เด้ง! ผู้การเมืองชลเข้ากรุ พิษสินบนสับตัวผู้ต้องหาลาม แก๊ง ‘หรั่ง พระรามสอง’ ตบเด็กพัทยา

บทความโล่เงิน

 

เด้ง! ผู้การเมืองชลเข้ากรุ

พิษสินบนสับตัวผู้ต้องหาลาม

แก๊ง ‘หรั่ง พระรามสอง’ ตบเด็กพัทยา

 

มีเรื่องอื้อฉาวไม่ได้พัก สำหรับวงการสีกากี โฟกัสไปที่เมืองชล จังหวัดท่องเที่ยวของภาคตะวันออก

“บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งเด้ง พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศปฏิบัติหน้าที่ได้ 45 วัน มีอันต้องหลุดจากเก้าอี้

คนรู้จักมักเรียก “ผู้การสันต์” ตามชื่อเดิม “สุขสันต์ ส่งประเสริฐ” เป็น นรต.รุ่น 49 เคยเป็นรอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ก่อนย้ายเป็นรอง ผบก.น.2 ช่วยราชการสำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย

เมื่อปีที่ผ่านมาได้รับมอบหมายจากนายชวน ให้เป็นตัวแทนไปอวยพรวันเกิดนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เนื่องจากเห็นว่ามีความใกล้ชิดกันมาก่อน

แล้วขยับเป็นรอง ผบก.อก.บช.น. ก่อนขึ้น ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เมื่อวันที่ 1ตุลาคมที่ผ่านมา

วันแรกของการรับตำแหน่งได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ให้ดำเนินการตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ที่มอบหมายและประกาศว่า จะต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน

ย้อนไปดูในคำสั่ง ตร.ที่ 543/2565 ที่ “บิ๊กเด่น” ลงนามโยกย้ายนั้น มีใจความว่า ด้วยตำรวจภูธรภาค 2 ได้รายงานเหตุกรณี พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ มีเหตุเป็นที่สงสัยว่าประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่และกระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา หากปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนหรืออาจยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ และให้การดำเนินการของตำรวจภูธรภาค 2 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในกฎหมายเกี่ยวข้อง มีคำสั่งดังกล่าว

มูลเหตุที่มาคำสั่งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม แก๊งพระรามสอง ใช้ยานพาหนะโตโยต้า อัลพาร์ด ป้ายแดงบุกพลูวิลล่าย่านหาดจอมเทียนเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตามหาลูกหนี้ แต่ไม่พบ โกธรแค้นมากใช้ปืนตบกลุ่มวัยรุ่นบาดเจ็บ 5 คน ยิงยางล้อรถเสียหาย 3 คัน และยังยึดบัตรประชาชนขู่ฆ่ายกครัวหากแจ้งความตำรวจ

พร้อมประกาศลั่น “กูเคลียร์ได้หมด ไม่กลัวตำรวจหน้าไหน”

ถือว่าอุกอาจ สร้างความตกใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

 

ต่อมาตำรวจได้ขอศาลพัทยาออกหมายจับ หนึ่งในผู้ก่อเหตุคือ นายจิรโรจน์ อายุ 29 ปี หรือ “หรั่ง พระรามสอง” ต่อมาได้เข้ามอบตัว พร้อมพวกอีก 4 คน คือ นายบุญฤทธิ์ หรือฉุย บางบอน อายุ 24 ปี, นายสราลัญ หรือท็อป ตลิ่งชัน อายุ 23 ปี, นายภูริชล อายุ 30 ปี และนายธนะพล อายุ 27 ปี โดนแจ้งข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน ยิงปืน ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และบุกรุก

ทั้งหมดอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุที่ปรากฏในภาพวงจรปิด พร้อมอาวุธปืนแม็กกาซีน ออโตเมติก ขนาด 9 ม.ม. ยี่ห้อกล็อก 1 กระบอก บีบีกัน 2 กระบอก และรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว คันที่ใช้ก่อเหตุ ตำรวจได้แยกสอบปากคำกลุ่มผู้ก่อเหตุ พร้อมทั้งให้กลุ่มผู้เสียหายชี้ตัวยืนยัน

