รอดตายได้ด้วยฟีเจอร์บนโทรศัพท์ | จิตต์สุภา ฉิน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว Apple เปิดตัว iPhone 14 พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย หนึ่งในนั้นคือฟีเจอร์ที่เรียกว่า Emergency SOS via satellite หรือบริการขอความช่วยเหลือผ่านสัญญาณดาวเทียม

ในตอนนั้น Apple บอกว่าในกรณีที่เราตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือให้เราโทร.ขอความช่วยเหลือได้ เครื่อง iPhone 14 จะเกาะสัญญาณดาวเทียม

เราจะเห็นไอคอน SOS ปรากฏขึ้นที่มุมบนด้านขวาของหน้าจอแทนที่สัญลักษณ์แท่งสัญญาณมือถือ เมื่อเรากดโทรออกโทรศัพท์จะเชื่อมต่อไปยังหน่วยงานฉุกเฉินที่ทำงานร่วมกับ Apple เพื่อให้ผู้ใช้ iPhone ขอความช่วยเหลือได้ทันที

เมื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจบแล้ว หากเราตั้งค่าคอนแทกต์ฉุกเฉินเอาไว้ อย่างเช่น พ่อ แม่ หรือสามีภรรยา โทรศัพท์ก็จะส่งข้อความพร้อมโลเกชั่นของเจ้าของ iPhone ไปให้คอนแทกต์ของเราโดยอัตโนมัติเพื่อให้พวกเขาได้รับทราบสถานที่อยู่ล่าสุด

ในคลิปเปิดตัว Apple จำลองสถานการณ์ว่ามีนักปีนเขาสองคนติดอยู่บนภูเขาโดยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือตามปกติและไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ เมื่อกดขอความช่วยเหลือผ่านรูปแบบการส่งข้อความ ระบบจะถามว่าสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นคืออะไร อย่างเช่น ยานพาหนะมีปัญหา มีอาการป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ อาชญากรรม หลงทางหรือติดอยู่ที่ใดที่หนึ่ง หรือเหตุการณ์ไฟไหม้

เมื่อขอความช่วยเหลือไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะรับเรื่องและพูดคุยสอบถามเพิ่มเติมจนสามารถส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปรับนักปีนเขากลับลงมาได้โดยสวัสดิภาพ

 

ตอน Apple เปิดตัวฟีเจอร์นี้ทุกคนก็รู้ว่านี่เป็นฟีเจอร์ที่ดีที่จะมีไว้ติดเครื่องเผื่อในยามที่เราต้องประสบเหตุฉุกเฉินเข้าสักวัน แต่ก็ไม่ได้มีใครใส่ใจมากมาย เพราะเรามักจะมีแนวโน้มที่จะคิดว่าเหตุการณ์ร้ายๆ จะไม่เกิดขึ้นกับตัวเองง่ายๆ และบริการ SOS นี้ก็ไม่ได้รับการพูดถึงมากมายนัก

จนกระทั่งเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ในฮาวายเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ผู้ใช้งาน Twitter คนหนึ่ง (แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น X แล้วแต่ยังไม่คุ้นปากคุ้นหูกันสักเท่าไหร่) ได้โพสต์ว่าครอบครัวของคนรู้จักอยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าในฮาวายโดยทุกคนอยู่ในรถคันหนึ่ง จู่ๆ ไฟก็ลุกไหม้รอบๆ คันรถอย่างรวดเร็วจนทั้งห้าชีวิตหนีออกมาไม่ทัน ไม่มีใครสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้เพราะสัญญาณโทรศัพท์มือถือในบริเวณนั้นล่มทั้งหมด

โชคยังดีที่หนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่ติดอยู่ภายในรถใช้โทรศัพท์ iPhone 14 ที่รองรับฟีเจอร์ Emergency SOS ทำให้คนในรถสามารถขอความช่วยเหลือได้สำเร็จ

ผู้ใช้งานคนนี้แคปเจอร์หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เป็นบทสนทนาโต้ตอบระหว่างคนในรถกับหน่วยงานฉุกเฉินออกมาแชร์ให้คนอื่นๆ ได้อ่าน โดยเป็นการขอความช่วยเหลือผ่านบริการส่งข้อความซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและฉับไว

การส่งขอความช่วยเหลือครั้งแรกเกิดขึ้นตอน 18:13 น. จากนั้นก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญ อย่างเช่น การส่งตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบัน การแจ้งสถานะของหน่วยที่ให้ความช่วยเหลือ การให้คำแนะนำเบื้องต้น

จนในที่สุดก็สามารถช่วยทุกคนในรถคันนั้นออกมาได้ในเวลาประมาณ 18:47 น.

