เพจไร้กรอบ | หนุ่มเมืองจันท์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ผมเริ่มการสื่อสารทางเฟซบุ๊กมานานแล้วครับ

มีทั้งเฟซบุ๊กส่วนตัวและเพจหนุ่มเมืองจันท์

เฟซบุ๊กส่วนตัวนั้นผมมีไว้แค่เป็นสปริงบอร์ดเพื่อจะเปิดเพจ

ดังนั้น ในเฟซส่วนตัวจึงแทบจะไม่มีการเขียนข้อความอะไรเลย

ช่วงแรกๆ ถึงขั้นเขียนบอกในเฟซส่วนตัวเลยว่าผมจะสื่อสารผ่านทางเพจเท่านั้น

รบกวนช่วยไปกดติดตามทางเพจดีกว่า

จำได้ว่าตอนที่ยังไม่มีเฟซบุ๊ก การเขียนบทความใน “มติชนสุดสัปดาห์” นั้นถือเป็นการสื่อสารที่ปลอดภัยมาก

เพราะเป็นการสื่อสารทางเดียว

ในมุมหนึ่ง รูปแบบการสื่อสารแบบนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยมาก

เพราะ “นักเขียน” จะแอบอยู่ข้างหลังกระดาษ

คนไม่ชอบก็ไม่รู้ว่าจะโวยวายอย่างไรดี

จะด่าว่าอย่างไรก็ไม่ได้ยิน

ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ

ปลอดภัยดี

แต่ก็มีข้อเสียที่ไม่ได้คุยกับคนอ่านโดยตรง

การเปิดเพจทำให้ผมได้สื่อสารกับผู้อ่านมากขึ้น เพราะเป็นระบบ “ทูเวย์”

เขียนอะไรไป ชอบก็กดไลก์หรือแสดงความเห็น

ไม่ชอบก็โวย

เนื่องจากผมเปิดเพจมานานมาก ฐานแฟนเพจแรกๆ จึงเป็นคนอ่านหนังสือซึ่งคุ้นเคยกันมานาน

เป็นเหมือนพี่-เพื่อน-น้อง

บางคนไม่เคยเจอหน้ากัน แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยจากการคุยกันในเพจ

เวลาแสดงความคิดเห็นในเรื่องอะไรที่อยู่ในกระแสสังคม

บางครั้งก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ตามเพจต่างๆ ถ้าคนไม่เห็นด้วยและออกความเห็นแรงๆ

หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ด่า”

จะไม่มีใครออกมาช่วย

เจ้าของเพจจะต้องจัดการเอง

แต่เพจของผม พอมีคนตั้งท่าจะชวนทัวร์มาลง

พี่-เพื่อน-น้อง ในเพจเขาจะออกมาชี้แจงแทนเลย

น่ารักมากครับ

หรือถ้าเรื่องไหนที่ผมพลาดจริงๆ

แทนที่จะโวยผมที่หน้าจอ

เขาจะแอบเขียนหลังไมค์มาเตือน

บางโพสต์ผมก็ตัดสินใจลบเพราะคำเตือนจากกัลยาณมิตรหลังไมค์

น้องๆ ที่เป็นเจ้าของเพจหลายคนยังเคยบอกเลยว่าผมโชคดี มีแฟนเพจปกป้อง

ราวกับมี “กุมารทอง”

 

ในเพจตอนแรกก็เขียนอะไรเล่นๆ ไปเรื่อยๆ

มีอะไรน่าสนใจก็เขียน

ช่วงแรกยอดผู้ติดตามขึ้นเร็วมาก

แต่พอ “พี่มาร์ก” ปรับอัลกอรึธึ่มให้คนเห็นน้อยลง

ยอดผู้ติดตามก็เริ่มนิ่ง

จำได้ว่ายอดนิ่งอยู่ระดับ 180,000 นานมาก

นานจนไม่ได้ดูเลย

กว่าจะขึ้น 200,000 ใช้เวลาเกือบ 2 ปี

แล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ

แม้ยอดผู้ติดตามจะไม่ได้สูงเป็นระดับล้านคน แต่น้องๆ ที่อยู่ดิจิทัลเอเยนซี่ชมว่าเพจผมยอด “เอนเกจเมนต์” หรือการมีส่วนร่วมดีมาก

