ผ่าปมโกดังพลุระเบิด คร่า 12 ชีวิต-สลดนราฯ ออกหมายจับล่าเจ้าของ โดนคดีปี 59-แต่ไม่ฟ้อง

เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศ สำหรับเหตุการณ์โกดังเก็บพลุและประทัด ภายในตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เกิดระเบิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่าสิบราย บาดเจ็บอีกหลายร้อยคน บ้านเรือนประชาชนพังพินาศ

ยิ่งไปกว่านั้น การเกิดเหตุครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ย้อนไปเพียงสัปดาห์ ก็เกิดเหตุลักษณะเดียวกันที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และหากจำกันได้ฝ่ายปกครองก็สั่งให้ตรวจสอบโกดังเก็บพลุ-ประทัดทั่วประเทศ

แต่ก็ยังเกิดเหตุอีกจนได้

กลายเป็นคำถามว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าวมากเพียงใด

ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เป็นพื้นที่ที่ประกาศกฎอัยการศึกมาอย่างยาวนาน เป็นพื้นที่ความมั่นคงที่เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจสูงสุด แล้วทำไมถึงปล่อยให้มีโกดังเก็บวัตถุระเบิดเช่นนี้อยู่กลางตลาด อยู่กลางชุมชน

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อมีข้อมูลออกมาเรื่อยๆ ว่าสถานที่แห่งนี้เคยถูกจับกุมเมื่อปี 2559 แต่คดีก็เงียบหาย และยังสามารถประกอบกิจการได้ต่อเนื่อง ตามมาด้วยข้อครหาการจ่ายส่วยให้หน่วยงานต่างๆ

ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยและขาดความเชื่อมั่นในการดูแลทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน

หากไม่ทำให้กระจ่าง ย่อมไม่เป็นผลดี และหากละเลยอยู่เช่นนี้ ย่อมเปิดโอกาสให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้ขึ้นมาอีก

คนที่เสียหายก็หนีไม่พ้นประชาชนตาดำๆ นั่นเอง

เหตุสลดที่นรา

โกดังพลุระเบิดคร่า 12 ศพ

เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 กรกฎาคม นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก รับแจ้งเหตุโกดังเก็บประทัดระเบิดในพื้นที่ตลาดมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและร้านค้าในพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง

ที่เกิดเหตุพบภาพความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนและอาคารจำนวนมากพังราบเป็นหน้ากลอง มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังออกมาจากซากบ้านบางหลัง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เนื่องจากยังมีเสียงระเบิดดังปะทุขึ้นตลอดเวลา ต้องวางแผนเข้าช่วยเหลืออพยพผู้ที่ยังติดค้างอยู่ในบ้านเรือน

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า โกดังเก็บประทัดที่ระเบิดอยู่ด้านหลังของตลาดมูโนะห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ขณะเกิดเหตุพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน ได้ยินเสียงตูมดังมาก จากนั้นมีเสียงระเบิดเกิดขึ้นต่อเนื่องเหมือนทำสงครามกลางเมือง บ้านเรือนสั่นไหวรุนแรง

ขณะนั้นมั่นใจว่าไม่ใช่การก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ จึงวิ่งออกไปดู เห็นบ้านเรือนถูกแรงระเบิดจนพังเสียหาย พื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ บ้านเรือนเสียหายราบเป็นหน้ากลอง และมีผู้เสียชีวิตภายในบ้าน

แรงระเบิดสร้างความเสียหายรัศมีวงกว้างกว่า 500 เมตร ทำให้ตลาดมูโนะที่อยู่ห่างออกไปได้รับความเสียหายทั้งหมด

พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เผยว่า สาเหตุเกิดจากการเชื่อมเหล็กในโกดังเก็บประทัด จนเกิดประกายไฟระเบิดขึ้น ซึ่งต้องตรวจสอบว่าเป็นความประมาทของผู้ใด มีการตรวจสอบการเก็บประทัดเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

จากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลุมลึก 2 เมตร จาก 2 หลุมที่เกิดเหตุ ซึ่งพบดินประสิว ดินดำ ปริมาณเป็นตัน ทราบว่าได้มีการลำเลียงมาจากตอนบนของประเทศมาพักไว้ที่ดังกล่าว เพื่อเตรียมส่งขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนของการกระทำความผิดหลักๆ มี 3 ข้อหา คือ 1.การทำให้เกิดการระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก 2.ความผิดเรื่องการครอบครอง จำพวกระเบิด และ 3.จังหวัดภาคใต้ เป็นพื้นที่เฉพาะในเรื่องของความมั่นคงในการจำหน่ายดอกไม้เพลิง

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย ผู้บาดเจ็บ 121 ราย อาการหนัก 1 ราย อาการปานกลาง 9 ราย กลับบ้านได้ 101 ราย และมีประชาชนจำนวนหนึ่งต้องไปพักอาศัยที่ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ศูนย์กีฬา อบต.มูโนะ

โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุโกดังเก็บประทัดในตลาดมูโนะครั้งนี้ถือว่ามีความรุนแรงมากเพราะแรงระเบิดส่งผลให้ตลาดมูโนะ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายสินค้าชายแดนแหล่งใหญ่ที่สุดของ อ.สุไหงโก-ลก ได้รับความเสียหาย บ้านเรือนและร้านค้าถูกแรงระเบิดจนกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง เป็นที่เศร้าสลดของประชาชนในพื้นที่ หลังจากเพิ่งฟื้นตัวจากอุทกภัยครั้งใหญ่ช่วงปลายปี 2565

เป็นโศกนาฏกรรมที่ประชาชนต้องรับกรรม

โกดังระเบิดที่ดอยสะเก็ด

ห่างเหตุบึ้มดอยสะเก็ดไม่นาน

ที่สำคัญกรณีดังกล่าวไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่ก่อนหน้านี้ 5 วันที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ก็เกิดเหตุลักษณะเดียวกันขึ้น โดยเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 24 กรกฎาคม โรงงานผลิตพลุดอกไม้ไฟระเบิดในพื้นที่บ้านสันทุ่งใหม่ ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด ทำให้บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย

ที่เกิดเหตุตั้งอยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ที่ 14 บ้านสันทุ่งใหม่ เป็นโรงงานผลิตพลุดอกไม้ไฟ ถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง บ้านเรือนใกล้เคียงได้รับความเสียหายอีกประมาณ 10 หลัง

ในส่วนของผู้บาดเจ็บมีทั้งสิ้น 8 ราย แบ่งเป็นบาดเจ็บสาหัส 3 ราย บาดเจ็บปานกลาง 3 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย โดยในหนึ่งในกลุ่มผู้บาดเจ็บทั้งหมดนั้นมีเด็กหญิงอายุ 2 ปีเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งหมดส่งรักษาที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ด, โรงพยาบาลนครพิงค์, โรงพยาบาลลานนา และโรงพยาบาลเทพปัญญา เป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งต่อมานางดวง น้ำพี้ อายุ 87 ปี ญาติของเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกไฟลวกทั้งตัว ก็ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม สอบสวนนายพงศ์ศิริ ญาติของเจ้าของโรงงานพลุ ระบุว่า ธุรกิจของครอบครัวเปิดเป็นร้านจำหน่ายดอกไม้เพลิงชื่อ ร้านจุรีพาณิชย์ โดยมีนางจุรี อายุ 49 ปี ภรรยาเป็นเจ้าของ จนช่วงเที่ยงวันที่ 24 กรกฎาคม เห็นประกายไฟในโกดัง ทุกคนจึงรีบวิ่งหนีออกจากโกดัง จากนั้นไฟจึงลุกไหม้และไหม้ดอกไม้ไฟและพลุ จนเกิดการระเบิดขึ้นและมีผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นคนภายในครอบครัว

จากการสอบสวนบ้านที่เกิดเหตุเป็นโรงงานทำพลุดอกไม้ไฟ ซึ่งมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย คาดว่าสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้วัตถุดิบสำหรับทำพลุดอกไม้ไฟปะทุจนระเบิดขึ้น ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุระเบิดมาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ส่วนจะให้โรงงานนี้อยู่กลางชุมชนประกอบกิจการต่อหรือไม่อยู่ที่อำเภอจะเป็นผู้อนุญาต

เป็นเรื่องร้ายแรงที่เพียงไม่กี่วันก็เกิดเหตุซ้ำอีกจนได้

ละหมาดขอพร

ออกหมายจับ-เด้ง 4 ตร.

