โล่เงิน : ปูดส่วย 100 ล้าน-ปมต่างด้าว “เด้ง-สอบ” ยกแผง ตร.ภูเก็ต สะท้อนรอยร้าวนายพล 2 ขั้ว

ชื่อ โจ้ สปอทไลท์ หรือ “ธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิศรี” คนดังฝั่งอันดามัน เจ้าของเพจ Spotlight phuket เขย่าเกาะภูเก็ตจนสั่นไหว และเขย่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจนสั่นสะเทือน

ข้อมูลของ “โจ้ สปอทไลท์” ออกมาแฉ กางแผนที่ ปักหมุด เปิดข้อมูล “ส่วย” ระบุผู้ประกอบการผู้ให้ แลกกับเรื่องสีเทาๆ มีตำรวจเป็นผู้รับ เหตุเกิดในหลายพื้นที่ ฉะมีถึงนายพลตำรวจเกี่ยวข้อง

ล่าสุด โจ้ สปอทไลท์ ไปร่วมอภิปรายที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แจกแจงปักหมุดพื้นที่จ่ายส่วย ตั้งแต่ภาคใต้ตอนบน เลียบอันดามัน ไล่ลงมาถึงภาคใต้ตอนล่าง และกล่าวหามีการซื้อขายเก้าอี้ผู้กำกับการหัวหน้าโรงพัก

ปูดปมซื้อขายเก้าอี้ในแวดวงสีกากีอีกรอบ และอีกรอบที่โฟกัสในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หากยังไม่ลืมกัน กรณีกล่าวหาซื้อขายเก้าอี้ในพื้นที่ ภ.8 เรื่องเก่าสมัย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยังไม่จบ เรื่องนี้ถูกกระทุ้งอีกครั้ง!?

การออกมาแฉปมฉาวของ “โจ้ สปอทไลท์” สั่นสะเทือนบารมีอันแข็งแกร่งของนายพลคนใหญ่พอสมควร ด้วยคอนเน็กชั่นสายสัมพันธ์สุดปึ้กราวกับห้อยพระรอด ไม่สามารถหักขาเก้าอี้นายพลใหญ่ลงได้ หากบริบทการเมืองยังไม่เปลี่ยน

แต่ทว่าปรากฏการณ์สปอทไลท์ ก็ทำให้นายพลดัง นั่งไม่ติด บรรดาลิ่วล้อต้องเข็นผลงานโชว์ และออกมาแก้ข่าวแทน

สปอทไลท์ เปิดโปงส่วย 100 ล้านภูเก็ตครั้งนี้ ในแวดวงสีกากีตั้งข้อสังเกต ทุบหม้อข้าวใครหรือไม่

เป็นการตั้งคำถามที่คงไม่มีใครกล้าตอบ หรือตอบได้เต็มปาก แต่ทว่าตามภูมิเศรษฐศาสตร์ฉบับสีกากี โรงพักในภูเก็ตคือทำเลทอง มีชื่อแปะตำแหน่งสำคัญในโรงพักได้ ต้องมีฝีมือบวกคอนเน็กชั่นไม่ธรรมดา ไล่เช็กชื่อ เช็กสายกันได้ไม่ยาก

ขณะที่อีกด้านปมสะท้าน ส่วย 100 ล้านภูเก็ต ทำให้ปรากฏรอยร้าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือไม่

เมื่อมีการร้องเรียนหลายช่องทาง ทั้งจเรตำรวจและสำนักนายกรัฐมนตรี “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการตรวจสอบ โดยมอบหมาย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อนนักสืบ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 เป็นประธานสอบ

“บิ๊กใหม่” พล.ต.อ.สุชาติ ออกมาระบุเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

“ได้เห็นแน่ งานนี้ได้เห็นกันแน่ เราต้องทำความจริงให้ปรากฏ หากมีหลักฐานตามกล่าวหา การตรวจสอบเรื่องรับส่วยไม่ใช่เรื่องยาก ต้องสืบสวนหาข้อมูล ก็เคยเห็นกันอยู่ อย่างไรก็ตาม เร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้แล้ว”

พร้อมระบุเดินหน้าตรวจสอบทุกปม ทั้งส่วยสีเทา และปมค้าเก้าอี้ที่มีนายพลถูกกกล่าวหา

1สัปดาห์ผ่านไป พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม รักษาราชการแทน ผบช.ภ.8 มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต อดีต ผกก.สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต หลายปี และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง รอง ผกก.สส.สภ.ป่าตอง ไปช่วยราชการที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธร ภาค 8

ต่อมาวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุชาติ มีคำสั่ง ศปก.ตร. ที่ 79/2560 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน ให้ตำรวจ 6 นาย ประกอบด้วย 1.พ.ต.ท.สุระศักดิ์ ใจดี สว.ตม.6 จว.ภูเก็ต 2.พ.ต.ท.เทียนชัย ชมภู สว.ตม.6 จว.ภูเก็ต 3.ร.ต.อ.นิมิต สุขประเสริฐ รอง สว. กก.สส.1 บก.สส.ภ.8 4.ร.ต.อ.อดุลย์ บุญราช รอง สว.ปป.สภ.ป่าตอง 5.ด.ต.พรประสิทธิ์ แว่นทอง ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.ป่าตอง 6.ด.ต.พงษ์เพชร จันทรัตน์ ผบ.หมู่ ฝ่ายอำนวยการ ตม.6 ช่วยราชการ ศปก.ตร.

