มีเรื่องราววุ่นวายแทบจะรายวันนับตั้งแต่อีลอน มัสก์ ปิดดีลซื้อทวิตเตอร์ได้สำเร็จในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

อันที่จริงแล้วถ้าจะพูดให้ตรงสักหน่อยก็จะต้องบอกว่าเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนจะปิดดีลเสร็จด้วยซ้ำ

อย่างเช่น การที่เขาทวีตวิดีโอตัวเองอุ้มอ่างล้างหน้าเดินเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ในซาน ฟรานซิสโก แล้วเขียนกำกับว่า “กำลังเดินเข้า สนง.ใหญ่ทวิตเตอร์ ซึมซับเข้าไปในหัวกันซะ! (Let that sink in)” โดยที่ตั้งใจเล่นใหญ่หอบอ่างล้างหน้ามาเพื่อเล่นกับคำว่า sink โดยเฉพาะ

ไทม์ไลน์ของสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นหากจะเรียกว่าโกลาหลก็คงไม่เกินกว่าเหตุ เพราะทันทีที่ซื้อทวิตเตอร์มาได้ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือไล่บรรดาผู้บริหารคนสำคัญๆ ออกทั้งหมดซึ่งก็รวมถึงซีอีโอของทวิตเตอร์ด้วยแล้วก็แต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่

ภารกิจในฐานะของการเป็นซีอีโอหลังจากนั้นคืออีลอนไล่ปลดพนักงานออกมากกว่าครึ่ง ยกเลิกการ Work From Home ตามนโยบายเดิมของทวิตเตอร์ สั่งให้ทุกคนกลับมาทำงานที่บริษัท

ส่งเมโม่บอกพนักงานทุกคนว่าให้ทำใจยอมรับไว้เลยว่าหลังจากนี้ไปวัฒนธรรมการทำงานของทวิตเตอร์คือจะเป็นการทำงานอย่างหนักชนิดฮาร์ดคอร์

โดยทั้งหมดที่พูดมานี้หากพนักงานคนไหนมีปัญหา ไม่ขานรับนโยบายใหม่ ก็ขอให้ไปเข้าแถวรับเงินชดเชยแล้วดีดตัวเองออกไปได้เลย

การปลดๆ จ้างๆ พนักงานหลายรอบภายในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก รวมถึงวิธีการสุดเกรียนที่เขาใช้ทำให้ทวิตเตอร์สูญเสียคนทำงานที่เป็นกุญแจสำคัญหรือมีความเชี่ยวชาญไปจำนวนมาก

ส่งผลลามไปสู่ความมั่นคงของแพลตฟอร์มที่หลายคนทำนายกันว่าน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน

ยังไม่นับรวมถึงโมเดลธุรกิจใหม่ที่เขาประกาศใช้แทบจะทันทีที่ซื้อกิจการมาได้ อย่างการประกาศขายเครื่องหมายติ๊กถูกในกรอบสีฟ้าซึ่งปกติทวิตเตอร์จะมอบให้เฉพาะบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนว่าเป็นแอ็กเคาต์ของคนคนนั้นจริงๆ ไม่ใช่ตัวปลอม อีลอนบอกว่าต่อจากนี้ไปเครื่องหมายนี้จะไม่ให้ฟรีอีกแล้ว อยากได้ต้องจ่ายเงินซื้อเป็นรายเดือนเท่านั้น

สิ่งที่เขาทำล่าสุดก็คือการแก้ไขข้อผิดพลาดของทวิตเตอร์ที่เขาเคยกล่าวประณามไว้ตั้งแต่หลายเดือนก่อน อีลอนเคยพูดว่าทวิตเตอร์ล้มเหลวในหลักการเรื่องเสรีภาพการแสดงออกทางความคิดเห็น

ดังนั้น เมื่อเขาเข้ามากุมบังเหียนของทวิตเตอร์ อีลอนจึงได้โอกาสทบทวนรายชื่อของทุกคนที่ถูกทวิตเตอร์แบนหรือระงับแอ็กเคาต์ แล้วปลดการแบนให้

แอ็กเคาต์ใหญ่ที่สุดที่ถูกทวิตเตอร์แบนในเดือนมกราคมปี 2021 ก็คือแอ็กเคาต์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ถูกระงับเป็นการถาวรหลังจากที่บริษัทพิจารณาว่าทรัมป์มีแนวโน้มใช้ทวิตเตอร์ในการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา

ในตอนนั้นทรัมป์ผู้ติดทวิตเตอร์งอมแงมและมักจะสื่อสารกับผู้ติดตามผ่านช่องทางนี้เสมอก็โมโหอย่างบ้าคลั่งเมื่อรู้ว่าแอ็กเคาต์ถูกระงับ เขาถึงกับหันไปเปิดแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตัวเองที่ใช้คอนเซ็ปต์ว่าจะเป็นพื้นที่ให้ทุกคนสามารถพูดความจริงได้ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จและได้รับความสนใจสักเท่าไหร่

