หลงทาง | เรื่องสั้น : ภาตา

เรื่องสั้น | ภาตา

หลงทาง

 

อีกไม่นานโชคจะแต่งงานกับญาณินหญิงคนรัก ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ต่างคณะ เพื่อนๆ บอกว่าเป็นเพราะพรหมลิขิตหรือบุพเพสันนิวาส แม้จะไม่ได้เรียนด้วยกัน เพียงแต่เดินผ่านไปมาเห็นหน้ากันไม่กี่ครั้งก็เกิดเป็นความประทับใจ โชคไปหาที่คณะของหญิงสาวเรียนอยู่ หมั่นเทียวไปหาเมื่อมีชั่วโมงว่าง พบปะพูดคุยจนคุ้นเคย ฝ่ายหญิงมองออกว่าโชคมีความพึงพอใจในตัวเธอ ตอนเที่ยงก็ชวนไปกินข้าวด้วยกัน มิตรภาพเริ่มต้นได้สวยงามจนก่อเกิดเป็นความรัก

เรียนจบโชคก็ตามไปเทียวรับเทียวส่งหญิงคนรักที่ทำงานสม่ำเสมอ ต่างไปมาหาสู่ที่บ้านของกันและกันอย่างตรงไปตรงมา ชายหนุ่มเข้าตามตรอกออกตามประตู ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง มิได้ขัดขวาง เข้าทำนองลูกๆ รักชอบพอกัน พ่อแม่ก็เห็นดีด้วย ทางบ้านของญาณินจะร่ำรวยมีฐานะดีกว่าโชค แต่โชคพยายามพิสูจน์ตัวเองให้ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงเห็นถึงความสามารถในงานอาชีพ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ให้พ่อแม่คนรักไว้วางใจ และเชื่อใจว่าเมื่อลูกสาวไปอยู่ด้วยจะไม่ไปอยู่อย่างยากลำบาก อดมื้อกินมื้อ ว่าที่พ่อตาแม่ยายเห็นว่าคนที่จะมาเป็นลูกเขยมีอนาคตสดใส จนไม่ห่วงลูกสาว พร้อมยกให้ด้วยความเต็มใจ

พิธีหมั้นเพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนที่แล้ว ต้นปีหน้าจะมีงานวิวาห์สมรส ตอนนี้ทั้งสองเข้าร้านเตรียมชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งไปถ่ายรูปในชุดต่างๆ สวยงามทั้งภายนอกและภายในตามสมัยนิยมที่สตูดิโอจัดเตรียมให้พร้อมเสร็จสรรพ ช่างสะดวกสบายเสียจริง เตรียมออกแบบการ์ดเชิญงานแต่งพร้อมของชำร่วย แล้วยังไปดูสถานที่จัดเลี้ยงและการตกแต่งประดับประดาพร้อมดอกไม้อีกสารพัดสารพัน

ช่างเป็นช่วงที่เหนื่อยกายแต่ไม่เหนื่อยใจ ด้วยต้องไปร้านลองเสื้อและเดินทางไปดูสถานที่ แต่ก็อยู่บนความสุขที่ทั้งคู่ต้องการและพึงพอใจ ทั้งปรารถนาให้วันนั้นมาถึงในเร็วไว ต่างจะได้อยู่ด้วยกันร่วมสร้างรังรักให้เป็นครอบครัวอบอุ่นอย่างพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย

นี่ก็เป็นช่วงปลายปี ขณะนี้และตอนนี้โชครู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกมากมายหลายหลากประเดประดังเข้ามาเหมือนน้ำป่าไหลทะลักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนเขานึกไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมหรือแต่ก่อนเก่า โชคพยายามสลัดความรู้สึกแปลกใหม่หรือแปลกแยกที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ให้หลุดไป แต่ก็ทำไม่ได้ เป็นความรู้สึกดื้อด้าน มันยังเกาะติดแน่นเหมือนปลิงที่ได้แหล่งเลือดอุดมสมบูรณ์

ซ้ำเกาะแน่นจนติดเข้าไปในใจ

 

โชคถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวของเขา เหมือนคนเดินหลงทาง แล้วพยายามเดินหาทางกลับบ้านหรือกลับไปยังเส้นทางของตัวเอง แต่ก็ทำไม่ได้เสียที แม้บางครั้งหาทางกลับบ้านได้แล้ว เขาก็ยังไม่แคล้วเดินกลับไปยังทางที่หลงไปด้วยไม่ได้ตั้งใจ โชคสาบานได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…ไม่ได้อยากให้เรื่องราวในคืนนั้นเกิดขึ้น แต่บางขณะกลับรู้สึกพอใจและมีความสุขกว่าเสียอีก

เขากำลังเป็นอะไรกันแน่ นึกด่าตัวเองที่ควบคุมใจไม่ได้

ตอนนี้ในใจของโชคแบ่งเป็นสองจิตสองใจ สองฝักสองฝ่าย จะเรียกว่าฝ่ายอธรรมกับฝ่ายธรรมะก็ย่อมได้ แต่ทางที่เขาหลงเดินผิดไปจะเป็นฝ่ายไหนดี คนอื่นต้องมองว่าเป็นฝ่ายอธรรมชั่วร้าย…เป็นพวกผีห่าซาตานอย่างแน่นอน

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อญาณินกับเขาเตรียมทุกอย่างสำหรับงานแต่งงานไปได้มากแล้ว วันหนึ่งที่บริษัทได้จัดสัมมนาที่เขาใหญ่ โชคต้องไปพักที่รีสอร์ตกับเพื่อนร่วมงานสองคืนสามวัน เจ้าของบริษัทจัดให้มีการประชุมมีกิจกรรมและงานเลี้ยงสังสรรค์เฮฮาร่วมกัน เพื่อให้พนักงานรู้จักกันมากขึ้น

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนและจุดหักเหที่เขาได้พบว่าตัวเองกำลังเดินหลงทาง

 

คืนแรกหลังอาหารค่ำทุกคนรู้สึกเหนื่อยจากการเดินทางในตอนเช้าและมีกิจกรรมตลอดบ่าย ตกเย็นหลังอิ่มจากมื้อค่ำก็ดื่มเหล้ากันสุดเหวี่ยง ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าแผนกหรือลูกน้อง บ้างก็จิบไวน์กันเต็มที่ โชคได้ห้องพักร่วมกับหัวหน้าอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันแต่ไม่สนิทสนม ไม่เคยกินข้าวด้วย ไม่เคยเที่ยวเตร่ตามประสาผู้ชายด้วยกัน ฝ่ายนั้นค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว ทำงานเก่ง แก้ปัญหาเยี่ยม รับผิดชอบในหน้าที่การงานดี จนเป็นที่ชมเชยและพึงพอใจของเจ้าของบริษัท โชคก็เป็นหัวหน้าอีกแผนก มีบ้างบางครั้งที่ต้องพูดคุยเรื่องงาน เจอกันก็เพียงทักทายยิ้มให้

คืนนั้นโชครู้สึกเหนื่อยล้าและมึนหัวจากเหล้าที่ดื่มเข้าไปมากเกิน หัวหมุนงุนงงเหมือนลูกข่างที่ขว้างไปบนพื้นแล้วหมุนติ้ว เพื่อนๆ และลูกน้องเดินมาชนแก้วชวนดื่มกันมากมายและหลายๆ รอบ จนหัวหนักอึ้ง ไหล่แทบจะแบกน้ำหนักไม่ไหว เขาไม่อยากปฏิเสธให้เพื่อนๆ และลูกน้องเสียความรู้สึก ปกติเขาก็ดื่มกับเพื่อนๆ ร่วมงานและมิตรสหายที่เคยเรียนด้วยกันอยู่บ้าง แต่ไม่มากเหมือนอย่างคืนนั้น พอหัวถึงหมอนก็หลับทันที ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานกี่มากน้อย แล้วให้รู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น คลับคล้ายเหมือนฝัน รู้สึกเหมือนมีคนมาป่วนเปี้ยนใกล้ตัว ลูบมือลูบแขน เลื้อยต่ำไปที่ขา ก่อนจะลูบไล้ตรงขาอ่อนเบาๆ เปลือกตาหนักจนลืมไม่ขึ้น เขาฝืนเบิกตาขึ้นเพียงอึดใจ

แสงสลัวรางจากห้องน้ำที่บานประตูปิดเกือบมิดลอดออกเพียงเล็กน้อย เห็นเงาของใครสักคนขยับตัวอยู่ตรงปลายเตียง

 

