เทรนด์เดินทางแบบใหม่ ไร้กระเป๋า

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

Cool Tech | จิตต์สุภา ฉิน

Instagram : @sueching

Facebook.com/JitsupaChin

 

เทรนด์เดินทางแบบใหม่

ไร้กระเป๋า

 

นิสัยขี้เกียจแพ็กกระเป๋าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฉันพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น การแพ็กกระเป๋าคือการตัดสินใจว่าของชิ้นไหนจำเป็นหรือไม่จำเป็นต้องเอาติดตัวไปบ้างซึ่งกระบวนการตัดสินใจว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็นนี่แหละที่กินเวลาและพลังงานสุดสุด

ครั้นจะใช้วิธีคิดแบบโยนๆ ลงไปก่อน ของเกินก็ดีกว่าของขาดก็กลัวว่ากระเป๋าเดินทางจะหนักเกินไป อาจจะยกขึ้นลงไม่สะดวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเดินทางคนเดียว

เมื่อได้มาอ่านบทความของ BBC เรื่อง “Are luggage-free trips the future?” ที่พูดถึงอนาคตที่เราอาจจะเดินทางกันแบบไร้กระเป๋าก็ทำให้ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าจริงๆ แล้วหากเราฝึกนิสัยให้แพ็กเฉพาะของที่จำเป็นได้ นอกจากจะช่วยให้เราเดินทางได้คล่องตัวขึ้นแล้วก็ยังช่วยสิ่งแวดล้อมได้ด้วย

บทความนี้พูดถึงการลดรอยเท้าทางคาร์บอนจากการเดินทางด้วยการลดปริมาณของที่เราแพ็กใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วยในแต่ละทริป ยิ่งเราแพ็กของให้เหลือน้อยลงเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งลดรอยเท้าทางคาร์บอนได้มากขึ้นเท่านั้น

จึงตามมาด้วยคำถามสำคัญว่า แล้วจะทำอย่างไรเราถึงจะแพ็กของให้น้อยลงได้ล่ะ อย่างน้อยๆ ของสำคัญอย่างเสื้อผ้าก็ต้องเอาติดตัวไปให้เพียงพอ ถ้าไปอยู่หลายวันหน่อย แค่เสื้อผ้าอย่างเดียวก็เต็มกระเป๋าแล้ว

หรือคนที่เดินทางไปทำกิจกรรมอย่างไปปีนเขา เล่นสกี ตีกอล์ฟ นอกจากจะต้องมีเสื้อผ้ากันหนาวที่เพียงพอแล้วก็ยังต้องแพ็กอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรมเหล่านั้นไปด้วย แล้วมาบอกให้แพ็กของไปน้อยๆ จะทำได้จริงที่ไหนกัน

ช่วงหลังๆ มานี้จึงมีทั้งสายการบินและสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่คิดค้น

ไอเดียใหม่ๆ ในการช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถแพ็กกระเป๋าเดินทางได้คล่องตัวมากขึ้น

 

สายการบิน Japan Airlines เปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้แบบไม่ต้องแพ็กเสื้อผ้าไปด้วยเพราะไปเช่าเสื้อผ้าที่ปลายทางได้เลย

โครงการ “Any Wear, Anywhere?” เริ่มทำตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปโตเกียว โอซาก้า หรือฟุกุโอกะด้วยสายการบิน Japan Airlines สามารถเช็กอินและถือกระเป๋าแครี่ออนเบาๆ ขึ้นเครื่องได้

เมื่อไปถึงปลายทางก็จะมีเสื้อผ้าในแบบและไซซ์ต่างๆ ส่งไปให้เลือกสรรถึงโรงแรมที่พัก ช่วยให้ผู้โดยสารแพ็กกระเป๋าได้แบบเบาโหวง มีแค่แครี่ออนใบเดียวก็เพียงพอ

สายเล่นสกีที่วางแผนเดินทางไปแอลป์ ตอนนี้ก็มีไอเดียใหม่ที่ผุดขึ้นมาในฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย คือให้นักเล่นสกีทิ้งอุปกรณ์ไว้ที่บ้านได้เลย ค่อยมาเช่าทั้งหมดได้ที่รีสอร์ต

ไอเดียนี้ถูกนำมาใช้เพื่อรับมือปัญหาที่เก็บสัมภาระไม่เพียงพอ และช่วยนักเล่นสกีประหยัดเงิน ไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์แพงๆ ที่อาจจะได้ใช้แค่ปีละไม่กี่ครั้ง ไม่ว่าจะต้องการอุปกรณ์ชนิดไหน หมวก ถุงมือ แว่น กางเกง แจ็กเก็ต อุปกรณ์สกีทุกรูปแบบไปจนถึงหมวกนิรภัยสามารถมาเช่าได้ที่ปลายทางทั้งหมด ช่วยลดทั้งรอยเท้าทางคาร์บอนจากการไม่ต้องขนส่งอุปกรณ์หนักๆ ไปมา และยังช่วยให้รียูสของ ใช้ซ้ำได้อย่างคุ้มค่าด้วย

