ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | สิ่งแวดล้อม |
ผู้เขียน | ทวีศักดิ์ บุตรตัน |
เผยแพร่ |
นักนิยมประชาธิปไตยพากันโล่งอกโล่งใจไปอีกเปลาะเมื่อ “กกต.” รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อไปเรียบร้อย จากนี้อีกราวๆ 1 เดือนก็ไปลุ้นกันต่อว่า ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน จะร่วมโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 หรือไม่
รัฐธรรมนูญของบ้านเราถือว่าเขียนได้พิลึกกึกกือที่สุดเพราะเอา “ส.ว.” ที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง ไม่ได้มาด้วยเสียงของประชาชน แต่กลับมีสิทธิร่วมโหวตเลือก “นายกฯ” ด้วย
“พิธา” จะได้เป็นนายกฯ ต้องมีเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา 376 เสียง
ความจริงแล้ว เสียงที่ขาดอยู่อีก 64 เสียง ไม่จำเป็นต้องพึ่งฝั่ง ส.ว.เลย หาก ส.ส.ของพรรคการเมืองอีกซีกที่ไม่ได้ร่วมจับมือกับพรรคก้าวไกล โชว์สปิริตความเป็นประชาธิปไตย ยกมือให้ “พิธา” นั่งเก้าอี้นายกฯ เพราะมาด้วยกระบวนการเลือกตั้งเช่นกัน
พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ควรเป็นผู้แสดงสปิริตมากที่สุดเพราะทั้ง 3 พรรคมีรากเหง้าจากระบอบประชาธิปไตยและได้รับเกียรติผลประโยชน์อันมากมายจากผลบุญของระบอบประชาธิปไตยมาหลายยุค
บรรทัดนี้จึงอยากเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคทั้ง 3 พรรค รวมทั้งนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นเสาหลักของพรรคประชาธิปัตย์ตอบแทนบุญคุณ “ประชาธิปไตย” ด้วยการยืดอกนำขบวน ส.ส. 106 คนร่วมโหวตสนับสนุน “พิธา” เป็นผู้นำประเทศคนใหม่
ทำได้อย่างนี้จะเกิดความสง่างามของการเมืองไทยและประชาธิปไตยจะเบ่งบานอย่างน่าชื่นชม
แต่หากพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งด้วยกันเล่นเกมสกัด “พิธา” ขวางพรรคก้าวไกลไม่ให้เป็นรัฐบาล นั่นเท่ากับฉุดรั้งดึงประเทศนี้กลับเข้าสู่วังวนของความวุ่นวายอย่างไม่รู้จบ
กลับมาว่ากันด้วยเรื่อง “โลกร้อน” กันดีกว่า ขณะนี้มีสัญญาณชัดๆ เตือนว่าโลกนับจากนี้ไปจะเผชิญกับภาวะอากาศร้อนจัดอย่างสุดๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และมาเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
สัญญาณเตือนที่ว่านี้มีอยู่ 4 ตัวด้วยกัน
สัญญาณแรก คืออุณหภูมิโลกพุ่งสูงผิดปกติ แค่ 7 วันแรกของเดือนมิถุนายนปีนี้ขึ้นชาร์ตติดอันดับปีที่มีอากาศร้อนจัดที่สุด ทำลายสถิติเดิมๆ ที่บันทึกเอาไว้
ผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ “คอเปอนิคัส” แห่งสหภาพยุโรปชี้ว่า อุณหภูมิพื้นผิวโลกช่วงเดือนมิถุนายนสูงกว่ายุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม 1.5 องศาเซลเซียส ส่งผลทำให้สถิติอากาศร้อนจัดของเมืองต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ประเทศแคนาดา เป็นกรณีตัวอย่างล่าสุด อุณหภูมิร้อนจัด เกิดคลื่นความร้อนและไฟป่าเพิ่มระดับความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ควันโขมงจากไฟป่าลอยข้ามประเทศส่งผลกระทบกับสหรัฐ
พื้นที่แถบไซบีเรีย ใกล้กับขั้วโลกเป็นที่รู้กันว่าอากาศหนาวเย็นสุดๆ แต่เมื่อต้นเดือนมิถุนายน อุณหภูมิที่นั่นทะลุ 37.7 องศาเซลเซียส
พื้นที่บางส่วนของตอนกลางสหรัฐ เช่น รัฐเท็กซัส ลุยเซียนา และประเทศเปอร์โตริโก อากาศร้อนจัดติดต่อกันหลายวัน วัดอุณหภูมิได้ 48.8 องศาเซลเซียส
จนทางการต้องออกมาเตือนให้ดื่มน้ำบ่อยๆ สวมใส่เสื้อผ้าบางเบาสบาย อยู่ในที่ร่มและอย่าอยู่กลางแจ้งโดยไม่จำเป็น
คาดว่าถ้าอุณหภูมิทำสถิติใหม่ๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่เกิน 5 ปี ผู้คนจะเป็นทุกข์หนักเพราะอากาศร้อนจัด สัตว์เลี้ยงอย่างไก่หมูเกิดอาการช็อก พืชผลการเกษตรจะเหี่ยวเฉา ผลผลิตลดลงส่งผลกระทบกับระบบความมั่นคงทางอาหาร
