ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 ธันวาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
• เสียงเรียกร้อง – ถึงรัฐสภาไทย
เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2565 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
กลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (ASEAN Parliamentarians for Human Rights: APHR) โดยมีกษิต ภิรมย์ หนึ่งในคณะกรรมการของ APHR และชลิดา ทาเจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศักยภาพชุมชน (People’s Empowerment Foundation : PEF) เป็นตัวแทนแถลงชี้แจงสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นภายในเมียนมา โดยนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564
สถานการณ์ในเมียนมายังคงถดถอยอย่างต่อเนื่อง
เผด็จการทหารนำโดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย ได้ทำสงครามกับประชาชนอย่างป่าเถื่อน และทำลายเศรษฐกิจของประเทศ กองทัพเมียนมาได้สังหารประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 2,371 ราย
มีผู้พลัดถิ่นหลายแสนคน
จำคุกนักโทษการเมืองไม่ต่ำกว่า 15,000 คน และทำทารุณกรรมผู้ถูกจับกุมเหล่านั้นกลายเป็นกิจวัตร
รวมถึงการปราบปรามสื่ออิสระและประชาสังคมอย่างรุนแรง
แม้อาเซียนจะพยายามแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ในเมียนมา เช่น การออกฉันทามติ 5 ข้อ (Five-Point Consensus) เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว
รวมทั้งการแต่งตั้งทูตพิเศษเกี่ยวกับกิจการของเมียนมา
ทว่า จากรายงานการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการการไต่สวนของรัฐสภาระหว่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ในเมียนมา (International Parliamentary Inquiry : IPI)
พบว่าการแก้ปัญหาวิกฤตเมียนมายังไม่มีความคืบหน้า
จัดได้ว่าประสบความล้มเหลว
ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของนานาชาติยังเข้าไม่ถึงคนตัวเล็กตัวน้อยในเมียนมา
ยังจำกัดอยู่ในตัวเมืองบางเมืองที่อยู่ภายใต้อาณัติของฝ่ายทหาร
การช่วยเหลือยังไม่ถึงมือประชาชนส่วนใหญ่ และมีจำนวนมากที่อพยพหนีตายมาอยู่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา
ปัญหาอีกประเด็นหนึ่งคือบทบาทหน้าที่ของทูตพิเศษมีความจำกัดและไม่ชัดเจน และเป็นตำแหน่งชั่วคราว และไม่มีความต่อเนื่องในการทำภารกิจ
ในการนี้จึงเห็นว่าฝ่ายอาเซียนควรแต่งตั้งบุคลากรเข้าร่วมในงานของทูตพิเศษเพิ่มเติม
รวมทั้งการจัดตั้งองค์กรที่จะรองรับงานและขยายบทบาทได้มากยิ่งขึ้น และมีสถานะเป็นงานประจำ
ในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทยนั้น ที่ผ่านมาเราเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไทยยังคงเลือกยืนอยู่ข้างรัฐบาลทหารเมียนมา และเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชนเมียนมา
นโยบายของรัฐบาลไทยยังไม่เปิดให้มีการรับเข้ามาของผู้ลี้ภัยใหม่ และยังไม่เคยติดต่อพูดคุยกับฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้านฝ่ายทหารเมียนมา