อีลอน มัสก์ เปิดโพลบนทวิตเตอร์ให้ผู้ใช้งานเข้ามาร่วมโหวตกันว่าเขาควรจะยกเลิกการแบนและคืนแอ็กเคาต์ให้กับทรัมป์หรือไม่

และเมื่อเสียงส่วนใหญ่โหวตเห็นด้วย ทรัมป์จึงได้แอ็กเคาต์ของตัวเองกลับคืนมาโดยไม่ต้องร้องขอ

แต่เรื่องก็มาหักมุมตอนจบเมื่อทรัมป์เองนี่แหละที่บอกว่าเขาจะไม่เหยียบเท้ากลับไปบนทวิตเตอร์อีก จะขอยืนหยัดอยู่กับโซเชียลมีเดียที่ตัวเองสร้างขึ้น

แถมยังแอบแซะอีลอนเบาๆ ว่า เขาหวังว่าอีลอนซื้อทวิตเตอร์มา เพราะต้องการจะปรับปรุงให้ทวิตเตอร์ดีขึ้น

ซึ่งอีลอนที่ระดับความเกรียนอยู่แถวหน้าของอินเตอร์เน็ต ก็ตอบกลับด้วยมีมทะลึ่งแบบที่ไม่เหมาะสำหรับเยาวชน

คานเย เวสต์ แร็พเปอร์ชื่อดังซึ่งมักจะแสดงความคิดเห็นสุ่มเสี่ยงก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลไฮโปรไฟล์ที่อีลอนอ้าแขนต้อนรับกลับบ้านหลังจากคานเยโพสต์แสดงความขุ่นเคืองต่อมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เพราะเขาเพิ่งจะถูกแบนจากอินสตาแกรมมาหมาดๆ

คนอื่นๆ ที่อีลอนปลดแบนให้ก็มีสตอรี่คล้ายๆ กัน แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นที่ถูกพูดถึงและเป็นคนที่โซเชียลมีเดียแทบจะทุกแพลตฟอร์มพร้อมใจกันแบนถ้วนหน้าก็คือผู้ชายที่ชื่อว่า แอนดรูว์ เทท

แอนดรูว์ถูกทวิตเตอร์แบนในปี 2017 อันที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไรมาก่อนจนกระทั่งกลายเป็นข่าวถูกแบนจากทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทูบ ติ๊กต็อก และทวิตเตอร์ จนส่งผลกระทบมหาศาลต่อธุรกิจของเขา

แอนดรูว์ทำอาชีพเป็นไลฟ์โค้ชแต่มีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นไลฟ์โค้ชที่เน้นสื่อสารกับผู้ชายอกสามศอกเท่านั้น คอนเทนต์ของเขาคือการให้คำแนะนำผู้ชายว่าต้องทำอย่างไรจึงจะมีความเป็นแมนที่สุด

ธุรกิจหลักของแอนดรูว์คือการเปิดคอร์สสอนออนไลน์ที่เน้นสอนชายชาตรีให้มีความรู้ทางด้านต่างๆ อย่างการลงทุน เล่นหุ้น และคริปโตเคอร์เรนซี่

ในขณะเดียวกันก็ปลูกฝังแนวคิดเหยียดสตรีไปด้วย เขาเคยพูดเอาไว้ว่าผู้หญิงไม่ควรได้ขับรถเพราะไม่มีความรับผิดชอบและไม่มีเกียรติยศเพียงพอ ผู้หญิงเป็นสมบัติของผู้ชาย ผู้หญิงถูกข่มขืนเพราะรนหาที่ และถ้าหากผู้ชายไม่อยากให้ผู้หญิงออกจากบ้านก็ให้ใช้ความรุนแรง ทุบตี บีบคอผู้หญิงได้เลย

แอนดรูว์ เทท เข้าใจอัลกอริธึ่มของโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ และรู้ว่าต้องทำอย่างไรคอนเทนต์ของเขาจึงสามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากที่สุด

ทำให้ช่วงกลางปีที่ผ่านมามีการเสิร์ชหาชื่อเขาบนกูเกิลมากกว่าชื่อของโดนัลด์ ทรัมป์ หรือคิม คาแดชเชียน เสียอีก

เมื่อดูจากเนื้อหาที่เขานำเสนอแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโซเชียลมีเดียถึงได้พร้อมใจกันแบนแอนดรูว์ทุกแพลตฟอร์ม แม้เราจะคิดว่าโซเชียลมีเดียควรจะมาพร้อมกับเสรีภาพทางการแสดงออกไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ฟังแล้วชวนให้อึดอัดแค่ไหน

แต่ทุกแพลตฟอร์มล้วนมีเจ้าของ มีผู้ดูแล และมีไกด์ไลน์หรือแนวทางที่เป็นกฎระเบียบของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียไหนก็ไม่มีที่มีทางให้กับคอนเทนต์ที่ปลุกปั่น ยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรง

ยกเว้นทวิตเตอร์ที่อาจจะไม่เข้าข่ายนี้อีกแล้ว

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022