เทือกเขาแห่งความวิปลาส : At the Mountains of Madness (เล่ม 2)

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

ดายเยอร์และดานสฟอร์ธตัดสินใจบินเข้าหาเทือกเขาแห่งความวิปลาส ที่พวกเขาเคยเห็นเงาสะท้อนลวงตาเป็นเมืองลอยฟ้าในสภาพกลับหัวเมื่อตอนแรกนั้นมิใช่ภาพลวงตา แต่มีเมืองนั้นอยู่จริง เป็นเมืองสีดำทำด้วยก้อนหินขนาดมหึมาที่มีรูปทรงทางเรขาคณิตหลากหลายรูปแบบในสภาพพิกลวางเรียงรายกันไปไม่เข้าพวก หลายส่วนสึกกร่อนไปตามกาลเวลาที่ผ่านมาเกือบพันล้านปีตามที่เลคและดายเยอร์คำนวณเอาไว้

หากจะเปรียบเปรยให้คนอื่นบนโลกวันนี้พอจะมองเห็นภาพคือไจแอนต์คอสเวย์ที่ไอร์แลนด์เหนือ กล่าวคือ เหมือนการยกเสาหินหรือแท่นหินขนาดยักษ์หลายรูปทรงมาวางต่อๆ กันไป หรืออาจจะเปรียบได้กับมาชูปิกชูแห่งเทือกเขาแอนดีสที่มีรูปทรงพีระมิดหลากหลายรูปแบบเป็นกลุ่มๆ ในที่ระยะไกลบางแห่งดูเหมือนรวงผึ้ง บางแห่งเหมือนเชิงเทิน บางแห่งเหมือนการนำลูกบาศก์มาวางเรียงราย

ครั้นเครื่องบินขับเลยเข้าไปอีกดายเยอร์และดานสฟอร์ธจึงพบของจริง เมืองทั้งเมืองกำลังรอพวกเขาอยู่เบื้องล่าง

มีดาวห้าแฉกขนาดยักษ์ปรากฏบนยอดสิ่งก่อสร้างอีกหลายตำแหน่งด้วย!

ดายเยอร์นำเครื่องบินลงจอดบนลานหิมะที่พอหาได้ด้วยเสียงคัดค้านจากดานสฟอร์ธ นี่จะไม่เป็นเพียงภารกิจช่วยชีวิตลูกทีมหนึ่งคนที่หายไป กับสุนัขอีกตัวหนึ่ง ไม่นับว่ายังมีตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่มีดาวห้าแฉกขนาดยักษ์หายไปอีกหลายตัวด้วย เป็นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่น่าจะมีใครยอมปล่อยโอกาสนี้ผ่านไปเฉยๆ เป็นแน่

อย่างไรก็ตาม ความดำทะมึนชวนอึดอัดและน่าขนพองสยองเกล้าของเมืองร้างที่เห็นชวนให้นึกถึงเรื่องปรัมปราอย่างที่ราบสูงเหล็งอันชั่วช้า อีกทั้งมิโกะ มนุษย์หิมะ เนโครโนมิคอน ลัทธิคธูลู หรือตำนานชาก็อกกัวแห่งไฮเปอร์บอเรีย การอ่านมังงะที่ศิลปินวาดรูปให้ดูเรียบร้อยแล้วช่างง่ายดายและเห็นภาพได้มากกว่างานเขียนต้นฉบับของเลิฟคราฟต์

ตลอดระยะเวลาห้าชั่วโมงที่สองนักวิทยาศาสตร์เดินเข้าสู่เมือง จะเป็นช่วงบรรยายความมากมายยืดยาวตามขนบของเลิฟคราฟต์ซึ่งเหมาะแก่การอ่านอย่างพินิจพิจารณา ด้วยเลิฟคราฟต์พาดพิงข้อมูลทั้งที่เป็นจริงและไม่มีจริง โดยเพิ่มรายละเอียดของความน่าหวาดหวั่นทีละน้อยก่อนจะเพิ่มระดับความชั่วช้าและน่าขยะแขยงขึ้นในภายหลัง ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงสภาพจิตของดานสฟอร์ธซึ่งอ่อนไหวกว่าแต่ก็รับรู้สภาพแวดล้อมได้ดีกว่าดายเยอร์

การอ่านมังงะเล่มสองนี้จึงเป็นการเสพงานศิลป์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่ต่างจากหนังสือต้นฉบับอย่างเห็นได้ชัด คือเมืองเดียวกัน เรื่องเดียวกัน จากมหายุคที่สูญหายไปพันล้านปี จากช่วงเวลานานแสนนานก่อนที่จะมีมนุษย์บนโลกและนานแสนนานก่อนที่แอนตาร์กติกาจะอยู่อาศัยมิได้ ซึ่งนั่นก็ไม่ต่ำกว่าห้าแสนปีล่วงมาแล้ว

ดายเยอร์และดานสฟอร์ธเดินลึกเข้าไปในสิ่งก่อสร้างใต้ดิน พบรูปสลักสิ่งมีชีวิตมากมายที่พวกเขาไม่เคยเห็น และสุดท้ายคือ เอลเดอร์ธิงส์ (elder things) ที่เป็นรูปทรงกระบอกยาวหกฟุต มีระยางค์เป็นดาวห้าแฉกพร้อมสมองห้าส่วนด้านหนึ่ง มีปีกและมีเส้นสายคล้ายรากอีกด้านหนึ่ง แบบเดียวกับซากฟอสซิลหลายสิบตัวที่เลคค้นพบแล้วบัดนี้หายไปโดยทิ้งซากศพทีมสำรวจกับสุนัขอีกหลายสิบตัวไว้เบื้องบน

