ย้อนนาทีบุกไดมอนด์ผับ ชูวิทย์แฉซ้ำจีนเทาภาค 2 ชงรัฐบาลใหม่ปราบส่วย

ไม่ว่ากวาดล้างเท่าใดก็ดูจะไม่หมดลงง่ายๆ สำหรับนายทุนชาวจีนที่เข้ามาหากินในประเทศไทย สร้างความร่ำรวยด้วยธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ แทรกซึมอิทธิพลไปแทบทุกวงการ แถมไม่เคยแสดงออกถึงความเกรงกลัวกฎหมายประเทศไทย

อย่างล่าสุด ก็ต้องตกตะลึง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกทลายสถานบริการผิดกฎหมายที่เปิดกันอย่างครบวงจร ทั้งการตกแต่งสถานที่ที่สุดหรูหรา มีให้เสพกันเต็มที่ทั้งสุรา และยาเสพติด

คิดค่าบริการระดับคืนละแสน กลายเป็นแหล่งมั่วสุมระดับไฮคลาส กลางกรุง

เปิดกันอย่างโจ๋งครึ่ม แม้ก่อนหน้านี้จะมีการกวาดล้างเครือข่ายผับ “จินหลิง” ลามไปถึงการทลายเครือข่ายทุนจีนสีเทาขนานใหญ่

แต่ก็ดูจะไม่สะทกสะเทือนใดๆ !!

กลายเป็นคำถามว่าเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ทำไปได้อย่างไรโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายรู้เห็นเป็นใจ

อย่างล่าสุด แม้กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะมีคำสั่งย้าย ผกก. และรอง ผกก. สน.มักกะสัน เจ้าของพื้นที่ พ้นจากตำแหน่ง

แต่ก็ต้องดูว่าผลการสอบสวนจะพบว่ามีความพัวพันหรือไม่ จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป หรือจะเป็นการโยกย้ายเพื่อลดกระแสอย่างที่ร่ำลือกัน เป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรตำรวจจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

ถอนใบอนุญาต

เจออีก-ผับจีนปาร์ตี้ยา

เหตุการณ์กวาดล้างผับเปิดปาร์ตี้ยาครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 2 มิถุนายน โดย พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงไดมอนด์ เคทีวี ที่ตั้งอยู่ภายในเมรี อาบอบนวด ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กทม.

ผลการตรวจค้น พบนักเที่ยวชาวจีน 48 คน เป็นหญิง 18 คน ชาย 30 คน เปิดห้องคาราโอเกะ 4 ห้อง ปาร์ตี้มั่วสุมเสพยาเสพติด จากการตรวจสอบพบของกลางยาเสพติด ชนิดโคเคน, เคตามีน, ยาอี, แฮปปี้วอเตอร์ และอุปกรณ์การเสพจำนวนมาก จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงนำนักเที่ยวทั้งหมดตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด

พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ระบุว่า การบุกจับครั้งนี้ เพราะทราบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้เปิดบริการห้องคาราโอเกะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เปิดกันแบบโต้รุ่ง และยังเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดของนักท่องเที่ยวจีน ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวไทยเข้า ส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่มีฐานะ คิดค่าบริการห้องคาราโอเกะห้องละ 1 แสนบาท เปิดบริการ 6 ชั่วโมง แต่ละห้องมีดีเจส่วนตัวเปิดเพลง มีเด็กเสิร์ฟพิเศษแยกประจำห้อง

“เราใช้เวลาสืบสวนหาข้อมูลมากว่า 2 สัปดาห์ พบสถานบันเทิงแห่งนี้มีลักษณะคล้ายผับจินหลิง ที่ถูกบุกจับเมื่อปลายปีก่อน ทั้งนี้ พบนักท่องเที่ยวหลายคนมีสารเสพติดในร่างกาย จึงคุมตัวดำเนินคดี และสอบสวนขยายผลว่าสถานบันเทิงจำหน่ายยาเสพติดให้นักท่องเที่ยวหรือไม่ และนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ด้วย”

