ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | อัญเจียแขฺมร์ |
เผยแพร่ |
อัญเจียแขมร์ | อภิญญา ตะวันออก
ฟุนซินเปก-โลกใบใหญ่
ในมือ ‘องค์จักราวุธ’
เมื่อบิดายังคงพระชนม์ชีพ “สามพี่น้องนโรดม” อันมี รัตนาเทวีน้องนุช สีหฤทธิ์พี่ชายคนกลาง และจักราวุธ-พี่ชายองค์โตในจำนวนพี่น้อง 3 คนของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์
พวกเธอและเขา ต่างไม่เคยรู้สึกมีความสุขกับชีวิตการเมืองของพ่อและแม่ในประเทศกัมพูชา
โดยเฉพาะการประสบอุบัติเหตุทางการเมืองหลายต่อหลายครั้ง และล่าสุดคือ เมื่อสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะออกหาเสียงเมื่อ 5 ปีก่อน
จนพระองค์ไม่สามารถจะคืนกลับมาเป็นปกติได้
ในที่สุด ก็สิ้น “ชีพิตักษัย”
รัตนาเทวีลูกสาวที่เฝ้าเห็นบิดาสูญเสียมากมายในการเมืองหลายต่อหลายครั้ง ทรงทุกข์ตรอมจิตใจไปมาก โดยเฉพาะครั้งสุดท้าย ในการสูญเสียเนียะมะเนียง/หม่อมพอลลา-ภรรยาคนที่ 2 ที่อยู่กินกันมา และ 2 โอรสกำพร้าที่องค์รัตนาและมารีอุปการะ
ในระยะเวลาอดีตคู่ชีวิตสมเด็จกรมพระรณฤทธิ์ที่กลับมาในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และท่านหญิงนโรดม มารีที่ได้ปรนนิบัติจนวาระสุดท้าย ท่ามกลางอ้อมกอดผู้เป็นที่รักของอดีตภรรยา
นั่นคือ ความสะเทือนใจอันลึกซึ้งของสมาชิกครอบครัวรณฤทธิ์ที่มีต่อกันเป็นวาระสุดท้าย ก่อนองค์รณฤทธิ์จะถึงชีพิตักษัยในปลายปี 2021
โดยทิ้งสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่นั่นคือ พรรคฟุนซินเปกให้แก่ทายาท!
ตอนที่ตรุงรณฤทธิ์ รับภารกิจการเมืองจากสมเด็จพ่อ (สีหนุ) และบินกลับประเทศนั้น นโรดม จักราวุธเพิ่งอายุเพียง 21 ปี ส่วนหญิงรัตนาเทวีนั้น ยังไม่จบไฮสกูล
จักราวุธกับสีหฤทธิ์น้องชาย ดูจะเหมือนเด็กฝรั่งเศสทั่วไปที่ใช้ชีวิตอิสระ และเลือกที่จะเป็นตัวเอง
ขณะที่หญิงรัตน์ (รัตนาเทวี) นั้นอยู่ภายใต้กฎของแม่ที่ยังเคร่งครัดทางจารีตแบบชาวราชสำนัก (แม้จะยุคหลัง) และนั่นทำให้รัตนาเทวีกลายเป็นตัวแทนของมารดาออกงานสังคมซึ่งเป็นทั้งแขกเหรื่อของสมเด็จปู่/อัยกา, สมเด็จป้า และบิดาของเธอเอง
นัยทีเหล่านั้น มันมีหลายอย่างที่อยู่ในจิตใจอันยากจะเยียวยาหรือหาคำอธิบายสำหรับท่านหญิงรัตนา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ยากลำบากของบิดาทั้งเรื่องส่วนตัวและการเมือง
