“แลนด์สไลด์” เพื่อล้างบางระบอบประยุทธ์ทั้งประเทศ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ไม่มีปัญหามานานแล้วว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะจบด้วยชัยชนะของพรรคเพื่อไทยอย่างที่เป็นมา 20 ปี และทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญยืนยันให้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นแบบหาร 100 โอกาสที่เพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งปี 2566 ก็ยิ่งหนักแน่นจนไม่มีทางที่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหนีความพ่ายแพ้ได้เลย

ด้วยระบบเลือกตั้งที่เป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่ในสภา พรรคเพื่อไทยจะไม่เจอปัญหาไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และด้วยจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ลดจาก 150 เหลือ 100 ขณะที่ ส.ส.เขตเพิ่มจาก 350 เป็น 400 ทำให้ชัยชนะในเขตเลือกตั้งเป็นปัจจัยสำคัญในการตั้งรัฐบาล

ทั้งสูตรเลือกตั้งและกระแสเพื่อไทยที่พุ่งแรง ผลเลือกตั้งปี 2566 จะจบด้วยเพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์แน่ๆ

จนคำถามทางการเมืองเหลือแค่เพื่อไทยจะชนะระดับ 200 อย่างที่ฝั่งรัฐบาลประเมิน หรือจะชนะระดับ 250++ หรือจะมากกว่า 300 อย่างที่ไทยรักไทยเคยได้หลังมีการรวมพรรคการเมือง

เส้นทางสู่อำนาจรัฐของพรรคเพื่อไทยราบรื่นเหมือนรถสปอร์ตวิ่งด้วยความเร็วระดับจรวดทางเรียบสู่การตั้งรัฐบาล อุปสรรคที่พอมีบ้างก็ได้แก่ การจัดเขตเลือกตั้ง, การดำเนินคดีคุณทักษิณ ชินวัตร และคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณี “จำนำข้าวภาค 2” และการหาเรื่องยุบพรรค ซึ่งปี 2562 ก็สกัดเพื่อไทยไม่ได้อยู่ดี

ภายใต้ระบบเลือกตั้งที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลงจาก 150 เหลือ 100 คน การแข่งขันด้านนโยบายเพื่อชนะใจประชาชนทั้งประเทศย่อมคลายความสำคัญเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2562 และไม่สำคัญเท่าชัยชนะในการเลือกตั้ง ส.ส.ระดับเขตที่กลายเป็นหัวใจของการได้อำนาจรัฐและจัดตั้งรัฐบาล

ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคการเมืองใหญ่จะแย่งชิง ส.ส.หรือผู้สมัครที่มีศักยภาพชนะเลือกตั้งอย่างที่สุด

การดูด ส.ส.เพื่อชิงอำนาจรัฐจะเป็นไปอย่างเข้มข้น และนั่นหมายถึงการใช้เงิน, การล็อบบี้หัวคะแนน และการเจรจากับกลุ่มก๊วนการเมืองต่างๆ เพื่อรวบรวม ส.ส.ก็จะเข้มข้นขึ้นด้วยเช่นกัน

เรากำลังเข้าสู่การเลือกตั้งที่ ส.ส.จะปั่นค่าตัวจนเงินสีเทาและธุรกิจสีเทามีอิทธิพลเหนือพรรคการเมืองมากขึ้นแน่ๆ เพราะไม่มีทางที่ใครจะใช้เงินตัวเองในการเลือกตั้งเขตละ 25-50 ล้าน หากไม่ได้เงินจากพรรคหรือกลุ่มก๊วนซึ่งแหล่งเงินเดียวคือเงินบ่อน, เงินยาเสพติด และเงินนอกกฎหมายอื่นๆ

คำถาม อะไรคือทางเลือกของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ต้องการสร้างประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ใช่ใช้ประชาธิปไตยเป็นแค่ข้ออ้างในการได้เป็นรัฐบาล

ตอบแบบสั้นที่สุด คำตอบของเรื่องนี้อยู่ที่การทำความเข้าใจว่าความรู้สึกของประชาชนในเวลานี้คืออะไร และประชาชนคาดหวังจากผู้มีอำนาจ, ส.ส., นักการเมือง และรัฐบาลแบบไหน

ความขัดแย้งระหว่างคุณประยุทธ์กับคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นข่าวใหญ่ที่คนทั้งประเทศเบื่อหน่าย-เอือมระอา