 

อันที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่ฟีเจอร์ Emergency SOS ผ่านดาวเทียมสามารถช่วยชีวิตคนได้

เดือนธันวาคมปี 2022 มีการรายงานเคสแรกที่มีคนใช้ฟีเจอร์นี้ขอความช่วยเหลือได้สำเร็จ โดยเป็นชายคนหนึ่งที่ขับสโนว์โมบิลไปติดค้างอยู่กลางหิมะในอะแลสกา เขาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือด้วย SOS บน iPhone ผ่านดาวเทียมซึ่งระบุพิกัดของเขาให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือได้สำเร็จ

เหตุการณ์นี้ทำให้เว็บไซต์ MacRomors รายงานว่าเจ้าหน้าที่ถึงกับเอ่ยปากชมว่าประทับใจในความแม่นยำและความครบถ้วนสมบูรณ์แบบของข้อมูลที่หน่วยฉุกเฉินได้รับ ซึ่งก็มาจากการที่ระบบออกแบบมาให้ถามคำถามผู้ใช้งานที่ขอความช่วยเหลือได้อยากละเอียดก่อนที่จะส่งข้อมูลไปให้ทีมกู้ภัยนั่นเอง

อีกเหตุการณ์ที่แสดงศักยภาพของฟีเจอร์ช่วยชีวิตของ Apple ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนเดียวกันแต่เกิดขึ้นในลอสแองเจลิส เป็นรถยนต์คันหนึ่งที่หลุดโค้งออกจากถนนและร่วงลงไปในหุบเหวเบื้องล่าง โชคดีที่ผู้โดยสารสองคนในรถไม่เสียชีวิต โดยเหตุการณ์นี้มีฟีเจอร์ 2 อย่างที่มีบทบาทในการช่วยเหลือ

ฟีเจอร์แรกคือสิ่งที่ Apple เรียกว่า Crash Detection เป็นฟีเจอร์ที่ iPhone 14 สามารถตรวจจับรูปแบบการชนและรู้ได้เองว่าเจ้าของเครื่องประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากโทรศัพท์จะแจ้งเตือนไปยังคอนแทกต์ฉุกเฉินได้เองทันที

และอีกฟีเจอร์ก็คือการขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียมนั่นเองค่ะ เมื่อรถตกลงไปในเหวที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ หนึ่งในผู้โดยสารที่ใช้ iPhone 14 สามารถขอความช่วยเหลือได้สำเร็จ โดยโทรศัพท์เชื่อมต่อเข้ากับศูนย์ของ Apple ที่ส่งต่อไปให้หน่วยงานฉุกเฉินในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว

หากดูจากคลิปวิดีโอวินาทีที่ช่วยผู้รอดชีวิตขึ้นมาบนเฮลิคอปเตอร์ได้ก็จะเห็นว่าดูจากสภาพซากรถยนต์แล้วก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากที่ทั้งคู่จะรอดชีวิตมาได้ ซึ่งอันที่จริงรอดชีวิตอย่างเดียวคงไม่พอ หากไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงทีก็ไม่รู้เลยว่าต้องรออีกกี่วันคนถึงจะเอะใจและเริ่มตามหา

ยังไม่นับว่าเหวอันกว้างใหญ่นั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ ที่กู้ภัยจะหาพบได้ทันเวลา

 

น่าเสียดายที่ฟีเจอร์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านดาวเทียมยังไม่ได้รองรับครบทุกประเทศ จากข้อมูลล่าสุดตอนนี้คือรองรับในออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ โปรตุเกส อังกฤษ และสหรัฐเท่านั้น ยังไม่มีให้ใช้งานกันได้ในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม Apple ระบุไว้บนเว็บไซต์ว่านักท่องเที่ยวที่ใช้ iPhone 14 แม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศที่รองรับฟีเจอร์นี้ แต่หากเดินทางไปยังประเทศที่รองรับและเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะสามารถใช้งานได้ (ยกเว้นกรณีที่ซื้อ iPhone มาจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ค่ะ)

ตัวฉันเองแอบหวังอยู่สองเรื่องใหญ่ๆ อย่างแรกก็คืออยากให้ฟีเจอร์ที่สำคัญขนาดนี้สามารถเปิดใช้งานได้ในทุกๆ ประเทศทั่วโลก

อีกอย่างก็คือ ฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายแบบนี้ไม่ควรจะถูกจำกัดให้ใช้ได้ในโทรศัพท์แค่บางรุ่นเท่านั้น แต่ควรทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้น

Apple เริ่มเบิกทางไว้แล้ว ถ้านี่จะกลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานที่มาพร้อมกับโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ในราคาที่สมเหตุสมผลได้ก็คงจะดี