เช้าวันใหม่โชครู้สึกตัว ตายังปิดอยู่ หัวปวดตึบๆ เป็นเรื่องปกติเพราะดื่มหนักจากเมื่อคืน ขยับตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำเพราะต้องไปร่วมงานตามกำหนดการ พอถอดกางเกงในบ๊อกเซอร์ออกก็เห็นคราบอสุจิติดอยู่ ความแปลกใจทำให้นึกตั้งคำถามและไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ จะเป็นอาการฝันเปียกตามประสาเด็กหนุ่มที่เคยผ่านมาตอนรุ่นๆ หรือสมัยเรียนหนังสือ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตั้งแต่เรียนจบแล้วทำงานไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะเกิดอาการฝันเปียก เพราะโชคเคยเที่ยวเตร่เฮฮากับเพื่อนๆ ไปตามสถานบันเทิง เที่ยวอาบอบนวด นวดเฉพาะจุดตามแบบที่ผู้ชายทั่วไปเที่ยวกัน มีวิธีระบายและปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ เที่ยวเป็นครั้งคราวเมื่อธรรมชาติเรียกร้อง ไม่เคยคิดจะผูกมัดหรือแอบเลี้ยงดูส่งเสียสาวๆ อย่างเพื่อนบางคน โชคจะระมัดระวังถึงความสะอาดและความปลอดภัยอีกด้วย ขออย่าให้มีปัญหาเกิดขึ้นและจบในครั้งนั้น เขาไม่ต้องการสานสัมพันธ์จนกลายเป็นความผูกพัน หากเกิดติดใจในบริการก็หวนกลับไปซ้ำอีกสักสอง-สามครั้งไม่เกิน ยิ่งใกล้ช่วงแต่งงานกับญาณิน เพื่อนสนิทที่เที่ยวด้วยกันเป็นประจำมาชวนเขาไปอาบอบนวด

“อีกหน่อยแต่งงานแล้วจะออกจากบ้านไม่ง่ายนะ เที่ยวๆ ไปก่อน นึกว่าไปปล่อยหนุ่มให้สุดๆ ไปเลย” นั่นคือคำพูดที่มาชวน พอโชคปฏิเสธเพราะมีความรู้สึกไม่ดีนัก เพื่อนก็หยอกมาว่า

“จะเก็บความบริสุทธิ์ให้เจ้าสาวในคืนแต่งงานหรือไง”

โชคมีปฏิเสธไปบ้าง แต่เมื่อเพื่อนชวนบ่อยๆ ก็อดไม่ได้และต้องไปบ้างในบางครั้ง เขารู้ตัวว่าไม่ใช่ผู้ชายวิเศษหรือดีเลิศเพียบพร้อม ไม่ใช่พระเอกแสนดีอย่างในละคร เป็นผู้ชายธรรมดาเฉกเช่นทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขาตระหนักเสมอว่า คนเรามีหน้าที่และต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด หากวันหนึ่งเมื่อแต่งงานแล้ว เขาจะต้องเป็นสามีที่ดี รับผิดชอบภรรยาอย่างเต็มที่

เขาพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา มันเป็นภาพเลือนรางที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น กึ่งหลับกึ่งฝัน…เหมือนวันที่เขาไปใช้บริการนวดเฉพาะจุด หมอนวดสาวชโลมน้ำมันและใช้มือนวดให้เคลิบเคลิ้ม…และนวดด้วยปาก แล้วภูเขาไฟก็ระเบิดลาวาออกมา ช่างอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์คลับคล้ายคลับคลาเหมือนกันนัก

โชคนึกถึงเพื่อนร่วมห้อง ฝ่ายนั้นจะทำมิดีมิร้ายกับเขาหรืออย่างไร เพียงแค่คิดก็อดอมยิ้มไม่ได้กับความคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ บางครั้งอาจเกิดขึ้นและเป็นจริงก็ย่อมได้ สลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไป แต่ก็ยังมีบางสิ่งติดค้างอยู่ในใจ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ได้พักในห้องเดียวกัน

ไม่แน่…บางทีคืนนี้อาจได้พบคำตอบที่คาค้างอยู่ในใจก็ได้

 