ทั้งยอดไลก์ ยอดแชร์ และแสดงความคิดเห็น

ไม่ว่ายอดผู้ติดตามจะมากหรือน้อย เนื้อหาในเพจก็ยังคล้ายๆ เดิม คือ คุยเล่น แสดงความเห็นตามกระแสบ้าง

บางครั้งก็เขียนเรื่องทางธุรกิจ

หรือมีเรื่องแรงบันดาลใจก็เอามาลงในเพจ

วนไปวนมาเรื่อยๆ

ตอนมี “เฟซบุ๊กไลฟ์” ใหม่ๆ ผมก็เข้ามาเล่นด้วย

ทำรายการ “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจไลฟ์”

จนเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา ผมเริ่มทดลองขายหนังสือผ่านเพจตาม “นิ้วกลม”

“เอ๋” กับ “ชิงชิง” ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

แนะนำโปรแกรมการขายหนังสือ และประสานงานให้ด้วย

น่ารักมาก

ปรากฏว่าการขายหนังสือผ่านเพจที่คนรู้จักเราประสบความสำเร็จดีมาก

ยอดขายสูงกว่าขายในงานหนังสืออีก

และเมื่อปีที่แล้ว ผมก็เริ่มเอาผลไม้ที่สวนมาขายออนไลน์ผ่านเพจ “หนุ่มเมืองจันท์”

ขายดีจนตกใจเลยครับ

เนื้อหาในเพจบางช่วงเวลาจึงเริ่มมีการขายของเพิ่มขึ้นมา

จากนั้นก็พัฒนาความหลากหลายขึ้นไปอีก เมื่อกระแสการเมืองร้อนแรง

และผมทำรายการ The Power Game เป็นพอดคาสต์เกี่ยวกับการเมืองซึ่งต้องติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด

ยิ่งใกล้ก็ยิ่งคัน

วิญญาณนักข่าวเก่าเริ่มเข้าสิง

ทำรายการ The Power Game สัปดาห์ละครั้ง

แต่บางช่วงการเมืองเปลี่ยนแปลงเป็นชั่วโมงต่อชั่วโมง

เวลาคัน เราก็ต้องเกาใช่ไหมครับ

แต่คันการเมืองวันนี้ กว่าจะได้เกาก็เป็นสัปดาห์

ทนไม่ไหว

ผมก็เลยแก้ปัญหาด้วยการเขียนเรื่องการเมืองในเพจ

คราวนี้ก็เป็นเรื่องสิครับ

ช่วงการเมืองร้อนแรง โพสต์เรื่องการเมืองจะได้รับความสนใจค่อนข้างมาก

ทั้งยอดวิว กดไลก์ กดแชร์ และแสดงความเห็น

และบางครั้งวิญญานนักข่าวพลุ่งพล่าน

ลืมตัวเขียนวิเคราะห์การเมืองแบบ xคลูซีฟ

อย่างเรื่อง “ไอทีวี”

หรือบางวันทนไม่ไหว จัด The Power Game แบบพูดคนเดียวทางเพจเลย

ไม่น่าเชื่อว่ายอดคนติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จำได้ว่าตอนต้นปีประมาณ 250,000

มาวันนี้ยอดขึ้นไป 280,000

เพิ่งดูเมื่อเช้า ตกใจเลย

 

ผมเลื่อนดูเนื้อหาในเพจแล้วจินตนาการเป็นคนที่ติดตามเพจ

เขาคงงงๆ เหมือนกัน

เพราะเป็นเพจที่หลากหลายจนหาฝั่งไม่เจอ

มีทั้งเรื่องธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ คำคม

คุยเล่น

ขายของ

และการเมือง

คิดดูสิครับ วันหนึ่งเขียนเรื่องการตัดสินใจเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทย

แล้วหยิบเรื่อง “ช่างตีเหล็ก” มาเขียน

“ช่างตีเหล็กโบราณ เคยบอกว่า ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการหลอมมีดดาบให้แข็งแกร่งนานและคม

ไม่ใช่อยู่ที่ตอนเผาเหล็กให้ร้อน

แต่อยู่ที่ขั้นตอนการลด ‘ความร้อน’

ช่างตีเหล็กจะเอาเหล็กที่หลอมจนร้อนแดงจัด

จุ่มลงใน ‘น้ำเย็นจัด’ เพื่อ ‘ลดอุณหภูมิ’ อย่างรวดเร็ว

กลายเป็น ‘เหล็กกล้า’

เช่นเดียวกับความยิ่งใหญ่ของคนหรือพรรคการเมือง

ไม่ได้อยู่ที่การแสดงออกที่ร้อนแรงในยามรุ่งเรืองหรือพ่ายแพ้

หากแต่อยู่ที่ความกล้าหาญที่จะใช้ ‘ความเย็น’ สยบ ‘ความร้อนแรง’ ทางอารมณ์

‘ความร้อน’ ที่ผ่าน ‘การแข็งตัวอย่างเยือกเย็น’

จะเป็น ‘ความแข็งแกร่ง’

ยิ่งเย็นเท่าไร ยิ่งได้เปรียบ

ค่อยๆ คิด

ค่อยๆ ทำ

ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง

แล้วจะกลายเป็น ‘เหล็กกล้า’ ที่คมกริบและแข็งแกร่ง

เหนือกาลเวลา”

…เข้มข้นมาก

พอโพสต์ต่อไปหักมุมเลย

…ขาย “มังคุด”

มีน้องคนหนึ่งไลน์มาแซวเรื่องนี้ ผมก็เลยเอามาเขียนในโพสต์

“วันก่อน น้องคนหนึ่งบอกผมว่า ‘ผมรู้กลยุทธ์การตลาดของพี่แล้ว’

งง…เรื่องอะไร

น้องบอกว่ากลยุทธ์ของผม คือ จะโพสต์เรื่องการเมือง หรือเรื่องที่เล่นกับกระแสเพื่อเรียกยอดวิว

พอคนมาอ่านเยอะๆ กดไลก์ กดแชร์กัน

‘พี่ก็โพสต์ขายมังคุดเลย’

ผมส่ายหน้า กล่าวหากันชัดๆ

‘ไม่จริง ไม่ได้ขายมังคุด’ ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

‘ผมจะขายลองกอง’

แฮ่ม…เพราะมังคุดหมดสวนแล้ว”

แล้วเขียนขายของต่อเลย บอกว่าพรุ่งนี้จะเริ่มเปิดขาย “ลองกอง” ให้เตรียมจองได้

ช่วงการเมืองเข้มข้น ในโพสต์ขายลองกองจะมีคนเข้ามาถามว่าวันนี้จะมี The Power Game หรือเปล่า

เหมือนเด็กถูกคุณครูทวงการบ้านกลางตลาดเลยครับ

เพราะผมจะไม่มีเวลาจัดรายการแน่นอน บางครั้งก็วันพุธ บางสัปดาห์ก็วันพฤหัสบดี

แล้วแต่คิวของผมและน้องๆ รวมทั้งห้องอัดจะว่างตรงกัน

พอมีคนมาทวงการบ้านกันเยอะ

คืนนั้น ผมโพสต์เลย

“มี 2 เรื่องมาบอกครับ

คืนนี้มี The Power Game

และเปิดขายลองกอง”

ไม่แยกเรื่องการเมืองและขายผลไม้แล้ว

รวมเป็นโพสต์เดียวเลย

ถือเป็นการยกระดับไปอีกขั้น •

 

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

www.facebook.com/boycitychanFC