ถึงแม้ความขัดแย้งนี้จะจบด้วยการตั้งพรรคใหม่ของคุณประยุทธ์จริงๆ อย่างที่ผมเคยเขียนและพูดไว้นานแล้ว แต่คนค่อนประเทศก็ไม่สนใจเรื่องนี้เมื่อเทียบกับข่าวคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หรือแม้แต่ดีลบอลโลก

ในสังคมที่อำนาจรัฐรวมศูนย์ที่ทหารแก่และเครือข่ายชนชั้นนำ ความแตกแยกระหว่างสองนายพลซึ่งเป็นเสาหลักของระบอบแย่ๆ คือจุดเปลี่ยนที่อาจทำให้การเมืองถึงขั้นล้มกระดาน

แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่าความขัดแย้งนี้มาจากการแบ่งอำนาจไม่ลงตัว สองคนนี้จะงัดกันอย่างไรจึงไม่มีใครสนใจเลย

แม้จะรู้กันว่าพรรคใหญ่บางพรรคต่อสายกับคุณประวิตรเพื่อดึง ส.ว.และ ส.ส.พลังประชารัฐมาหนุนตัวเองเป็นรัฐบาล

แต่การเดินเกมล้มประยุทธ์ด้วยวิธีเจรจาให้ประวิตรย้ายค่ายกลับมีคนขานรับต่ำมาก

ต่อให้จะมีสื่อและนักวิชาการรับงานรีแบรนด์คุณประวิตรเป็นลุงแก่ๆ ที่น่ารักก็ไม่มีผลอะไร

ในโลกของนักการเมืองที่หื่นเป็นรัฐบาล การได้คุณประวิตรเป็นพวกคือหลักประกันในการมีอำนาจโดยทำให้คุณประยุทธ์มีโอกาสเป็นนายกฯ ลดลง แต่ในโลกของประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศจริงๆ การชูประวิตรเพื่อโค่นประยุทธ์คือการกระสันอำนาจที่เอาประชาชนเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง

โชคดีของการทำรายการทีวีที่มีคนดูแต่ละวันมากพอสมควรคือการสื่อสารกับผู้คนมากหน้าหลายตา และโชคดีของการลงพื้นที่เช้าจรดค่ำคือการได้ฟังความเห็นคนทั่วไปต่อเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการได้รู้สึกว่าชาวบ้านรู้สึกอย่างไรนอกจากคำพูดที่เปล่งเวลาเจอนักการเมืองหาเสียงแบบมาไวไปไว

ในโลกของประชาชนที่ไม่ได้เป็นแค่บันไดให้นักการเมืองเป็นรัฐบาล คุณประวิตรคือพวกเดียวกับคุณประยุทธ์และคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา จนน่าขยะแขยงหมด นักการเมืองที่ชาวบ้านนับถือจึงได้แก่นักการเมืองที่กล้าตรวจสอบคนเหล่านี้

ไม่ใช่นักการเมืองที่ด่าประยุทธ์เพราะหวังดึงคนที่เหลือมาเป็นพวกตัวเอง

3ป

แปดปีเศษของระบอบประยุทธ์ทำให้ประเทศไทยถดถอยจนคนทั้งประเทศจนลง ความอยู่ดีกินดีจึงเป็นวาระใหญ่ของคนไทยในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัวอสังหาริมทรัพย์, ชาวบ้านอำเภอปัว, คนทำท่องเที่ยวที่น่าน, ประมงรายย่อยท่าศาลา, ชาวนาเชียงใหม่ หรือกรรมกรโรงงานพระประแดง

เห็นได้ชัดว่ามีหลายพรรคการเมืองที่ชูนโยบายอยู่ดีกินดีเพื่อหาโอกาสเป็นรัฐบาล และเห็นชัดด้วยว่ามีหลายพรรคพูดเรื่องนี้พร้อมกับพยายามดึงคุณประวิตรเป็นพวกเพื่อไล่คุณประยุทธ์

แต่ทั้งหมดนี้เข้าใจผิดว่าคนไทยต้องการแค่ไล่ประยุทธ์จนรับได้กับการเก็บคุณประวิตรไว้ร่วมตั้งรัฐบาล

แก๊งเชียร์ในคราบสื่อและนักวิชาการมักพูดถึง “Real Politics” โดยอ้างว่า “การเมืองของจริง” หมายถึงการกวาดต้อน ส.ส.และ ส.ว.เพื่อตั้งรัฐบาล คนที่เลียจนลิ้นไม่เหลือปุ่มรับรสบางคนถึงขั้นบอกว่าชาวบ้านขอแค่อยู่ดีกินดี ส่วนใครจะดึงใครร่วมรัฐบาลก็ไม่เป็นไร แค่ไม่ให้มีประยุทธ์ก็พอ