ทุกคนร่วมกิจกรรมในห้องสัมมนาสนุกสนาน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะหล่นเกลื่อนกล่นไปทั่วทุกมุม เป็นช่วงเวลาสบายๆ ไม่ต้องเคร่งเครียด มีช่วงพักกินของว่าง ดื่มชาดื่มกาแฟ โชคเห็นเพื่อนร่วมห้องพักเดินเข้ามาทักทาย

“เมื่อคืนคุณเมามากจนไม่รู้สึกตัว”

ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ กับคำว่าไม่รู้สึกตัว โชคอยากถามทันทีว่าทำอะไรเขาหรือ ถึงได้รู้ว่าโชคนอนหลับเป็นตายหมดสภาพอย่างนั้น

“ครับ ไม่รู้ผมทำอะไรรบกวนคุณหรือเปล่า หรือนอนกรนจนคุณนอนไม่หลับ” โชคเอ่ยขึ้นอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะโต้ตอบอย่างไร

“ไม่ ไม่มีอะไรครับ” ฝ่ายนั้นยิ้มๆ ก่อนเดินจากไป

ระหว่างอาหารค่ำ โชคเลี่ยงที่จะดื่มเหล้าอย่างเมื่อคืน ดื่มแต่น้อย แม้ใครเดินเข้ามาชวนดื่ม เขาก็ยกแก้วขึ้นติดริมปาก ไม่ได้ดื่มมากมาย แต่ทำท่าทีว่าดื่มมาก มีอาการมึนเมา ดึกมากแล้วจึงขอตัวเข้าห้องนอน

ในห้องพัก… ไฟห้องน้ำเปิดสลัวเหมือนเมื่อคืน เพื่อนร่วมห้องนอนอยู่บนเตียงแล้ว โชคเข้าห้องน้ำพักใหญ่ๆ อาบน้ำก่อนขึ้นเตียงนอน เขารอคอยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ไม่มีเสียงอื่นใด นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศดังเบาๆ พร้อมส่งไอเย็นฉ่ำชวนให้อยากดิ่งจมในห้วงนิทรารมณ์ เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว มารู้ตัวเพราะมีมือมาป่วนเปี้ยนที่ต้นขาและตรงเป้ากางเกงใน คืนนี้โชคไม่ได้เมามายจนไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาหรี่ตาขึ้นมองในความมืด แม้จะมองไม่ชัด แต่ในห้องนั้นมีเพียงสองคน

โชคนึกไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ภายนอกเขาดูสุภาพ ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานทุกคน แต่งตัวดี ไม่เคยคิดว่าจะเป็นพวกรักร่วมเพศ ชอบผู้ชายเหมือนกัน เขาค่อนข้างเก็บตัว เลิกงานไม่เคยไปเที่ยวสุงสิงกับใคร ไม่เคยไปเที่ยวผู้หญิงกับเพื่อนๆ ตามประสาผู้ชายทั่วไป เขาไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวหรือพูดถึงครอบครัวให้ใครฟัง เพียงแต่มีคนบอกว่าเขาเป็นคนโสด ไม่มีท่าทางหรือกิริยาออกสาวเหมือนพวกที่ชอบไม้ป่าเดียวกัน คนบางคนช่างดูยากและมองไม่ออก โดยเฉพาะพวกแอบจิต แอบอยู่หลังหนวดเครา แอบอยู่ข้างหลังผู้หญิง จำต้องแต่งงานบังหน้า ไม่ได้เปิดเผยตัวในที่โล่งแจ้งอย่างพวกสว่างจิต

พวกแอบจิตน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เสียอีก

เพียงคิดโชคก็รู้แล้วว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาฝ่ายนั้นเป็นคนลักหลับเขา และทำให้เขาถึงจุดสุดยอดในขณะนอนหลับเมามายไร้สติและช่วยตัวเองไม่ได้ เขาควรจะลุกขึ้นมาโวยวายเอ็ดตะโรต่อว่า หรือขึ้นมาชกต่อยเตะอีกฝ่ายให้หายแค้น แต่ก็เป็นเพียงความคิดที่กำลังโลดแล่นหาที่สิ้นสุดไม่ได้ มันสับสนระคนปนเปความแปลกประหลาดใจมากมาย