จากนั้น วันที่ 17 พฤศจิกายน บิ๊กใหม่ ออกคำสั่งเด้งอีกระลอก คราวนี้ให้ พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช ผกก.สภ.ป่าตอง ภ.จว.ภูเก็ต และพวกอีก 3 ราย คือ ร.ต.อ.หญิง ศรีสุดา เมืองแก้ว รอง สว.กก.5 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) บช.ก. ด.ต.จักกรฐิพนธ์ นาคพงศ์ภัค ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม.

ด.ต.วรฉัตร ทัพพุน ผบ.หมู่ กก.งานจราจร สภ.ป่าตอง ภ.จว.ภูเก็ต ช่วยราชการ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม

พล.ต.อ.สุชาติ เผยว่า หลังจากเข้าไปตรวจสอบกรณีมีการร้องเรียนเรื่องส่วย 100 ล้านบาท ที่ จ.ภูเก็ต พบว่าข้อเท็จจริงมีมูล ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงผู้ที่เกี่ยวพันแล้ว มีข้อมูลหลักฐานคำให้การผู้ประกอบการ ภาพวงจรปิด การโอนเงินที่โยงใยไปถึงตำรวจที่ถูกกล่าวหา หลักฐานมากพอที่จะดำเนินคดีอาญาได้

จึงออกคำสั่งตามอำนาจหน้าที่ จตช. และ ผอ.ศปก.ตร. ให้ตำรวจที่เกี่ยวพันพ้นจากหน้าที่ ออกนอกพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้การสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการทั้งทางอาญาและวินัย

โดยออกคำสั่งให้ตำรวจ 10 นายพ้นจากตำแหน่งหน้าที่

ขณะที่ก่อนหน้านี้ทาง บช.ภ.8 ก็ออกคำสั่งให้ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต อดีต ผกก.สภ.ป่าตอง พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง รอง ผกก.สส.สภ.ป่าตอง ไปช่วยราชการที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 8 แล้วก่อนหน้านี้ เพื่อให้การสืบสวนเรื่องนี้ดำเนินการได้

อย่างไรก็ตาม ในต้นสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนเรื่องนี้ โดยจะชี้แจงและแจกแจงเอง

“ยืนยันว่าผมมีอำนาจหน้าที่ในการออกคำสั่งนี้ แต่หากผู้เกี่ยวข้องในคำสั่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้ไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้เลย อย่างไรก็ตาม มีความพยายามโยงใยว่าเป็นความขัดแย้งของนายตำรวจผู้ใหญ่กับตำรวจในพื้นที่ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน แต่เป็นการย้ายตำรวจที่ตรวจสอบพบว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ร้องเรียนและพบว่าพยานหลักฐานมีมูลที่ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป”

ขณะที่อีกด้านเกิดขึ้นแบบคู่ขนาน ในพื้นที่เกาะภูเก็ต เกิดขึ้นแบบคนละเรื่องเดียวกัน “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง ก็สั่งตรวจสอบการส่งมอบตัวต่างด้าวผิดกฎหมายของตำรวจภูเก็ต ที่พบว่าช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตำรวจ ภ.จว.ภูเก็ต ใน 10 โรงพัก ไม่ส่งตัวต่อให้ตรวจคนเข้าเมืองผลักดันออก พร้อมสั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตำรวจที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ ผกก. ลงมาถึง 68 นาย

บิ๊กปู ออกมาระบุว่า ที่ต้องตรวจสอบการส่งมอบต่างด้าวเพราะหวั่นมีนัยยะด้านความมั่นคง และกรณีนี้อาจพันส่วย 100 ล้าน ที่กำลังเป็นเรื่อง

เป็นการทำงานแบบคู่ขนานของ 2 นายพลใหญ่ ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบในแวดวงมีสี ว่าภายใต้คำสั่งเด้ง ตั้งกรรมการครั้งใหญ่ มีปมความขัดแย้ง ขบจนร้าวของคนใหญ่อยู่ในนั้น ข่าวลือ ข่าวปล่อยดิสเครดิตออกมาขยายความขัดแย้ง!!??

ขณะที่อีกด้านมีความพยายามดิสเครดิตผู้ร้อง เจ้าของเพจสปอทไลท์ภูเก็ต ส่วนหนึ่งมีการออกหมายจับในคดีหมิ่นประมาท ในท้องที่ ภ.จว.อุบลราชธานี

นี่คือกลยุทธ์!?

การออกมาแฉส่วย และปมซื้อเก้าอี้ของโจ้ครั้งนี้ ไม่อาจแจกแจงได้ว่ามีอุบายอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ หวังแต่ว่าการเดินหน้าตรวจสอบ สืบสวน ซักฟอก กำราบ ตำรวจนอกรีตกินส่วยเหล่านี้ รวมทั้งการจัดการหวดตำรวจที่ละเลยหน้าที่อันมีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ จะทำความจริงให้กระจ่าง กวาดขยะกองใหญ่ที่ทับไว้ใต้พรม ได้หรือไม่?!!

น่าจับตาอีกอย่างคือรอยร้าวของนายพล 2 ขั้วจะยิ่งขยาย หรือจะมีกาวใจผสานรอยร้าว!!