เมื่อปีก่อน ประเทศจีนเจอภาวะแล้งจัดและคลื่นความร้อน ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งเรื่องของอาหารและการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรม
มาปีนี้พื้นที่หลายส่วนของจีนมีอากาศร้อนจัดยิ่งกว่า บรรดาคนเลี้ยงหมู ปลา กระต่าย พากันเดือดร้อนวุ่นวายเพราะสัตว์เลี้ยงทนร้อนไม่ไหวตายเป็นเบือ โดยเฉพาะในมณฑลเจียงซู ฝั่งตะวันออกติดกับมหานครเซี่ยงไฮ้ อากาศร้อนจัด พัดลมที่ติดตั้งในฟาร์มต่างๆ ทำงานหนักจนมอเตอร์พัง ไม่มีอากาศหมุนเวียนเพียงพอหมูตายเรียบ
ถ้าดูสถิติตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา อุณหภูมิในหลายเมืองของจีนพุ่งสูงลบสถิติเก่าๆ คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมในมณฑลเสฉวนและมณฑลยูนนาน อุณหภูมิทะลุ 40 องศาเซลเซียส
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาบอกว่า สถานีตรวจวัดอากาศ 578 แห่งติดตั้งในพื้นที่ต่างๆ ทั่วจีน พบอุณหภูมิที่วัดได้นั้นสูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ แต่ในพื้นที่ตอนกลางกลับมีฝนตกหนักในรอบสิบปี
ปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศในจีนปีนี้ทำให้นักวิเคราะห์เศรษฐกิจแสดงความกังวลว่าผลผลิตการเกษตรจะขาดแคลน และยิ่งเข้าสู่ภาวะ “เอลนีโญ” ปัญหารุมเร้ารุนแรงเป็นทวีคูณ เพราะมีทั้งฝนแล้ง น้ำท่วมและอากาศหนาวจัด
สัญญาณตัวที่ 2 ให้ดูสถิติอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นตลอดตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ที่เห็นเด่นชัดสุดคือเดือนพฤษภาคม ร้อนที่สุดทำลายสถิติน้ำทะเลร้อนที่สุดในโลก จนกระทั่งถึงขณะนี้ยังไม่มีทีท่าว่าอุณหภูมิจะลดลง
น้ำทะเลร้อนขึ้น นั่นหมายถึงบรรดาปะการัง ฝูงปลาและสัตว์ใต้ท้องทะเลมีโอกาสถูกคุกคาม เกิดปะการังฟอกขาว ฝูงปลาที่พึ่งพิงแหล่งปะการังจะว่ายหนีไปหากินในแหล่งอื่นที่มีอุณหภูมิเย็นกว่า และระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่ง
“แม็กซิมิลลิอาโน เฮอเรรา” ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศ เฝ้าจับดูอุณหภูมิน้ำทะเลทั่วโลกบอกกับสื่อว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอุณหภูมิในท้องทะเลจะร้อนเร็วอย่างนี้
สัญญาณตัวที่ 3 ภูเขาน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้ ละลายเร็วกว่าเดิมที่เคยบันทึกไว้ นักวิทยาศาสตร์มองว่านี่เป็นสัญญาณเตือนว่าวิกฤตการณ์โลกร้อนแผ่ขยายมาถึงพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลเช่นขั้วโลกใต้แล้ว และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุด
การสิ้นสุดที่ว่านี้คือการละลายของน้ำแข็งจนบรรดาสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณขั้วโลกจะอยู่ไม่ได้
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ภูเขาน้ำแข็งวัดได้ 1.7 ล้านตารางกิโลเมตร ถือว่าหดตัวลงต่ำสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกในปี 2513 เป็นต้นมา
สัญญาณตัวสุดท้าย คือระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโลกที่มาจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งจากโรงงาน ปลายท่อรถยนต์ พุ่งทะยานไปอยู่ระดับ 424 ส่วนต่อล้านส่วน เป็นสถิติใหม่ที่เพิ่งเกิด
ถ้าเทียบปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม ณ ขณะนี้มีปริมาณมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
สัญญาณเตือนภัยทั้ง 4 ตัวนี้ทำงานแล้วและกำลังทำต่อ ทั้งคลื่นความร้อนที่ร้อนสุดๆ เกิดภาวะแห้งแล้ง พายุฝนฟ้าคะนองน้ำท่วมหนักสุดๆ
และไฟป่าที่เผาผลาญป่าไม้พังพินาศยับเยิน •
สิ่งแวดล้อม | ทวีศักดิ์ บุตรตัน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022