ศึกครั้งนี้ อย่ากะพริบตา | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

สรุป “สมรภูมิการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร” น่าจะจริง ดูหนังตัวอย่างจากเมื่อวันวาน แกนนำ 2 พรรค “เพื่อไทย” นำโดย “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว-ประเสริฐ จันทรรวงทอง-ภูมิธรรม เวชยชัย” ฝ่ายหนึ่ง

กับอีกซีกหนึ่ง “ภูมิใจไทย” นำทีมโดย “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ-พิพัฒน์ รัชกิจประการ” ดังที่ทราบ คู่นี้เหมือนขมิ้นกับปูน แม้ไม่ถึงขั้น “ตายไม่เผา เงาไม่เหยียบ” แต่ก็ระดับกรวดน้ำคว่ำกะลากันมายาวนาน

แต่แล้วน้ำไหลเอื่อยตามกระแส นกบินกลับรัง “เพื่อไทยกับภูมิใจไทย” กลับมาจูบปากกันอย่างดูดดื่มอีกครั้ง “ศัตรูที่กลายเป็นมิตร จะเป็นมิตรแท้ เพื่อนที่ดีที่สุดหรือไม่” ก็ต้องติดตามดูชมกันฉากต่อไป

เพื่อนเกลอใหม่ พลิกขั้ว กลับข้างนั่งแถลงการณ์ร่วม ประกาศสารตั้งต้นเป็นข้าวต้มมัดกันที่ 212 เสียง เป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาลใหม่ด้วยกัน ภายใต้เงื่อนไข 3 ประการ คือ

1. ไม่แตะต้องมาตรา 112

2. ต้องไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

3. ต้องไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วม

แต่ที่ทำเอาท่านผู้ชมพากันอ้าปากหวอ คือ “หมอชลน่าน” ประกาศเสียงดังฟังชัด “ไม่มีสองลุง” ทั้ง “รวมไทยสร้างชาติ” ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และ “พลังประชารัฐ” ของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”

สารตั้งต้นจากเพื่อไทย 141 เสียง กับภูมิใจไทย 77 เสียง รวม 212 เสียง ย้ำชัดเสนอชื่อ “นายเศรษฐา ทวีสิน” สู่ทำเนียบนามนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต่อมามีการเปิดตัวพรรคแนวร่วมเพิ่มอีก 5 พรรค ประกอบด้วย “ประชาชาติ” 9 เสียง “เพื่อไทรวมพลัง” 2 เสียง “เสรีรวมไทย-พลังสังคมใหม่-ท้องที่ไทย” พรรคละ 1 เสียง ลำดับถัดไปคือ “ชาติไทยพัฒนา” อีก 10 ที่นั่ง รวมเป็น 236 เสียง ซึ่งยังต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

เป้าหมายรั้งไว้ท้ายสุด คือ “ประชาธิปัตย์” ที่มีอยู่ 25 เสียง และส่อเค้าเล่าอาการว่า จะแตกออกเป็น 2 เสี่ยง “กลุ่มต่อ-ชาย” ที่มี “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” กับ “นายกชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง” กุมบังเหียน จะรวมตัวกันแหกค่ายมาร่วมรัฐบาลใหม่เพิ่ม 19 เสียง รวม 255 ที่นั่ง แต่ยังเสี่ยงมากอยู่อีก เลยนัด “ไทยสร้างไทย” 6 ที่นั่ง เอาไว้อีกพรรค เมื่อดีดลูกคิดรวบรวมดูฐานที่มั่นแล้วทุนเต็มตุ่ม เพียง 261 เสียง

ขณะที่เมื่อครั้ง “พรรคก้าวไกล” เป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาล ดัน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรี มีฐานเสียง 8 พรรค รวม 312 ที่นั่ง ยังชนกำแพงเหล็ก ท่อนเบ้อเร่อ คือมาตรา 272 ที่กำหนดกึ่งหนึ่งของสองสภารวมกัน ต้องมากกว่า 376 เสียง

และสุดท้ายตามคาด 250 ส.ว.โชว์พลังให้ดูชมจะจะกันมาแล้ว รัฐนาวา “พิธา 1” แค่ทอดสมอ ถูกคว่ำกระดาน พังครืนเป็นที่ประจักษ์ กลิ่นยังหมาดๆ อยู่เลย

 

ดังนั้น การที่ 2 สารตั้งต้น “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” เพิ่งจะออกจากจุดสตาร์ตเดินสายไล่เชิญพรรคขนาดลูกเจี๊ยบ-ปลาซิว-ปลาสร้อยมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้เพียง 236 เสียง แต่กลับกระหยิ่มยิ้มย่อง ดาหน้าออกมาแสดงตรรกะแปลกๆ มั่นอกมั่นใจว่า จะประสบผลสำเร็จ หยิบชิ้นปลามันได้แน่นอน ในการโหวตเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป “เศรษฐา ทวีสิน” เข้าวินชัวร์