ดายเยอร์นึกถึงเรื่องที่เขาเคยได้อ่านในเนโครโนมิคอนที่เล่าเรื่องสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างดาวซึ่งคัมภีร์ใช้คำเรียกว่า เดอะเกรตโอลด์วันส์ (the great old ones) พวกเขาลงมาจากฟากฟ้า จากดวงดาวอื่นที่กาแล็กซี่อื่น แล้วใช้ชีวิตใต้มหาสมุทรในตอนแรก

พวกเขาสร้างเมืองด้วยกลไกที่ไม่มีใครรู้ และสร้างช็อกก็อธ (shoggoths) ขึ้นมาเป็นทาส สิ่งมีชีวิตมีลักษณะเป็นก้อนเมือกขนาดยักษ์ที่มีดวงตามากมายกับสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามภารกิจที่ต้องทำ

ด้วยความช่วยเหลือของพวกทาสช็อกก็อธจำนวนมหาศาลที่สามารถยกน้ำหนักได้ไม่จำกัด พวกเขาสร้างเมืองเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ จนพ้นผิวน้ำ

ระยางค์ห้าแฉกที่ส่วนหัวเปรียบเหมือนอวัยวะที่ใช้สื่อสารทั้งด้วยการเขียนหรือวิธีอื่นใดที่นอกเหนือความเข้าใจของมนุษย์ พวกเขาบันทึกเรื่องราวและสร้างสังคมโซเชียลลิสต์ขึ้นมา ในตอนแรกพวกเขากินสัตว์ทะเลดิบๆ ก่อนที่จะเริ่มกินเนื้อสัตว์ปรุงสุกในภายหลัง นั่นทำให้พวกเขาจำเป็นต้องสร้างปศุสัตว์และห้องเก็บเนื้อขนาดใหญ่ชวนขนลุก

อย่าลืมว่าพวกเขามีปีก การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศในหลายล้านปีถัดมานำเขาบินไปสร้างเมืองใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ มีการค้าระหว่างเมือง หลายเมืองจมมหาสมุทร แต่หลายเมืองผุดขึ้นจากก้นทะเล

จนกระทั่งวันหนึ่งมีชีวิตต่างดาวอีกพวกหนึ่งร่อนลงมาจากฟากฟ้า พวกมันมีหัวคล้ายปลาหมึก มีปีกและอะไรที่คล้ายเท้ามากกว่า ที่สำคัญคือมันอาจจะชั่วช้ายิ่งกว่า

ใช่แล้ว พวกมาใหม่คือคธูลู!

คธูลูเปิดศึกกับดิเอลเดอร์ธิงส์ (เหมือนในกราฟิกโนเวลชุดเอเลี่ยนส่วนที่ยังมิได้ทำเป็นหนัง ที่ถูกคือเอเลี่ยนเหมือนงานของคราฟต์) แต่คธูลูไม่สามารถต่อสู้กับฝูงทาสช็อกก็อธของเอลเดอร์ธิงส์ได้ต้องถอยร่นไปที่ R’lyeh แล้วจมทะเลหายไปในที่สุด

เป็นไปตามพัฒนาการใดๆ ที่ทาสทุกประเภทสะสมความสามารถเหนือชั้นมากขึ้นทุกขณะจนก่อกบฏในที่สุด ระหว่างสงครามที่ไม่เสร็จสิ้นมีพวกมาใหม่เพิ่มอีก เป็นครึ่งฟังกัสครึ่งสัตว์มีเปลือกชื่อว่ามิโกะ นั่นเป็นยุคจูราสสิกแล้ว แล้วทุกอย่างก็หายไป

ตอนนี้ดายเยอร์กับดานสฟอร์ธสองคนยืนอยู่ปากทางอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่มีลวดลายชวนพิศวง

พวกเขาควรไปต่อไปหรือถอยที่จุดนี้

 

หากเทียบกับหนังสือต้นฉบับ เรื่องราวในหนังสือใกล้จบแล้วแต่มังงะเล่มสองเพิ่งไปได้ครึ่งเล่ม หากสองคนยังจะเดินเข้าไปในอุโมงค์ด้วยแบตเตอรี่ที่เหลือไม่มากย่อมบ้าไปแล้ว แต่ดายเยอร์ไปต่อด้วยเขาเชื่อมั่นว่าจะได้พบลูกทีมและสุนัขที่หายไป ดานสฟอร์ธซึ่งน่าจะใกล้บ้าจริงๆ แล้วห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง ทั้งสองจึงไปต่อไปจนกระทั่งได้พบสิ่งที่ต้องการ กับสิ่งที่นึกไม่ถึง

ตามด้วยสิ่งที่ไม่ต้องการในห้วงเหวลึกใต้ดินที่ฉากสุดท้าย!

ที่ดายเยอร์กลัวที่สุดยังมิใช่เสียงที่ได้ยินในตอนท้ายหรือสิ่งที่จะได้เห็นในตอนจบ

ที่เขากลัวมากกว่าคือจะทำอย่างไรหากมีนักสำรวจชุดใหม่มาถึงตรงนี้และพบสิ่งที่เขาพบ จะใช่จุดจบของมนุษยชาติหรือไม่

ชวนอ่านครับ •

 

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์