สําหรับกรณีที่มูโนะ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า เจ้าของคือ นายสมปอง ณะกูล และ น.ส.ปิยะนุช พึ่งวีรวัฒน์ สามีภรรยาเจ้าของโกดัง ที่วันเกิดเหตุเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าค้นบ้านพักและร้านค้าของนายสมปอง 2 จุดใหญ่ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 2 ห้อง และอาคารพาณิชย์ 1 ชั้น 2 ห้อง ซึ่งอยู่ติดกัน โดยเปิดเป็นร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร มีกล่องกระดาษวางอยู่ 144 กล่อง และกระสอบใส่น้ำตาลทราย 20 กระสอบ

เมื่อแกะออกพบดอกไม้เพลิง พลุ และประทัดไผ่เงิน บรรจุอยู่ภายในมีน้ำหนักประมาณ 1 ตัน

ส่วนที่อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 3 ห้อง ซึ่งไม่มีเลขที่ อยู่บริเวณสามแยกตรงข้ามกับร้านค้า 4 ห้อง 4 คูหา ซึ่งภายในร้านมีการจำหน่ายเบ็ดและอุปกรณ์ตกปลา พบดอกไม้เพลิงวางอยู่ในกล่องกระดาษอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ พร้อมใช้รถยนต์ 4 ล้อใหญ่ ย้ายไปเก็บรักษาไว้ภายในค่ายกัลยาณิวัฒนา

ขณะที่ทั้งคู่นัดหมายตำรวจจะเข้าให้ปากคำในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ปรากฏตัว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายจับทั้งคู่

จากประวัติพบว่าเจ้าของโกดังทั้งสองคนนี้เคยถูกตำรวจ สภ.มูโนะ จับกุมเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2559 ในคดีค้าดอกไม้เพลิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนในท้องที่ และฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามพระราชกำหนดการบริหารงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง

นอกจากนี้ บก.ภ.นราธิวาส ยังสั่งย้ายตำรวจมูโนะ 4 ราย ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุธาเวชช์ ธารีไทย ผกก.สภ.มูโนะ พ.ต.ท.อาลี วาเด็ง รอง ผกก.ป.สภ.มูโนะ พ.ต.ต.ณเชษ มณีโรจน์ สวป.สภ.มูโนะ พ.ต.ท.จรัญ อินทรา สว.สส. ไปประจำ ศปก.นราธิวาส

ไม่เพียงแค่นั้นยังมีการตั้งคำถามว่าเหตุใดในพื้นที่ที่ใช้กฎอัยการศึก เป็นพื้นที่มั่นคงสูง ทำไมตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ถึงปล่อยให้มีการกักตุนวัตถุระเบิดไว้กลางเมืองเช่นนี้ได้ และทั้งที่ชาวบ้านทราบกันหมด ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่รู้เรื่อง รวมทั้งมีการแฉโดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.ก้าวไกล อีกว่ามีการเก็บส่วยมูโนะ จ่ายให้กับจ่า ฟ.ฟัน ที่คอยกระจายไปยังหน่วยงานต่างๆ

รวมทั้งโกดังแห่งนี้ถูกจับกุมตั้งแต่ 7 ปีก่อน หากดำเนินคดีเด็ดขาด เรื่องเหล่านี้ก็คงไม่เกิด กลายเป็นประเด็นคำถามที่ต้องเร่งหาคำตอบ

ไม่เช่นนั้นความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหน่วยงานรัฐก็จะลดลงอย่างน่าใจหาย!!