กระนั้น วันเวลาที่คล้อยผ่าน ในที่สุด พันธกิจของชีวิตที่จะเป็นนักการเมืองของทายาทรณฤทธิ์ก็เวียนมาบรรจบ และเป็นองค์นโรดม จักราวุธที่รับมรดกนี้ ด้วยการเป็นประธานพรรคฟุนซินเปกอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปีกลายที่ผ่านมา
นโรดม จักราวุธ (53) เป็นผู้ไม่สนใจการเมืองและใช้เวลากว่าค่อนชีวิตไปกับประเทศอื่นซึ่งพูดภาษาฝรั่งเศส ขณะที่ภาษาแม่ของเขานั้น ก็ไม่สู้แข็งแรงเหมือนราชนิกุลหลายคนของกัมพูชา อาทิ สมเด็จพระบรมรัตนโกศนโรดม สีหนุ ผู้มีบทบาทสำคัญของกัมพูชา
จักราวุธไม่คิดเจริญรอยตามกรมพระรณฤทธิ์ผู้เป็นพ่อและสมเด็จปู่สีหนุแต่อย่างใด
ความประดังประเดรันทดใจมากมายในครอบครัวที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่า โอรส-ธิดารณฤทธิ์ ต่างมีภาพจำการเมืองของพ่อแม่ที่ปวดร้าวจากวิถีชีวิตทางการเมืองนั้น มันไม่ใช่ความสุขอะไร ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
ตัวอย่าง อุบัติเหตุรถยนต์ของพ่อและหม่อมพอลลาที่จังหวัดกำโปดขณะตระเวนหาเสียงเลือกตั้งปี 2018 การเสียสละทั้งชีวิตในฐานะภรรยานักการเมืองของมารดาผู้ได้ชื่อว่าเป็นพระองค์มจะสตรีแห่งกัมพูชา ที่ถูกสวามีทอดทิ้ง ผลพวงจากรัฐประหาร
ตลอดจนการแย่งชิงไปมาในพรรคการเมืองระหว่างพ่อกับญาติวงศ์บางคนในราชนิกุล และอื่นๆ
แต่ชะตากรรมก็เหมือนกำหนดว่า นโรดม จักราวุธ ต้องรื้อฟื้น “ฟุนซินเปก!”
และมันถูกทำให้จบไปแล้วสำหรับความขมขื่นใจตั้งแต่สมัยสมเด็จปู่สีหนุ, บิดา มารดา และน้องสาวของตน เช่นเดียวกับความร้าวรานเก่าๆ ในอดีต
นโรดม จักราวุธตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นนักบริหารที่สามารถสวมหมวกหลายใบในการบริหารกิจการของตน โดยเฉพาะธุรกิจการเมืองที่พ่อฝากฝัง
โชคไม่ดีที่ “ฟุนซินเปก” ถูกมองว่าเป็นเหมือน “วิบัติ” หรือของแสลงสำหรับใครก็ตามที่เผลอไปรับมา นั่นคือเรื่องร้ายๆ มากมายในพรรคนี้ ตั้งแต่กรณีหม่อมพอลลาตั้งท้องกับบิดา และกลายเป็นปมหย่าร้างกับท่านหญิงนโรดม มารีมารดาของเขาที่ฟ้องร้องสมเด็จกรมพระรณฤทธิ์จนถูกขับจากการเมืองในที่สุด
ใครจะรู้ว่า นี่คือการละเมิดกฎหมายที่ร้ายแรงของสมเด็จฮุน เซน ในการ “ห้าม” นักการเมืองมีเมียน้อยโดยเด็ดขาด!
องค์รณฤทธิ์ก็ไม่ยอม ทรงสร้างครอบครัวใหม่ที่เสียมเรียบ แต่นานไปสมาชิกนโรดมทุกฝ่ายก็กลับมาเห็นแก่สมบัติการเมืองชิ้นสุดท้ายของกษัตริย์นโรดม สีหนุ
ในที่สุด รณฤทธิ์ก็กลับมาฟุนซินเปกและเป็นครั้งสุดท้าย!
ก่อนที่นโรดม จักราวุธจะแบกตราโล่นี้ไว้บนบ่า ทว่าถึงวันนี้ ฟุนซินเปกกลายเป็นพรรคที่ผู้คนชาวกัมพูชาแทบจะไม่รู้จัก!