อย่างไรก็ดี นักการเมืองที่พูดแบบนี้มากที่สุดคนหนึ่งคือคุณประยุทธ์ และแปดปีของคุณประยุทธ์คือแปดปีที่รัฐทำเหมือนประชาชนคือสิ่งมีชีวิตที่ให้ข้าวให้น้ำก็จบ แต่ความขยะแขยงที่คนไทยมีต่อคุณประยุทธ์และพวกคือบทพิสูจน์แล้วว่าประชาชนไม่ต้องการแค่ข้าวปลาอาหารอย่างที่คนพวกนี้เข้าใจ

สำหรับคนที่คิดเรื่อง Real Politics หรือ “การเมืองของจริง” แบบที่ไม่ได้ใช้เป็นข้ออ้างเลียนายคนหนึ่งคนใด การเมืองที่เกิดขึ้นจริงๆ ในการเลือกตั้งปี 2562 คือการพาเหรดเข้าสภาของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เกือบร้อยที่ทั้งพรรคเป็นคนใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย

ในสังคมที่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วมี ส.ส.หน้าใหม่เกือบ 100 โดยไม่เคยมีอำนาจ, ไม่เคยใส่ซอง และไม่เคยมีโอกาสใช้เงินภาษีประชาชน “การเมืองของจริง” ในปี 2562 คือบทพิสูจน์ว่าคนไทยต้องการรัฐบาลนับถือได้

และไม่ได้คาดหวังจากรัฐแค่ให้ข้าวให้น้ำจนยอมให้ไอ้บ้าที่ไหนก็ได้เป็นรัฐบาล

ผมยังไม่มีโอกาสคิดอย่างถี่ถ้วนว่าคุณสมบัติของรัฐบาลที่นับถือได้คืออะไร แต่ถ้าถามถึงคุณสมบัติของรัฐบาลและนักการเมืองที่ไม่น่านับถือ คำตอบคือทุกสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำแทบทั้งหมด ดังนั้น รัฐบาลที่น่านับถือก็หมายถึงรัฐบาลที่แตกต่างจาก “ระบอบประยุทธ์” อย่างสิ้นเชิง

ยิ่งประเทศเดินหน้าสู่การเลือกตั้งที่คงเกิดราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ความแตกแยกและการแย่งอำนาจระหว่างสองนายพลก็ยิ่งรุนแรง จนเป็นไปได้ที่จะเป็นตัวกระตุ้นความเปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่คำถามคือแล้วอะไรคือสิ่งที่พรรคการเมืองทุกฝ่ายควรทำมากกว่าเดินเกมเชียร์ป้อมเพื่อตั้งรัฐบาล

ความไม่พอใจของคนไทยต่อระบอบประยุทธ์ผสมผสานกันระหว่างความเป็นเผด็จการ และความพินาศทางเศรษฐกิจ แต่แปดปีเศษที่คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ นานพอจะทำให้คน “ตาสว่าง” ว่าทางออกไม่ใช่ไล่คุณประยุทธ์แล้วจบ

หากคือการเปลี่ยนประเทศให้พ้นจากเครือข่ายคุณประยุทธ์จริงๆ

ตรงข้ามกับพรรคการเมืองกลุ่มที่หมกมุ่นกับการเชียร์ประวิตร-ไล่ประยุทธ์ แปดปีของคุณประยุทธ์ทำให้คนไทยพูดถึงปัญหาที่ไม่มีคนพูดก่อนปี 2557 อย่างทุนผูกขาด-อิทธิพลเจ้าสัว-รัฐมนตรีค้ายา-ทุนจีนสีเทา-ธุรกิจทหาร ฯลฯ ซึ่งกลายเป็นความคาดหวังใหม่ว่าพรรคและนักการเมืองต้องพูดในปัจจุบัน

สำหรับนักการเมืองที่ต้องการชนะเลือกตั้งปี 2566 เพราะต้องการทำเพื่อประชาชนจริงๆ ทางออกเดียวในการสู้ศึกเลือกตั้งคือการต่อสู้เพื่อประชาชนตามที่ประชาชนคาดหวังให้มากที่สุด

เพราะมีแต่เส้นทางนี้ที่จะเอาชนะเงินทุนสีเทาที่จะเป็นปัจจัยหลักในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างรุนแรง