ขณะที่การสอบปากคำทราบว่า “ไดมอนด์ เคทีวี” ตั้งอยู่ภายในเมรี อาบอบนวด โดยในส่วนของอาบอบนวดไม่ได้เปิดให้บริการ ผู้ที่มาเที่ยวไดมอนด์ เคทีวีจะต้องเดินผ่านห้องโถงของเมรี อาบอบนวด เข้าไปข้างในจนสุดทางเดิน

ในส่วนของไดมอนด์ เคทีวีมีไฟแอลอีดีประดับส่องสว่างตามเสา ตกแต่งภายในอย่างทันสมัย ตกแต่งด้วยตุ๊กตานักบินอวกาศ มีทั้งสิ้น 8 ห้องสูท เรียงตามตัวเลขคือ ห้อง 801, 802, 805, 806, 803, 777, 888 และ 999 โดยตอนที่เข้าจับกุมพบแขกใช้บริการอยู่ 4 ห้อง อ้างว่าไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน แต่รู้จักกันผ่านร้านอาหารในย่านห้วยขวาง และมีไกด์แนะนำให้มาเที่ยวที่ดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังสั่งอายัดรถหรู 5 คันที่พบที่สถานบริการดังกล่าวไว้ตรวจสอบอีกด้วย และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสถานที่แห่งหนึ่งไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา และยังพบชาวไทย ที่อ้างเป็นคนดูแลสถานที่ ซึ่งได้แจ้งข้อหาความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน

ยืนยันดำเนินคดีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด

บุกผับหรู

บชน.สั่งเด้ง ผกก.มักกะสัน

ทั้งนี้ การดำเนินคดี พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ระบุว่า ได้ดำเนินการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 56 ราย ไปส่งฝากขังต่อศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก โดยแบ่งคดีออกเป็นครอบครองยาเสพติด 52 ราย ครอบครองอาวุธปืน 1 ราย และพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต 3 ราย

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสันได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 มิถุนายน

ทั้งนี้ ศาลอาญาพิจารณาคำร้องฝากขังและเหตุจำเป็นทั้ง 3 สำนวน อนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้องทั้งหมด โดยศาลอาญาพิเคราะห์คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวแล้วเห็นว่าการกระทำที่ถูกกล่าวหาเป็นเรื่องที่ผู้ต้องหาร่วมกันกระทำการในลักษณะมั่วสุมเพื่อเสพยาเสพติด อันเป็นการกระทำความผิดที่มีอัตราโทษสูง มีลักษณะเป็นภัยต่อสังคมโดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย

น่าเชื่อว่าหากให้ปล่อยชั่วคราวจะหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง

นอกจากนี้ พล.ต.ต.อัฏธพรยังลงนามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) บก.น.1 มีคำสั่ง ที่ 206/2566 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2566 สั่งการให้ข้าราชการตำรวจ พ.ต.อ.จรินทร์ ลำลึก ผกก. สน.มักกะสัน และ พ.ต.ท.ปุญชรัสมิ์ โชติ รอง ผกก.สส. สน.มักกะสัน มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.น.1 นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จนกว่าคำสั่งเปลี่ยนแปลง

และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.เสนาะ พูนเพชร ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.น.1 รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผกก. สน.มักกะสัน และ พ.ต.ท.จุณณวัตร พรพนม สว.สส. สน.มักกะสัน รักษาราชการแทนในตำแหน่งรอง ผกก.สส. สน.มักกะสัน ทั้งนี้ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ด้านนายไพฑูรย์ งามมุข ผอ.เขตห้วยขวาง สั่งติดประกาศคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต และห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการภายในเมรี อาบอบนวด พร้อมระบุว่า สถานที่ดังกล่าวได้รับใบอนุญาตเปิดเป็นอาบอบนวด ซึ่งเป็นกิจการดูแลสุขภาพคล้ายสถานบันเทิง แต่กลับตรวจพบว่าเปิดให้บริการเกินเวลาและมีการสนับสนุนหรือรู้เห็นให้มียาเสพติด และจำหน่ายสุราอย่างผิดกฎหมาย จึงใช้อำนาจตามประกาศของ คสช. เพิกถอนใบอนุญาตเป็นเวลา 5 ปี และมิให้ต่ออายุใบอนุญาต และมิให้ออกใบอนุญาตเป็นเวลา 5 ปี หรือสั่งห้ามใช้อาคารในระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ พบว่าช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีตัวแทนเป็นคนไทยมาติดต่อขอใบอนุญาตเปิดคาราโอเกะ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบอาคาร ป้ายบอกทาง ทางหนีไฟ ไม่พร้อมจึงไม่อนุญาต ก่อนพบว่าลักลอบเปิด

