลาดใจเพราะตามเหตุผลถูกพลังเข้มแข็งของผู้อื่นกระแทกสลบไสลแม้ไม่บาดเจ็บบอบช้ำกล้ามเนื้อกระดูกก็ต้องปวดเมื่อย

หรือก้อนกลมสีม่วงคล้ำนี้จะเป็นยาศักดิ์สิทธิ์รักษาอาการบอบช้ำได้

ไม่ว่าจะแปลออกมาว่า “ผลไม้ที่มีสีแดงสุกสดใส” ตามสำนวน จำลอง พิศนาคะ ไม่ว่าจะแปลออกมาว่า “ลูกกลมสีม่วงเข้มลูกหนึ่ง” ตามสำนวน น.นพรัตน์

ไม่ว่าจะแปลออกมาว่า “ก้อนกลมสีม่วงคล้ำ” ตามสำนวน ว. ณ เมืองลุง

ไม่ว่าจะระบุว่ามี “รสหวาน” อย่างที่ จำลอง พิศนาคะ ถอดออกมา ไม่ว่าจะระบุว่า “ขมจนสุดทนทาน” และ “มีกลิ่นคาวเหม็นคลุ้ง” อย่างที่ น.นพรัตน์ ถอดออกมา ไม่ว่าจะระบุว่า “มีน้ำขม” และ “มีคาวฉุนเฉียวยิ่ง” อย่าง ที่ ว. ณ เมืองลุง ถอดออกมา

แต่หลังกลืนลงไปในลำคอเมื่อก้มลงหยิบกระบี่หนักไร้คมขึ้นมาถึงกับคล้ายเบากว่าเดิมหลายชั่ง

จึงไม่เพียงแต่ทำให้ปลอดโปร่งทั้งร่าง

หากเหยียดมือสะบัดเท้ามิเพียงปราศจากความอ่อนล้าเท่านั้น กลับคึกคักเข้มแข็งกว่าเดิมหลายเท่า ต้องลอบประหลาดใจเพราะตามเหตุผลถูกพลังเข้มแข็งของผู้อื่นกระแทกสลบไสล แม้ไม่บาดเจ็บบอบช้ำกล้ามเนื้อกระดูกก็ต้องปวดเมื่อย

ชะรอยผลไม้สีแดงสดใสคงจะเป็นยาขนานวิเศษ

หนังสือยุทธนิยายกำลังภายในยุคแรกๆ เน้นในเรื่องอภินิหารและพลังวิเศษอยู่เสมอเพราะเป็นหนทางลัดของจอมยุทธ์ไม่ต้องฝึกปรือ

ก๊วยเจ๋งก็ได้ดูดจากพิษงูวิเศษ เอี้ยก่วยก็ได้จากลูกกลมวิเศษ

แม้จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อแต่ก็ต้องยอมรับว่าการนำเสนอของกิมย้งแอบอิงอยู่กับกระบวนการในทางสมุนไพร มิได้เป็นเรื่องอภินิหารอย่างเลื่อนลอย หากทุ่มเทอธิบายและสะท้อนให้เห็นผลสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

จำเป็นต้องลงลึกในคุณวิเศษของสิ่งนี้อีกเล็กน้อย