ในขณะที่อีกฝ่ายนึกว่าโชคนอนหลับลึก คงนึกว่าคืนนี้เขาเมาไม่ได้สติและไม่รู้ตัว มือค่อยๆ ไต่ปลุกความเป็นชายของโชคจนแข็งตัวขึ้นมา เขายังแกล้งนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว อยากดูว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรต่อไป โชคเคยถูกชายชอบชายวิ่งตามในสมัยเรียน ถึงวันนี้บางครั้งก็รู้ว่ามีพวกเกย์แอบมองเขาอยู่ โชคเป็นหนุ่มหน้าตาตี๋ แต่ดูดี ไม่ได้หล่อจัด หุ่นผอมเพรียว มองดูแข็งแรง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้าน หลายครั้งที่เขาไปเที่ยวผู้หญิง พอเสร็จกิจสมอารมณ์ใคร่แล้ว สาวหลายนางยังไม่ยอมปล่อยให้เขากลับไปง่ายๆ ยังนอนซุกอยู่ในอกโชค กอดรัดอย่างพึงพอใจ…พลางออดอ้อนเหมือนเป็นคนรัก ยังดึงเขาให้อยู่ด้วยจนหมดรอบชั่วโมง อย่าว่าแต่ผู้ชายจะมองโชค ผู้หญิงใจกล้าบางคนยังเดินเข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์หน้าตาเฉย แต่โชคไม่เล่นด้วย เขาไม่ชอบผู้หญิงเที่ยวเก่งใจถึง กลัวจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง ขอเลือกซื้อบริการเป็นครั้งเป็นคราวดีกว่า

คนพักร่วมห้องใช้มือลูบไล้ความเป็นชายของโชคอย่างเบามือ เกรงว่าเขาจะตื่น ทั้งๆ ที่โชคแกล้งหลับ เขารู้สึกเพลิดเพลินไปกับมือของอีกฝ่าย นานแล้วที่ไม่ได้ช่วยตัวเอง นอกจากบางครั้งบางคราวที่เขาไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ จึงแวะไปเที่ยวแบบนวดเฉพาะจุด เพียงนอนเฉยๆ ปล่อยให้สาวสวยรุ่นๆ ใช้มือช่วยทำให้เคลิบเคลิ้ม…จนถึงจุดหมายปลายทางและเบาเนื้อเบาตัว บ่อยครั้งที่มีสาวนวดใจถึงพร้อมจะเสนอตัวบริการให้เต็มที่…อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่โชคปฏิเสธ เพราะต้องการเพียงผ่อนคลายสบายๆ ไม่ได้อยากมีกิจกรรมมากไปกว่านั้น

ครั้งนี้ต่างกันก็เพียงเป็นผู้ชาย เขาไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชายมาก่อน นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของโชค ไม่เคยแม้แต่จะคิด เคยมีเพื่อนเล่าให้ฟังว่าไปลองร่วมรักกับสาวประเภทสอง เขายังส่ายหัว จำได้ว่าตอนแตกเนื้อหนุ่ม เพื่อนๆชวนกันไปเที่ยวผู้หญิง พอผ่านครั้งแรกโชคติดอกติดใจ พอเก็บเงินได้ก็ชวนเพื่อนไปเที่ยวกันอีก ไม่เคยนึกมองผู้ชาย แม้กระทั่งสาวผ่าตัดแปลงเพศก็ไม่เคยอยู่ในความคิด

 

คนร่วมห้องลุกขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าข้าวของแต่เช้า พยายามไม่ส่งเสียงรบกวนโชคที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เขาหรี่ตามองอีกฝ่าย เมื่อเห็นฝ่ายนั้นพร้อมจะก้าวออกจากห้อง โชคพูดขึ้นทันที

“หวังว่าเราจะไม่ทำอะไรกันอย่างเมื่อคืนนี้อีก ขอให้ลืมและเงียบไปเลย” โชคพูดเสียงเข้ม น้ำเสียงมีแววไม่พอใจ พร้อมจะตัดความเป็นมิตรได้ทุกเมื่อ

โชคหลับตาลง บอกตัวเองให้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เสีย เขาทำอะไรผิดพลาดไปหรือไม่ ทำไมไม่ลุกขึ้นมาต่อยเตะหรือต่อต้านปกป้องตัวเอง กลับปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจและย่ามใจถึงอย่างนั้น