แต่ปรากฏว่า กลุ่มผู้เสียหายชี้ตัวยืนยันนายจิรโรจน์ หรือหรั่ง พระรามสอง เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นไม่มีการชี้ตัว เพราะจำหน้าไม่ได้

ถัดมาอีกวัน มีสอบปากคำกลุ่มผู้ก่อเหตุนานหลายชั่วโมง ปรากฏว่า 5 คนที่มอบตัว มี 2 คนรับจ้างมารับผิดแทน คือ นายบุญฤทธิ์ หรือฉุย บางบอน และนายสราลัญ หรือท็อป ตลิ่งชัน อ้างว่าทำไปเพื่อทดแทนผู้มีพระคุณ ได้ค่าเสียเวลาวันละ 1,000 บาท

ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 189 “ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้น ด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ส่งดำเนินคดี สภ.เมืองชลบุรี

ต่อมาจับเพิ่มอีก 3 ราย ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ขณะเตรียมหนีออกนอกประเทศ มีนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็ม พิลาวรรณ อายุ 37 ปี นายปวุฒ ช่องสระ หรือเต้ยหล่อ อายุ 26 ปี และนายจิรวัฒน์ อายุ 26 ปี หรือดำ บางขุนเทียน

31 ตุลาคม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ร่วมแถลงสรุปคดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย คือ ผู้ก่อเหตุ 6 ราย และผู้รับสมอ้างรับผิดแทน 2 ราย รวมถึงผู้ว่าจ้างให้มารับผิดแทนอีก 2 ราย

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินคดีกลุ่มผู้เสียหาย 8 ราย เนื่องจากตรวจสอบพบสารเสพติดในร่างกาย

บ่งชี้ได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้รู้จักกัน และเกี่ยวข้องพัวพันกับยาเสพติด และการพนัน

ที่สำคัญมีการพบว่า จ้างแพะมาตบตาเจ้าหน้าที่หวังรอดคุก

จากการสืบสวนขยายผล พบหลักฐานว่า พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพื่อมิให้ผู้ก่อเหตุตัวจริงถูกดำเนินคดี โดยมีการเรียกรับสินบนถึง 1 ล้านบาท

สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 ได้ตั้งคณะกรรมสอบสวนความผิดวินัยขั้นร้ายแรง และแจ้งข้อหา มาตรา 149 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับประโยชน์ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบโดยทุจริต และมาตรา 200 เป็นเจ้าพนักงานฝ่ายสืบสวน ช่วยเหลือไม่ให้คนต้องรับโทษ หรือรับโทษลดลง ซึ่งนายตำรวจคนดังกล่าวได้รับทราบข้อกล่าวหา และมีคำสั่งย้ายมาประจำการที่ ศปก.ภ.2

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยืนยันว่า การกระทำผิดที่เกิดขึ้นแม้ว่าป็นเจ้าพนักงานรัฐระดับสูงต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีละเว้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อระบบราชการ และจะได้เป็นเยี่ยงอย่างว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐเมื่อทำผิดก็ต้องรับโทษ

 

แต่เรื่องอื้อฉาวยังลามไม่หยุด จากการสืบสวนสอบสวนพบ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

“รองผู้บังคับการที่ให้การยืนยันว่ามีการรายงานเรื่องต่างๆ ไปถึงผู้บังคับการแล้วว่ามีการนำผู้ต้องหาตัวปลอมมามอบตัว” รอง ผบ.ตร.ระบุ

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 จึงได้เรียก พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศมารับทราบข้อกล่าวหา มาตรา 149, 157 และ 200 จากนี้ต้องสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน

ค่ำวันที่ 14 พฤศจิกายน มีคำสั่งเด้ง “ผู้การสันต์” มาประจำ ศปก.ตร.