แนวคิดนี้บอกว่าให้นักท่องเที่ยวประหยัดเงินค่าโหลดกระเป๋าเพิ่มหรือค่าโหลดกระเป๋าโอเวอร์ไซซ์ไว้มาจ่ายค่าเช่าอุปกรณ์แทน คุ้มค่ากว่าและมั่นใจได้ด้วยว่าอุปกรณ์เหล่านั้นได้รับการซ่อมแซมบำรุงจากคนที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ

 

อีกสถานที่ที่ BBC ยกตัวอย่างมาก็คือดูโบรฟนิกในโครเอเชียที่แนะนำให้นักท่องเที่ยวทิ้งกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อเอาไว้ที่บ้าน แล้วเดินทางมาพร้อมกระเป๋าถือหรือกระเป๋าสะพายเท่านั้น เพราะการลากกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อไปตามถนนอาจจะทำให้ถนนอันเก่าแก่เสียหายได้ และเมื่อไม่ใช้กระเป๋าเดินทางแบบมีล้อก็จะเป็นการบังคับกลายๆ ให้นักท่องเที่ยวต้องเลือกเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น

สถานที่พักในอุทยานแห่งชาติของเคนยา แทนซาเนีย และยูกันดา ต่างก็สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาด้วยสไตล์แบบพร้อมก่อกองไฟ คือแต่งตัวให้ง่าย สบาย เน้นกระเป๋าที่สะพายได้ให้พร้อมขึ้นเครื่องบินขนาดเล็กอยู่เสมอ อุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นอย่างของที่ต้องใช้ในห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัว ครีมกันแดด หรือยากันแมลงต่างๆ จะถูกจัดเตรียมไว้ให้แล้วทั้งหมด ช่วยประหยัดน้ำหนักสัมภาระไปได้ระดับหนึ่ง

เทรนด์ถ่ายภาพท่องเที่ยวสวยๆ ลงบนโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram ทำให้เราแพ็กกระเป๋าใบโตโดยไม่จำเป็น จากเดิมที่การท่องเที่ยวไปสถานที่ต่างๆ เป็นไปเพื่อประสบการณ์และความทรงจำส่วนตัวก็กลายเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าให้เข้ากับสีของแต่ละสถานที่ บางคนแพ็กเสื้อผ้าไปสำหรับเปลี่ยน 2-3 ชุดในหนึ่งวัน เพื่อให้ภาพถ่ายออกมาสวยที่สุด หรือขนพร็อพไปด้วยเยอะเกินความจำเป็นเพียงเพื่อใช้สำหรับภาพถ่ายเพียงภาพเดียวเท่านั้น

หากดูจากเทรนด์ที่คนเจน Z หันมาสนใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ฉันก็เชื่อว่าเทรนด์การหอบผ้าหอบผ่อนไปถ่ายภาพแค่ไม่กี่แชะน่าจะถูกลดความสำคัญลง และเราน่าจะได้เห็นเทรนด์การแพ็กกระเป๋าที่เบาและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น

 

โครงการอย่างการให้เช่าเสื้อผ้าที่จุดหมายปลายทางอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด แต่การแก้ปัญหาด้วยไอเดียใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องสนับสนุนให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดแล้ววิธีที่ยั่งยืน ทำได้จริง และทำได้เลย ก็ยังคงเป็นการแพ็กของใส่กระเป๋าให้น้อยลงอยู่ดี

มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ช่วยให้เราแพ็กกระเป๋าได้เบาขึ้น อย่างเช่น กระเป๋าพองลมทูอินวันใช้ใส่แท็บเล็ตก็ได้หรือจะเป่าลมเพื่อใช้เป็นหมอนรองคอก็ได้ เสื้อกันหนาวที่แม้จะเบาบางจนม้วนเก็บได้แต่ก็ยังกันหนาวได้ดีเยี่ยม กระติกน้ำแบบพับได้และน้ำหนักเบา หรือกระเป๋าซักผ้าที่ช่วยให้เราซักผ้าได้ง่ายๆ ทุกที่ที่เราไป ลดจำนวนชิ้นของเสื้อผ้าที่เราต้องแพ็กใส่กระเป๋า

และยังมีเคล็ดลับการแพ็กกระเป๋าเล็กๆ น้อยๆ ที่เราอาจจะมองข้าม อย่างการแบ่งของเหลวมาใส่ขวดขนาดเล็กที่พอใช้สำหรับการเดินทาง การเลือกพกแท็บเล็ตแทนคอมพิวเตอร์ เลือกเสื้อผ้าสีเรียบๆ ให้มิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่าย เลือกซักผ้าถ้าหากเป็นไปได้ วางแผนการแต่งตัวไว้ก่อนล่วงหน้า ไปจนถึงตัดใจเลือกรองเท้าไปด้วยเพียง 2-3 คู่เท่านั้นไม่เกินกว่านี้

ฉันเชื่อว่าหลังจากนี้ไปทั้งฉันและคุณผู้อ่านก็จะให้ความสำคัญกับการลดของในกระเป๋าเดินทางให้น้อยลงแล้ว ขาไปอาจจะดีขึ้น แต่โจทย์อีกข้อที่จะต้องตีให้แตกก็คือขากลับนี่แหละค่ะ ทำอย่างไรเราจึงจะช้อปปิ้งในระหว่างการท่องเที่ยวให้น้อยลงได้

ใครคิดเคล็ดลับดีๆ ได้ มาบอกกันด้วยนะคะ