เศษซาก กระบี่ แทงเข้า ที่ลำคอ ‘อีเข่า’ กระบี่ ‘อาฮุย’

บทความพิเศษ

 

เศษซาก กระบี่

แทงเข้า ที่ลำคอ ‘อีเข่า’

กระบี่ ‘อาฮุย’

 

“โกวเล้ง” บรรยายสถานการณ์หลังเสร็จกิจตามสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ออกมาอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา อีเข่ากำลังยืนสวมเสื้อผ้า ก้มลงมองลิ่มเซียนยี้ที่บนเตียง

ใบหน้านาง ปรากฏแววเย่อหยิ่งภาคภูมิของผู้พิชิต

อีกเนิ่นนานให้หลังลิ่มเซียนยี้แย้มยิ้ม แล้วกล่าว “ตอนนี้ท่านย่อมควรเข้าใจแล้วว่าข้าพเจ้ามีคุณค่าพอ”

“เราสมควรฆ่าท่านจริงๆ” เป็นคำของอีเข่า

เหตุผลของมัน หนักแน่น มั่นคงอย่างยิ่ง “ไม่เช่นนั้น มิทราบว่าจะมีผู้คนมาตายกับมือท่านอีกมากมายเพียงใด”

มันรู้เพราะ “คูต๊ก” ก็ตายเนื่องจากคบหากับ “นาง”

มันรู้แม้ว่าลิ่มเซียนยี้จะแย้มยิ้มพร้อมกับคำท้าทายในระดับ “ท่านตัดใจลงมือ” ได้ ความหมายหมายความว่าตัดใจลงมือกับ “นาง”

พลันที่คำถามจากอีเข่าดังขึ้น “บุรุษหนุ่มที่ร่วมทางมากับท่านเป็นใคร”

เครื่องจักรแห่งการทำงานของลิ่มเซียนยี้ก็เริ่มเดินด้วยความจัดเจนอันสูงยิ่งในเชิงกลยุทธ์

 

เริ่มจากประโยค “ท่านไฉนถามถึงมัน เป็นหึงหวงหรือหวาดกลัว” เมื่อประสบกับเสียงแค่นหัวร่อในเชิงปฏิเสธการตอบคำถาม

ลิ้มเซียนยี้กลอกตาหยาดเยิ้มแล้วกล่าว

“มันเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาท ไม่เลวร้ายเช่นท่าน ไปหาห้องพักที่ห่างไกล นอนหลับพักผ่อนตั้งแต่แรก หากแม้นมันอยู่ละแวกใกล้เคียง ได้ยินสุ้มเสียงในที่นี้ไหนเลยปล่อยให้ท่านข่มเหงข้าพเจ้าถึงเพียงนี้”

ทั้งเปิดเผย ทั้งยั่วยุไปในขณะเดียวกัน

“ท่านฆ่ามันไม่สำเร็จ มันมีฝีมือสูงเยี่ยม มิหนำซ้ำ ยังเป็นสหายของลี้ชิ้มฮัว ข้าพเจ้าก็ชมชอบมันยิ่ง”

อีเข่าหน้าแปรเปลี่ยนในบัดดล

ลิ้มเซียนยี้กลอกตากระหลบหนึ่ง กล่าวอย่างยิ้มแย้มอีกว่า “มันพักอยู่ที่ห้องริมสุดทางห้องพักแถวหน้า ท่านกล้าไปหามันหรือ”

ไม่ทันกล่าวจบ อีเข่าก็พุ่งตัวออกทางหน้าต่างไปแล้ว

 

ต้องยอมรับว่า “โกวเล้ง” ดำเนินแต่ละก้าวย่างไม่ว่าในด้านของลิ้มเซียนยี้ ไม่ว่าในด้านของอาฮุย เป็นไปอย่างเหี้ยมโหดไม่ปรานีปราศรัย

จงใจราด “เกลือ” ไปบน “แผล”

ในด้านของลิ้มเซียนยี้คล้อยหลังการพุ่งไปของอีเข่า “ระวังตัวไว้ หากคอหอยท่านถูกแทงซ้ำอีกกระบี่ก็ย่ำแย่แล้ว”

นางหัวร่อคิกคัก พลางมุดร่างเข้าไปในผ้าห่ม

เบิกบานใจราวกับเด็กน้อยที่ขโมยขนมรับประทานโดยไม่ถูกผู้ใหญ่พบเห็นผู้หนึ่ง เรื่องที่สร้างความเบิกบานใจยิ่งกว่าการพิชิตบุรุษผู้หนึ่ง คือ สามารถพิชิตบุรุษ 2 คนในค่ำคืนเดียวกัน จากนั้น ปล่อยให้พวกมันฆ่าฟันกันเอง