เมื่อกลับไปทำงานโชคได้เจอเขาในบริษัทตามปกติ เขาเป็นคนนิ่งมาก จะมีใครที่รู้ว่าในความนิ่งนั้น…ใจของเขาเป็นอย่างไร แม้ตัวโชคเองก็คิดไม่ถึง ไม่เคยคิดด้วยซ้ำไป และไม่อาจประเมินตัวเขาได้จากรูปลักษณ์ภายนอก จนได้ประสบในคืนนั้น เขาช่างเก็บซ่อนเนื้อในที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกนอกอย่างดีเยี่ยมและมีชั้นเชิง

ยามที่เดินสวนกัน เขามองและอมยิ้มให้

“ผมอยากคุยด้วย เจอกันตอนเลิกงานสะดวกกว่า” เขาบอกกับโชค

โชคไม่ได้ปฏิเสธ ในเมื่อเขาชวนมา อยากรู้นักว่าจะคุยเรื่องอะไร

เขาชวนโชคไปกินข้าวเย็น หาที่นั่งดื่มคุยกัน และชวนไปต่อที่คอนโดฯ ของเขา แล้วเรื่องที่เคยเกิดในคืนนั้นก็เกิดขึ้นอีก และกิจกรรมก็เกิดมากขึ้นกว่า ลึกล้ำกว่าเสียอีก โดยไม่มีการขัดขืนหรือปฏิเสธ โชคไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันถึงยอมไปกับเขาและมีกิจกรรมบนเตียงด้วยความสมยอม

จากวันนั้นโชคยังแวะเวียนไปที่คอนโดฯ เขาบ่อยขึ้น คงติดใจในเพศรสที่อีกฝ่ายปรนเปรอให้ มันเป็นรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม เขาสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร เป็นพวกรักร่วมเพศ เขาคิดว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่คิดไม่ตก ยังไปหาเขาหลังเลิกงาน และเริ่มห่างหญิงคนรัก

ความคิดสับสนราวผ้าผืนใหญ่ที่พับไปมาไม่รู้จบ โชคเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกตเลี้ยววกวนไปมาหาทางออกไปเจอ เขากำลังหลงทาง จะมีผู้ชายที่เป็นแบบโชคบ้างหรือไม่ ที่อยู่ๆ ได้พบประสบการณ์ที่ไม่ได้ตั้งใจผ่านเข้ามา แล้วต้องวนเวียนอย่างตัดใจไม่ได้

 

วันแต่งงานก็ใกล้เข้ามา หลังๆ นี้เขาไม่ตื่นเต้น…ไม่กระตือรือร้นจะเตรียมงาน หากแต่งงานไปแล้วใช้ชีวิตคู่กับญาณิน เขาจะย้อนกลับไปหาเพศเดียวกันอีกหรือไม่ โชคไม่แน่ใจและตัดสินใจไม่ได้ หากแอบไปมีความสัมพันธ์ซ่อนเร้นอย่างลับๆ มันก็ไม่ยุติธรรมกับผู้หญิง

เขาเคยเห็นผู้ชายที่ไม่ใช่ชายแท้ๆ บางอิริยาบถแฝงด้วยแววอ่อนช้อยอย่างหญิงก็ยังแต่งงานมีลูกมีเมียได้ มือไม้กรีดกรายอย่างกับนางรำในโรงละคร ยามพูดก็จีบปากจีบคอเกือบจะถึงใบหู เสียงอ่อนเสียงหวานอย่างกับเล่นลิเก มีคนนินทาเสียงซุบซิบในวงสังคมและสื่อออนไลน์อยู่บ่อยๆ บางคนถึงกับงงงวยและส่ายหน้าอยากร้องอุทานว่า “พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ไม่น่าเป็นไปได้” แต่ก็เกิดขึ้นและเป็นไปแล้ว เหมือนเพลง “โลกคือละคร” ที่ขึ้นต้นว่า “โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน เปรียบเหมือนละคร”

หากโชคจะทำอย่างนั้น เขาน่าจะทำได้…และทำได้ดีกว่าเสียด้วย เพราะไม่มีท่าทางกระเดียดออกสาว มาดเป็นผู้ชายหรือแมนเต็มร้อย เพียงแต่รสนิยมทางเพศปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง หญิงก็ได้…ชายก็ดี อย่างที่เรียกว่าปลาสองน้ำ

โชคไม่อยากหลอกลวงญาณิน หากจะหลอกก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความลับไม่มีในโลกนี้อย่างที่คนเราชอบพูดกัน เมื่อสักวันเธอรู้ความจริงขึ้นมาว่าโชคเป็นสามีของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เธออาจเกิดอาการช็อกและตกใจขึ้นมาได้

