พื้นที่อันตราย | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

พื้นที่อันตราย

 

การตกอยู่ระหว่างเขาควายนั้น อันตราย เพราะมีสิทธิถูก”ขวิด”ได้ง่ายๆ

และยิ่งเขาควาย 2 ข้างนั้น มิได้มีเป้าหมายที่จะ”ขวิดกันเอง”

ตรงกันข้ามกลับมีเป้าหมายจะขวิดฝ่ายที่อยู่ตรงกลางโดยตรง

อันตราย ยิ่งเพิ่มเป็น 2 เท่า

ดังนั้นแล้ว 8 พรรค ที่ตอนนี้เสมือนอยู่ใน”ระหว่างเขาควาย”ยิ่งต้องระมัดระวังตัว

และต้องเร่งขจัดจุดอ่อน จุดอ่อนแอ ในฝ่าย 8 พรรคด้วยกันเองให้เร็วที่สุด

โดยเฉพาะ 2 พรรคแกนหลัก ต้องช่วยกันเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กันและกันมากที่สุด

ความรู้สึก แบบ ถูกประชาชน”คลุมถุงชน”ให้มาล่มหัวจมท้ายชนิดไม่มีทางเลือก ต้องลบออกไป

เพราะที่ ประชาชนให้โอกาส 8 พรรคหรือว่าที่จริง 2 พรรคนั้น ตั้งอยู่บนแนวทาง “สมรสเท่าเทียม”มากกว่า

เป็นความเท่าเทียมที่จะก้าวเท้าเดินหน้าไปด้วยกัน

มิใช่ เท่าเทียมแบบ พรรคนี้ได้ตรงนั้น พรรคนั้นต้องได้ตรงนี้

และเมื่อไม่ได้ก็มาตั้งแง่ใส่กัน จนส่อเค้าจะนำไปสู่ปมขัดแย้ง ที่ทำลายสิ่งที่ประชาชนตั้งความหวังและมอบอาณัติมาให้

เปิดช่องให้ “เขา”พุ่งลิ่วเข้ามาขวิดจนกระเจิดกระเจิงได้

แม้ จะมีการปฏิเสธ จาก ฝ่าย”เขา” ว่าคงไม่มีใครเป็น “ควาย” ที่จะควักเงิน ร้อยล้าน-พันล้าน ไปปลุกชีพให้เกิด งูเห่า เลื้อยออกมาจาก 8 พรรค ไปจับ”ขั้วเดิม”ให้กลับมา

แต่ กระนั้น ก็คงยากปฏิเสธว่า “เขา” หลายเขา ต่างรอ “ส้มหล่น”อย่างใจจดใจจ่อ

และการรอ นั้น มิใช่การนั่งรอเฉยๆ หากแต่ พร้อมจะสร้างเงื่อนไข พร้อมจะตอกลิ่ม ให้ 8 พรรคแตกร้าวอยู่ตลอดเวลา

“ดีลลับ” จึงไม่ยอมหายไปไหน

ตรงกันข้าม กับถูกโยนเข้าใส่ เพื่อให้เกิดความหวาดระแวงอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งแม้ ที่สุด 2ใน 8 พรรค จะสามารถตกลงกันในเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฏร ไม่ว่าจะราบรื่นหรือ ทุลักทุเล

แต่นั่นก็เป็นเพียง ประตูแรก ที่จะก้าวเข้าไปจุดหมาย

ยังมีประตูอีกหลายประตู ที่จะขวางกั้น กว่าที่จะคว้านายกรัฐมนตรี ให้กับพรรคเสียงข้างมาก

โดยเฉพาะเสียงจากสภาสูง ที่นอกจากเยาะเย้ยไยไพ ว่าจะมีเสียงสนับสนุน ไม่ถึง 5 เสียงเท่านั้น

หากแต่ยังมีการเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย ของ ส.ว.ที่ยอมลดบทบาทตนเองลงไม่ต่างจาก “นักร้อง”โผล่ไปกดดันให้ กกต.เร่งทำ”นิติสงคราม” ส่งเรื่องคุณสมบัติ แคนดิเดตนายกฯ ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยโดยเร็ว

ซึ่งแม้จะยังไม่รู้ผล แต่การได้คา “ชนัก”ติดหลังแคดิเดตนายกฯไป

ก็ทำให้ข้ออ้างที่จะมีมติ “ไม่รับ”คนมีมลทินเข้าไปเป็นนายกฯมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

เพิ่มขึ้นพอที่จะถูกไถเป็นข้ออ้างเปรียบเทียบกับบุคคลที่ประชาชนที่แสดงเจตนารมณ์สนับสนุนผ่านการเลือกตั้งได้

ขณะเดียวกัน ก็โหมประเด็นละเอียดอ่อน ทั้งเรื่องกรณี 112 กรณีแบ่งแยกดินแดน กรณีเป็นสมุนมหาอำนาจตะวันตก ให้เชื่อมโยงกับพรรคการเมือง เพื่อตอกย้ำถึง การเป็นสิ่งอันตราย ต่อความมั่นคงของชาติ

ไม่สมควรที่จะได้รับโอกาส ให้เข้าไปบริหารประเทศ

และยังต้องกำจัด-ขจัดออกไป จากเส้นทางแห่งอำนาจ ให้ได้

นี่คือเจตจำนง ที่แน่วแน่ ของฝ่ายอำนาจเก่า ที่เร่งไล่ขวิด ฝ่ายที่อยู่ระหว่างเขาควาย อย่างไม่ผ่อนปรน เสื่อมคลาย

8 พรรค จะรอดพ้น”พื้นที่อันตราย” หรือไม่ การเลือกประธานสภา ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ จะเป็นสัญญาณบ่งชี้

—————–