“ระหว่างพวกมันที่แท้ผู้ใดเข้มแข็งกว่า”

หากไม่จงใจกระทำมันจะยั่วยุอีเข่าหรือ มันจะเปิดเผยร่องรอยของอาฮุยถึงระดับ “มันพักอยู่ที่ห้องริมสุดทางห้องพักแถวหน้า” ออกมาหรือ

จากนั้น ก็หวนนึกถึงสภาพที่มืออสูรเขียวกระแทกศีรษะอาฮุยแหลกเละ ดวงตานางถึงกับเป็นประกาย พอนึกถึงเหตุการณ์ที่กระบี่ของอาฮุยแทงทะลุลำคออีเข่า นางก็ลิงโลดจนตลอดทั้งร่างสั่นระริก

นึกไป นึกไป นางกลับหลับใหลแล้ว แม้ยามหลับยังแย้มยิ้ม ยิ้มอย่างอ่อนหวานยิ่ง ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ใดฆ่าผู้ใดนางล้วนเบิกบานใจ

ค่ำคืนนี้นางมีความสุขอย่างที่สุด

 

ในด้านของอาฮุยเล่า บนที่นอนอันอ่อนนุ่มกลับพาลนอนไม่หลับ มันมิเคยนอนไม่หลับมาก่อน มิเคยทราบรสชาติของโรคนอนไม่หลับว่าจะน่าสะพรึงกลัวปานนี้

เพราะแม้นับว่านอนบนพื้นหิมะก็ยังหลับได้ง่ายดายยิ่ง

วันนี้แม้เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่พลิกไปพลิกมามักครุ่นคิดถึงเรื่องลิ่มเซียนยี้เสมอ เมื่อคิดหัวใจก็รู้สึกหวานดื่มด่ำ แต่ยังต้องก่นด่าตำหนิตัวเองคล้ายดั่งตัวเองก้าวร้าวล่วงเกินต่อนางยิ่ง

จึงสาบานว่านับแต่นี้จะต้องยิ่งเคารพนับถือนาง

เนื่องเพราะนางไม่เพียงสวยสะคราญเท่านั้น หากแต่ยังน่ารักอย่างยิ่ง มิเพียงน่ารักอย่างยิ่งเท่านั้น หากแต่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง

ทั้งสูงส่ง ทั้งสง่างาม มีโอกาสได้ดรุณีเยี่ยงนี้มาย่อมรู้สึกเป็นบุญวาสนา

มิทราบ เนิ่นนานปานใด ในที่สุด เริ่มเคลิ้มหลับไป แต่ทันใดนั้นมิทราบเป็นเพราะสาเหตุใดถึงกับกระโดดขึ้นจากเตียง

สัตว์ป่าส่วนมาก พอได้กลิ่นเภทภัยเป็นต้องตกใจตื่น

 

อาฮุยเพิ่งเสียบกระบี่กับสายรัดเอวหน้าต่างก็ถูกเปิดออก แลเห็นตาที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ กำลังถลึงจ้องดู

นอกหน้าต่างเป็นกำแพง

ระหว่างกำแพงกับหน้าต่าง มีที่ว่างกว้างเพียง 3 เชียะเศษเท่านั้น อาฮุยกับอีเข่าจึงยืนประจันหน้ากันอยู่ในที่นั้น

“เราต้องการฆ่าเจ้า” เป็นคำของอีเข่า

เหตุผลของมันรวบรัดอย่างยิ่ง “วันนี้เราไม่คิดจะฆ่าคน เพียงแต่ต้องการฆ่าเจ้าเท่านั้น เจ้าไม่สมควรร่วมทางกับลิ่มเซียนยี้เลย”

ดวงตาอาฮุยพลันมีประกายคมกล้าราวอาวุธ

แม้ในเบื้องต้นมันเปล่งคำ “วันนี้ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาฆ่าคน ท่านไปเถิด” แต่เมื่อได้ประจักษ์ในเหตุผล เสียงหนักๆ จึงดังขึ้น

“หากท่านเรียกนามนางอีกครั้ง เราจำต้องฆ่าท่านแล้ว”

อีเข่าหัวร่อคิกคักราวปักษา กล่าวสวนคำ “เราไม่เพียงเรียกนามนางเท่านั้น ยังจะหลับนอนกับนาง เจ้าสามารถทำอย่างไร”

สีหน้าอาฮุยแดงฉานด้วยเพลิงโทสะ

 