 

แล้วก็ถึงวันแต่งงาน ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น งานเลี้ยงปิดฉากลงอย่างสวยหรู เพื่อนๆ ทั้งสองฝ่ายร่วมแสดงความยินดี บางรายบ่นว่าอิจฉาบ่าวสาวที่เหมาะสมกันมากๆ

ถึงเวลาเข้าห้องหอ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอวยพรให้อยู่ด้วยกันและรักกันตลอดไป มีลูกๆ เป็นโซ่ทองคล้องใจ เมื่ออยู่กันตามลำพังตามประสาคู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามัน โชคไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น เพราะเขาเคยได้เสียกับญาณินมาก่อนแล้ว และมาห่างๆ กันในช่วงหลังที่ผ่านมา เพราะมัวแต่ไปหาผู้ชายอีกคนที่แปลกใหม่กว่าและฝ่ายนั้นปรนเปรอโชคได้อย่างถึงใจถึงอารมณ์

ขณะที่โชคและญาณินกำลังมีความสุขด้วยกัน…จูงมือเดินขึ้นสู่สวรรค์วิมาน ฝ่ายชายรู้สึกไปไม่ถึงดวงดาว เขาเพียรพยายามแต่ก็ไปไม่ถึง ยังเดินวนเวียนอยู่ตรงที่เก่า…จนรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่เหมือนที่เขาเคยพาฝ่ายหญิงถึงจุดหมายปลายทางด้วยกันทุกครั้งก่อนที่จะมีประสบการณ์ซ่อนเร้นในระยะหลังนี้

หนึ่งสัปดาห์ก่อนแต่งงงาน เพื่อนๆ พาโชคไปร่วมสังสรรค์สละโสด แล้วไปจบลงที่สถานบริการอาบอบนวด อาการที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับหมอนวดสาวสวยเหมือนในคืนนี้ไม่มีผิด ทั้งๆ ที่ฝ่ายสาวบริการเอาอกเอาใจอย่างถึงพริกถึงขิง เพื่อนแอบกระซิบให้คนเชียร์แขกเลือกหมอนวดฝีมือเต็งหนึ่งมาให้โชค เขาพยายามพาตัวเองวิ่งให้ถึงเส้นชัย แต่ก็ไม่สำเร็จ ยังวกวนอยู่ตรงที่เดิม ทำอย่างไรก็ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง จนเหงื่อไหลชุ่มไปทั้งตัว ฝ่ายซื้อบริการรู้สึกเกรงใจหมอนวดที่อดทนกับเขามานานจนเกือบหมดชั่วโมง ในที่สุดเขาตัดสินใจเอ่ยปากขอวิธีอื่น หมอนวดสาวไม่อิดออด…ยินยอมพร้อมใจให้สมกับงานบริการ แล้วโชคก็ถึงจุดหมายปลายทางอย่างสมอารมณ์ปรารถนา

เจ้าบ่าวตัดสินใจพลิกแพลงกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที ใช้น้ำลายแทนเจลหล่อลื่นและเปลี่ยนทิศทาง เจ้าสาวแปลกใจ…พยายามขัดขืน แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ แล้วเธอก็สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวด ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ…ไม่ได้ตั้งเนื้อตัวตัวมาก่อน และคิดไม่ถึงว่าโชคจะทำเช่นนี้กับเธอ

ฝ่ายรุกไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินหน้าเต็มที่เหมือนตอนขับรถเข้าเกียร์ห้า เหยียบคันเร่งพุ่งขึ้นหน้าทันทีอย่างไม่รอช้า เพียงอึดใจก็เข้าเส้นชัยด้วยความเหนื่อยเพลีย

ในขณะที่ญาณินเจ็บจนน้ำตาเล็ด รู้สึกงุนงงว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับสามีของเธอ มันไม่ใช่หนทางที่เคยร่วมทำด้วยกันมาก่อน เธอรู้สึกฉงนฉงายเต็มไปด้วยคำถามมากมายอยู่ในใจ โชคเปลี่ยนไปและไม่เหมือนเดิม ฝ่ายเจ้าสาวรู้สึกว่าเขาเหมือนคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก

หรือว่าโชคกำลังหลงทาง •