รวบตึง ‘ซีอาร์วี-สตาร์เกเซอร์-ดอลฟิน’ ‘3 แบบ-3 สไตล์’ ให้คนไทยเลือกช้อป

สันติ จิรพรพนิต

รวบตึง ‘ซีอาร์วี-สตาร์เกเซอร์-ดอลฟิน’ ‘3 แบบ-3 สไตล์’ ให้คนไทยเลือกช้อป

 

“ยานยนต์ สุดสัปดาห์” ฉบับนี้ยังอยู่ในบรรยากาศงานมอเตอร์โชว์ 2023 ที่จัดถึงวันที่ 2 เมษายน ที่เมืองทองธานี เนื่องจากมีรถใหม่ๆ อีกเพียบที่ยึดเวทีนี้อวดโฉม

ขอเริ่มจาก “ฮอนด้า” ที่ก่อนหน้านี้มีเอสยูวีรุ่นเล็กอย่าง “WR-V”

ในงานนี้เปิดตัวพี่ใหญ่ “CR-V” เจเนอเรชั่นที่ 6 โดยไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย มีทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง

รุ่นนี้มี 2 ขุมพลังให้เลือก เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า

และครั้งแรกกับระบบฟูลไฮบริด e:HEV เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV มี 3 โหมด ได้แก่

โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)

โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)

และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

พร้อมสวิตช์โหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode)

เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ฟังก์ชั่นการทำงานจัดเต็ม อาทิ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ฯลฯ

ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียม กระจังใหม่สีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

ครั้งแรกกับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน

ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED

เสาอากาศครีบ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี

ส่วนรุ่น RS เสริมเอกลักษณ์ด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black ล้ออัลลอย 19 นิ้ว

ชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง

ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ได้รับการติดตั้งในหลายตำแหน่งเป็นครั้งแรกในซีอาร์-วี

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display : HUD)

ตรงกลางหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto

ระบบเครื่องเสียง BOSE ลำโพง 12 ตำแหน่ง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

เบาะหลังปรับเปลี่ยนได้หล่ายรูปแบบตามเอกลักษณ์ของฮอนด้า

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ราคา 1,419,000-1,729,000 บาท

ถัดมาจากค่ายเกาหลี ที่หายเงียบไปพักใหญ่ คลาสนี้ขอกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าตลาดรถครอบครัว โดยส่งมินิเอ็มพีวี “สตาร์เกเซอร์” รถอเนกประสงค์ 6-7 ที่นั่ง เข้ามาทำตลาด แถมตั้งราคาได้น่าสนใจ เริ่มต้นเพียง 769,000 บาท

ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ความสบายไม่มีที่สิ้นสุด ภายนอกเน้นความหรูหรา มาพร้อมกับตัวถังที่แข็งแรงและปลอดภัย ด้วยมาตรฐานของเหล็กคุณภาพระดับโลก โดยรถรุ่นนี้ถูกประกอบในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้การควบคุมมาตรฐาน โดยฮุนได มอเตอร์ จากสาธารณรัฐเกาหลี

ห้องโดยสารกว้างขวาง เน้นความสุขร่วมกันภายในครอบครัว ดีไซน์กระจกขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกโปร่ง สบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น โต๊ะพับหลังพนักพิงด้านหน้า ถาดเก็บของแบบซ่อนที่คอนโซลหน้า และรุ่นท็อป (สมาร์ท 6) มาพร้อมกับเบาะที่นั่ง 6 ที่ โดยแถวที่ 2 มาในรูปแบบ Captain Seat ซึ่งเป็นเจ้าแรกของมินิเอ็มพีวีในประเทศไทย

เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ระบบเกียร์ IVT กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 144 นิวตัน-เมตร มีให้เลือกทั้งทั้ง eco mode และ sport mode

พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง อาทิ ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน, ระบบป้องกันการเปิดประตูสไลด์เมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง ที่ช่วยสนับสนุนผู้ขับขี่ได้ทุกเส้นทางไม่ว่าในเมือง หรือทางไกล

“ฮุนได สตาร์เกเซอร์” มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย และอีก 1 รุ่นพิเศษ

รุ่นเทรนด์ ราคา 769,000 บาท

สไตล์ ราคา 829,000 บาท

สมาร์ท 7 ราคา 869,000 บาท

สมาร์ท 6 ราคา 889,000 บาท

และรุ่นพิเศษ สมาร์ท 6 Black Roof ราคา 909,000 บาท

ปิดท้ายด้วยรถยนต์ไฟฟ้ารุนล่าสุดของ “บีวายดี” จากประเทศจีนในชื่อ “ดอลฟิน” (DOLPHIN EV) หรือเจ้าปลาโลมาน้อยนั่นเอง หวังต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นพี่อย่าง “ATTO 3”

ที่น่าสนใจนี่คือรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กพวงมาลัยขวา ที่ผลิตและจะจำหน่ายในเมืองไทยเป็นรถคันแรกของโลก

เพราะปกติที่จีนจะขับรถพวงมาลัยซ้ายนั่นเอง

ดอลฟิน เป็นเก๋ง 5 ประตู กระจังขนาดเล็กสีดำพร้อมสัญลักษณ์ BYD ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบ Follow Me Home และปรับไฟสูงอัตโนมัติ

ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED เป็นเส้นคาดกลางดูสวยมากขึ้น

เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 16 นิ้ว มีที่ปัดน้ำฝนด้านหลังให้ด้วย

ภายในสีทูโทนดำ-เบจ ตัดด้วยสีเงินในบางจุด พวงมาลัย 3 ก้านแบบไฟฟ้าพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น เรือนไมล์ขนาดเล็กแบบดิจิตอลขนาด 5 นิ้ว

จอกลาง 12.8 นิ้ว ปรับหมุนอัจฉริยะ ไม่ต่างจากรุ่นพี่ ATTO 3 รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รองรับ Apple CarPlay สั่งการด้วยเสียงเป็นภาษาไทย

เบาะนั่งแบบหนังสังเคราะห์ เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 มีที่เท้าแขนกลางให้ ขณะที่พื้นราบเรียบ

มีระบบ Keyless Entry และ Keyless Start มีคีย์การ์ดแบบพกพาแตะบริเวณกระจกมองข้างเพื่อเปิด-ล็อกประตูได้

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 70 กิโลวัตต์ หรือราวๆ 94 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตัน-เมตร

แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 44.9 กิโลวัตต์/ชั่วโมง

พิสัยทำการสูงสุด 410 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 12.3 วินาที

ระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)

ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนการชนด้านหลัง ฯลฯ

เปิดราคาในงานมอตอร์โชว์ที่ 799,999 บาท •

 

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]