ในขณะเดียวกันก็มีข้อสังเกตว่า บทบาทสมาชิกรัฐสภาไทยในเรื่องเมียนมานี้ยังมีความจำกัดอยู่
สมควรที่จะมีการทบทวนท่าที และดำเนินการบทบาทในเชิงรุก เพื่อช่วยร่วมแก้ปัญหาวิกฤตเมียนมา
สมาชิกรัฐสภาชุดปัจจุบันควรเรียกร้องให้รัฐบาลไทยมีบทบาทในเชิงสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาชายแดน และการนำสันติภาพและประชาธิปไตยกลับสู่เมียนมา
กลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน
(ASEAN Parliamentarians for Human Rights : APHR)
เสียงเรียกร้องให้รัฐสภาไทย
มีบทบาทต่อปัญหาเมียนมา
คงเหมือนโยนหินลงบ่อ
นั่นคือ…(หาย) ต๋อม
ยิ่งตอนนี้ใกล้ยุบสภา
หลายๆ คนในสภาคงไม่มีสมาธิให้เรื่องอื่น
นอกจากดิ้นรนเพื่อที่จะกลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง
• เสียงเรียกร้อง – จากไม่เอ็นจีโอถึงเอ็นจีโอ
คืออย่างนี้นะ “ไอ้ตือ”…
ไม่รู้ว่าอธิบายอย่างไรให้ “ไอ้ตือ” เข้าใจ การประชุมและการรวมกลุ่มระดับนานาชาติอย่าง APEC, RCEP และ CPTPP หรือแม้แต่ ASEAN นั้น ส่วนใหญ่ข้อตกลงหรือข้อผูกมัดทางด้านเศรษฐกิจมันไม่ได้จะเกิดขึ้นแบบปุบปับหลังการประชุม บางทีใช้เวลาคุยเป็นกว่า 10-15 ปี กว่าจะตกลงกันได้
ดังนั้น การมาประชุมแต่ละครั้ง ข้อดีของมันคือการได้พูดคุย แลกเปลี่ยน และ “ผลักดัน” ให้สิ่งที่ไม่มีอยู่บนโต๊ะสามารถขึ้นมาอยู่บนโต๊ะได้
เช่นเดียวกัน หากเชื่อว่าเวที APEC นี้ไม่มีเสียงของประชาชนเล็ดรอดเข้าไปได้ สิ่งที่ NGO หรือคนแบบ “ไอ้ตือ” พึงกระทำ ไม่ใช่การออกมาต่อต้าน ขัดขวาง ดิสเครดิต หรือ “ด้อยค่า” (ในภาษาของสลิ่ม) APEC ไปเสียทีเดียว
แต่ควรไปเรียกร้องเอากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันประเด็นที่ต้องการให้ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะได้ ไม่ว่าจะกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม หรือหากนึกอะไรไม่ออกก็ให้ไปคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ (กระทรวงนี้เป็นมิตรและ “พร้อมคุย” กับประชาชนมากที่สุดแล้ว)
สำหรับวิธีที่สร้างสรรค์นั้นมีหลากหลาย
เช่น การยื่นหนังสือร้องเรียน นำงานวิจัยที่ “ไอ้ตือ” คิดว่าน่าสนใจ มาจัดเวทีเสวนาสาธารณะ ไปจนถึงการรวมกลุ่มกันกดดันผ่านกลไกรัฐสภา หรือพรรคการเมืองที่ตนเองไว้วางใจให้ไปเดินเรื่องต่อในรัฐสภา
ขอร้องอย่างเดียว อย่าพยายามไปปล่อยข่าวลือมั่วๆ แบบเมื่อตอน CPTPP แบบนั้นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และรังแต่จะเสียโอกาส แถมยังสร้างความแตกตื่นต่อประชาชนโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
“ไอ้แก๊ป”
ว่าจะจบวิวาทะเรื่องเอเปค ระหว่าง
ปีกเอ็นจีโอ และปีกไม่เอ็นจีโอ แล้ว
แต่ข้อเสนอของไอ้แก๊ป ฝ่าย “ไม่” (เอา) เอ็นจีโอ
ที่เสนอต่อไอ้ตือ ฝ่ายเอ็นจีโอ
โดยให้ใช้วิธีสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อน
ซึ่งน่าสนใจ
น่าสนใจพอๆ กับเมื่อเสนอไปอย่างสร้างสรรค์แล้ว
คาดหวังว่าจะมีการตอบสนองกลับคืนด้วย
ไม่ใช่หายต๋อม!?! •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022