สํานวนแปล น.นพรัตน์ ถอดออกมาว่า อาฮุยความจริงเป็นบุคคลที่เยือกเย็นยิ่ง ไม่เคยเดือดดาลถึงเพียงนี้มาก่อน

มือของอาฮุยสั่นระริกเพราะความโกรธแค้น

มือที่สั่นระริกข้างหนึ่งไม่อาจถือกระบี่มั่น แต่อาฮุยกลับลืมเลือน เพลิงโทสะเผาทำลายสติสัมปชัญญะของมัน

ยามพิโรธเดือดดาล พลันกระบี่กรีดจู่โจมออก

มืออสูรเขียวก็สะบัดกวัดแกว่งเข้าปะทะ ได้ยินเสียงติงคราหนึ่ง กระบี่หักสะบั้นเป็น 2 ท่อน

ในเสียงหัวร่ออย่างคลุ้มคลั่ง มืออสูรเขียวจู่โจมออก 10 กว่ากระบวนท่า

อาวุธชนิดนี้มีอานุภาพสุดคาดคิดจริงๆ ดูไปเทอะทะยิ่ง แท้ที่จริง เต็มไปด้วยความคล่องแคล่ว

กระบวนท่าที่ใช้ยิ่งประหลาดพิสดารล้ำ

อาฮุยแทบไม่สามารถปิดป้องต้านรับ ในมือหลงเหลือกระบี่หักความยาว 4 นิ้วอยู่ท่อนหนึ่ง

ได้แต่ใช้ท่าเท้าที่พลิกแพลง เปลี่ยนแปร หลบหลีกด้วยความทุลักทุเล

 

อาฮุยขบกรามกรอด บนจมูกปรากฏหยาดเหงื่อไหลซึมออกมา ยิ่งเมื่อได้ยิน “เราถามท่าน ลิ้มเซียนยี้ใช่หลับนอนกับผู้คนอยู่เสมอหรือไม่

นางหลับนอนกับท่านมาหรือไม่”

อาฮุยคำรามก้อง โถมแทงกระบี่หักในมือออก เสียงติงดังขึ้นอีกครา แม้แต่กระบี่ครึ่งท่อนที่เหลืออยู่ก็ถูกมืออสูรเขียวกระแทกกระเด็น อาฮุยก็ถูกกระแทก เซถลาล้มลง

มืออสูรเขียวของอีเข่าจู่โจมลงดุจสายฟ้า อาฮุยกระทั่งโอกาสลุกขึ้นยืนก็ยังไม่มี ได้แต่กลิ้งตัวไปตามพื้น หลบเลี่ยงหลายกระบวนท่า แรงกดดันของมืออสูรเขียวหนักหน่วงเกินไป น่ากลัวเกินไป

อีเข่าแสยะยิ้ม พลางกล่าว “บอกมา ตอบคำถามของเรามา เราจะละเว้นชีวิตท่าน”

“ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าบอก” เป็นคำจากปากอาฮุย อีเข่าเพิ่งส่งเสียงหัวร่อดังๆ ลงมือเชื่องช้าเล็กน้อย

พลันปรากฏประกายกระบี่วูบขึ้นแวบหนึ่ง

สำนวน ว. ณ เมืองลุง ระบุว่าชั่วชีวิตอีเข่ายังไม่เคยเห็นกระบี่ที่มีความรวดเร็วถึงปานนี้เลย รอจนมันเห็นประกายกระบี่กระบี่ก็ได้แทงเข้าใส่คอหอยของมันแล้ว

ในลำคอมันมีเสียงคักๆ ใบหน้าปรากฏแววแตกตื่น ขวัญเสีย คลางแคลงสงสัย

ก่อนจะตายมันยังมิทราบ กระบี่นี้มาจากที่ใดกัน มันตายก็มิยอมเชื่อ บุรุษหนุ่มสามารถแทงกระบี่ที่มีความรวดเร็วปานนี้ได้

 

อาฮุยใช้ 2 นิ้วคีบท่อนปลายของกระบี่ที่ถูกกระแทกหักเมื่อครู่ ดึงปลายกระบี่ออกจากคอหอยอีเข่ามาทีละน้อย

กล้ามเนื้อทุกส่วนสัดบนใบหน้าอีเข่ากระตุกจนบิดเบี้ยว

ดวงตาของอาฮุยยะเยียบ เย็นชา ถลึงจ้องพลางเน้นทีละคำ “ผู้ใดหยามประณามนาง ผู้นั้นตาย”

ในลำคออีเข่ายังมีเสียงคิกคัก มันคิดจะหัวร่อและยังคิดจะกล่าววาจา