และนโรดม จักราวุธ ซึ่งบัดนี้ไม่เหลือใครในราชสำนัก ในเครือข่ายสมเด็จพ่อผู้ล่วงลับ ญาติทั้งฝ่ายบิดาและมารดาผู้พร้อมจะแย่งทำการเมืองในนามของพรรคนี้ตลอดเวลา ช่างเป็นเรื่องจริงที่น่ารันทดจนแม้แต่หญิงรัตนาในวันที่บิดาของคนทั้งสองยังนอนป่วย
อย่างไรก็ตาม ดูหมือนนโรดม จักราวุธกลับมีดุลยภาพในการทำงานการเมืองอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยและเกินกว่าที่ใครคิด นั่นคือ วันที่เขายืนต้อนรับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโชฮุน เซน และ พล.อ.ฮุน มาแนต อย่างเจียมเนื้อเจียมตน
ซึ่งบางครั้งดูจะมากกว่า “สมเด็จพระปิตุลา” หรือกษัตริย์นโรดม สีหมุนี นั่นเสียอีก!
แตกต่างกันขณะที่ฮุน มาแนต ทายาทสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นทั้งนายทหาร ทำธุรกิจ ซ้ำบิดายังมีอำนาจสูงสุดของประเทศนั้น แต่เหลือจะประมาณ นโรดม จักราวุธกลับโดดเดี่ยว ทำการเมืองแบบพอเพียง ไม่มีทั้งอำนาจบารมีและเงินทองที่จะสร้างเครือข่าย
หมายความว่า เขาจะต้องแย่งชิงผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในธุรกิจการเมืองเยี่ยงสมัยของบิดา
น่าประหลาดใจกว่านั้น
ภาพความอ่อนน้อมถ่อมตนของนโรดม จักราวุธที่มีต่อสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโชฮุน เซน ในหลายๆ วาระโอกาส ด้วยภาษากายการทูตที่น่าชื่นชมต่อหน้าสาธารณชน
มันยังบ่งบอกว่า ผู้นำฟุนซินเปกหน้าใหม่รายนี้ ไม่ประดักประเดิดใจในการลำดับชั้นความสำคัญ และสำหรับภาพจำที่น่าคับแค้นในอดีต ฟุนซินเปกสมัยพ่อ ต่อการเผชิญหน้าบุรุษกล้าผู้นี้
ซึ่งเท่ากับว่า มันจบแล้วอดีตและความหลัง และยุคใหม่การเมืองเขมรอาจจะเกิดขึ้นแล้วระหว่างมาแนต-จักราวุธ ที่ครั้งหนึ่งใครเลยจะรู้ว่าสมเด็จฮุน เซน นั้นถึงกับหวังดองลูกชายของตนกับองค์หญิงรัตนาเทวีเลยด้วยซ้ำ
ช่างเป็นเรื่องราวทำนองย้อนยุคแบบ “ขมิ้นกับปูน” ที่ชาวเขมรนำมารีเมกเป็นละครโทรทัศน์ฉบับของตน ใช้ตำหนักพ่อเมืองพระตะบองที่สยามเคยสร้างไว้ ถ่ายทำเลยทีเดียว และนี่ไม่ใช่พ้องเรื่องราวระหว่างสายสกุลนโรดม-ตระกูลฮุนแต่อย่างใด
หากองค์จักราวุธดูเหมือนจะปรับตัวให้เข้ากับชีวิตการเป็นนักการเมืองได้ดีกว่าที่คิดกว่ารุ่นสมเด็จอัยกา บิดา ตลอดจนวงศาคณะญาติอื่นๆ ซึ่งต่างจากเจเนอเรชั่นสมัยตน
ถ้อยทีระหว่างตรุงกับฮุน มาแนต จึงเป็นท่าทีแห่งความเป็นมิตรมากกว่าคู่ประกวดประแจง/แข่งขัน!
อีกการที่ฟุนซินเปกยุคใหม่ต่างไปจากอดีตนั่น ยังช่วยให้จักราวุธบินได้สูงกว่าเพดานที่ถูกจำกัด จนบ่อยครั้งต้องร่วงหล่นลงมาบาดเจ็บ
บางทีการเป็นลูกไม้ไกล-ไกลต้น! ก็ก่อผล-เอาตัวรอด!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022