ซึ่งจะต้องนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาสืบสวนสอบสวนต่อว่าเกี่ยวกับขบวนการจีนสีเทาหรือไม่

ส่งฝากขัง

ย้อนคดีจินหลิง-ล้างจีนเทา

สําหรับการบุกจับผับเถื่อนครั้งนี้ ทำให้ถูกมองย้อนไปถึงเหตุการณ์ทลายผับจินหลิง เมื่อคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ที่ ตร.นครบาลบุกจับผับจินหลิง ย่านยานนาวา ที่ภายในแบ่งเป็นห้องคาราโอเกะกว่า 20 ห้อง และพบนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก รวมทั้งพบยาเสพติดที่ให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ที่สำคัญเรื่องดังกล่าวไม่ใช่การจับสถานบริการธรรมดา เนื่องจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าพ่ออ่าง นักแฉคนดัง ก็ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าทั้งหมดมีขบวนการจีนสีเทาอยู่เบื้องหลัง เป็นแก๊งผับศูนย์เหรียญ ที่จ่ายค่าอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ไทยอย่างมือเติบ จนสามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่อยากทำ

นำมาซึ่งปฏิบัติการกวาดล้างทุนจีนสีเทา เครือข่ายตู้ห่าว ที่สืบสาวไปเรื่อยก็พบว่าเป็นผู้บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ แกนนำจัดตั้งรัฐบาล และลามไปถึงเครือข่ายอื่นๆ รวมทั้งการอายัดทรัพย์สินหลายพันล้าน สะท้อนให้เห็นว่าแก๊งจีนเทาพวกนี้มีอิทธิพลมากขนาดไหน

ด้านนายชูวิทย์ก็เปิดเผยเครือข่ายผับไดมอนด์ เคทีวีไว้ว่า เป็นเสมือนจีนเทาภาค 2 ที่เข้ามาทำร้ายสังคมไทย ผับดังกล่าวตกแต่งเหมือนกับจินหลิง โดยมีจีนเทาชื่อ “อาจ๋าย” มาเซ้งเมรี อาบอบนวด ที่กำลังร่วงโรย โดยมีชายเล็ก เอเย่นต์ส่งเด็กรายใหญ่เจ้าเก่าดั้งเดิมแถวย่านเพชรบุรี คอยแนะนำ เอามาปรับปรุงใหม่กลายเป็นไดมอนด์ เคทีวี ตกแต่งเหมือนจินหลิงทุกประการ โดยขาดไม่ได้คือยาเค ยาอี ยาไอซ์ แฮปปี้วอเตอร์ ไว้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีน

พร้อมตั้งคำถามถึง บช.น.ว่าเหตุใดปล่อยให้มีผับจินหลิงแล้ว ยังมีไดมอนด์ที่ถอดแบบกันมาเกิดขึ้นอีก หรือจะเป็นเรื่องส่วยที่ท้องที่รับทราบแต่นายเหนือไม่รู้เรื่อง

พร้อมแฉว่ามี “รอง ห.” รับเคลียร์เดินเรื่อง มี “บังมัด” ขาใหญ่คลองตันรับหน้าเสื่อ โดยสถานบริการใน กทม.มีส่วยบานตะไท เดือนละกว่า 100 ล้านบาท ถ้าใครเถียงว่าไม่มีจะจูงมือพาไปจิ้มให้ดูว่าที่ไหนมีบ้าง อย่างสุทธิสารนี่ระดับมิกซ์ยูส เอากันครบวงจร

เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่คงต้องเข้ามาสะสางต่อไป!!!