ขณะที่ผู้สันทัดกรณีทุกสำนัก ตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า การฟอร์มรัฐบาลภายใต้ร่มเงา “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ต้องพึ่งบริการ “สองลุง” ไม่คนหนึ่งคนใด ระหว่าง “รวมไทยสร้างชาติ” ของ “ลุงตู่” หรือ “พลังประชารัฐ” ของ “ลุงป้อม”

เพราะการฟอร์มรัฐบาล เมื่อมี “เพื่อไทย” เป็นแกนนำ ย่อมพ่วงด้วยเงื่อนไขพิเศษ “ซัมเมอร์เซลส์” ซื้อไข่ต้องแถมไก่ พา “นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร” กลับบ้านอย่างเท่ๆ และปลอดภัยด้วย

แยกกันไม่ได้เด็ดขาด “สองลุง” ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรือ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ยังมีอิทธิฤทธิ์อยู่มากในกลุ่ม ส.ว. ด้วยเงื่อนไขดังกล่าว กลวิธีที่พา “นายใหญ่กลับบ้าน” แบบเวิร์กๆ ผิวไม่ถลอก จักต้องพึ่งบริการ “ลุง” คนหนึ่งคนใด เรื่องแบบนี้อย่าเสี่ยง ไม่ควรประมาท เพราะโดนเบี้ยวมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว คาบนี้โอกาสดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม มีการหงายไต๋ออกมาให้ดูชมกันเล็กน้อยว่า “เพื่อไทย+ภูมิใจไทย” ข้าวต้มมัดคู่ใหม่ไม่ธรรมดา ดูเผินๆ จากข้างนอก ข้าวเหนียวผัดกับกะทิ ห่อด้วยใบตอง มัดด้วยเชือกก็จริง แต่ไส้ในทำท่าจะไม่ใช่กล้วยน้ำว้า เป็น “ไส้งูเห่า”

ที่แกนนำสองพรรคออกลีลาตีปีกลั้ลลา ว่า ฟอร์มรัฐบาลใหม่สำเร็จ โดยไม่พึ่งบริการ “สองลุง” ทั้ง “ตู่-ป้อม”

กงเกวียนกำเกวียน เวียนมาบรรจบ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะ “ลูกพรรคสองลุง” กับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ทุ่มทุนสร้างไปมหาศาล ตามไฟต์บังคับ ต้องดูแล รับผิดชอบลูกน้องกันจำนวนมาก ถอนขนหน้าแข้งไป หมดไปหลายกิโลขีด แต่ผลลัพธ์ ลูกแถวได้รับเลือกมาไม่กี่คน สติสตังยังไม่กลับฟื้นคืน

จนแหลก จึงแหกค่าย มีข่าวคลุกวงในว่า “พรรคลุงตู่” จาก “รวมไทยสร้างชาติ” ขอไปเกิดที่ใหม่ แจ้งยอดในสังกัดว่าจะไปกันเต็มคณะ มี 10 คน “พรรคลุงป้อม” จาก “พลังประชารัฐ” ที่ล้วนแล้วเคยเป็นคนกันเองกันมาก่อนทั้งนั้น ไปสมทบอีก 8 ชีวิต ไม่ได้ไปร่วมในนามพรรค แต่เลี่ยงบาลีเป็นเอกสิทธิ์ส่วนบุคคล หรือในนามกลุ่ม ซึ่งตำรวจไม่จับ

ไปเติมกับฐานที่จับขั้วกันไว้เดิมหลวมๆ ที่มีอยู่ก่อนแล้ว 261 เสียง รวมเป็น 279 เสียง

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เมื่อ “เศรษฐา 1” เป็นเขตห้ามเข้าทั้ง “ลุงตู่-ลุงป้อม” บรรดา ส.ว.ที่อยู่ใต้อาณัติสองลุง จะเป็นอุปสรรคเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งสองสภารวมกัน คือไม่ผ่านเกณฑ์ 376 เสียง ตกม้าตาย อีหรอบเดียวกับ “พิธา”

หมากกลสำคัญของเกมการเมืองกระดานนี้ จึงฝากไว้กับ “ก้าวไกล” 149 ยกมือสนับสนุน “เศรษฐา ทวีสิน” ร่วมด้วยช่วยกันผ่าทางตัน เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.

อดใจรอกันอีกนิด ตาอย่ากะพริบเด็ดขาดนะครับ ศึกครั้งนี้