พระนางจามเทวี จารึกศรีวิชัย สายสัมพันธ์ขอมเจนละ-จามปา ในมุมมองของ ผศ.พงศ์เกษม สนธิไทย

เพ็ญสุภา สุขคตะ

พระนางจามเทวี จารึกศรีวิชัย สายสัมพันธ์ขอมเจนละ-จามปา ในมุมมองของ ผศ.พงศ์เกษม สนธิไทย

 

วิทยากรอีกท่านที่นำเสนอผลงานเรื่อง “ความสัมพันธ์ของพระนางจามเทวีกับศรีวิชัย : หลักฐานจากจารึก” ในโครงการประชุมสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “ปริศนาพระนางจามเทวี” จัดโดยสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 นั้น

ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พงษ์เกษม สนธิไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรมอญโบราณ สนใจคร่ำหวอดอยู่กับความพยายามที่ต้องการไขปริศนาปมอันสับสนย้อนแย้งเรื่องพระนางจามเทวีมานานกว่าสองทศวรรษ ว่าตกลงแล้วพระนางเป็นใครมาจากไหนกันแน่?

รวมถึงปริศนาของเจ้าชายรามราช ว่าเหตุใดจึงตัดสินใจไปบวช ก็ไหนว่าจ่อตำแหน่งอุปราชว่าที่กษัตริย์ละโว้อยู่รอมร่อแล้ว ทั้งหมดนี้มีเงื่อนงำอะไร

อาจารย์พงศ์เกษมวางน้ำหนักให้ความสำคัญระหว่างตำนานฝ่ายหลวง (ชินกาลมาลีปกรณ์ มูลศาสนา จามเทวีวงส์) ที่ระบุว่า พระนางจามเทวีเป็นราชธิดากษัตริย์ละโว้ ไว้ในระนาบเดียวกันกับตำนานฝ่ายท้องถิ่นของชาวมอญบ้านหนองดู่ บ้านบ่อคาว อ.ป่าซาง จ.ดลำพูน ที่เชื่อว่าพระนางจามเทวีเป็นธิดาของเศรษฐีอินตา เกิดที่บ้านบ่อคาว ซึ่งปัจจุบันยังมีสถานที่ที่มีชื่อเรียกว่า “เนินบ้านเศรษฐีอินตา” ใกล้วัดเกาะกลางตั้งอยู่

แต่สิ่งที่พิเศษสุดเหนือกว่านักวิชาการคนอื่นใดก็คือ อาจารย์พงศ์เกษมเป็นคนเดียวที่สามารถอ่านจารึกอักษรมอญโบราณได้ มีความเข้าใจในภาษามอญโบราณและมอญปัจจุบันอย่างแตกฉาน

ดังนั้น อาจารย์จึงทำการศึกษาเปรียบเทียบจารึกอักษรมอญโบราณ (บางหลักเป็นอักษรปัลลวะ ต้นกำเนิดอักษรมอญโบราณในประเทศไทย) หลักต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค นำมาสอบทานกัน

จนอาจารย์พงษ์เกษมได้ข้อสรุป (นานแล้ว) ว่า ในบรรดากลุ่มจารึกอักษรมอญโบราณนับ 10 หลักที่เก็บรักษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชยนั้น “ล้วนมีร่องรอยความสัมพันธ์ของรัฐศรีวิชัยสายทมิฬ แฝงอยู่ผ่านอักขระบางตัว ซึ่งลักษณะประการนี้ไม่พบในอักษรกลุ่มมอญ-ปัลลวะในสายกรุงละโว้”

อันเป็นที่มาของการตั้งข้อสมมุติฐานใหม่อีกแนวทางหนึ่งว่าเป็นไปได้หรือไม่ “หากพระนางจามเทวีจะมีเชื้อสายมาจากรัฐศรีวิชัย?” โดยการขึ้นมาจากศรีวิชัยก็ขึ้นมาทางสายตะวันตกของอ่าวไทย แถบนครปฐม อู่ทอง ราชบุรี โดยไม่ผ่านละโว้!

จะว่าไปแล้วก็ถือเป็นประเด็นที่หนักหนาเอาการอยู่พอสมควร ที่จะโน้มน้าวความเชื่อจากใครๆ ได้ เพราะลำพังแค่ปมปัญหาเรื่อง แดนประสูติของพระนางจามเทวี ละโว้ VS ป่าซาง? ก็ยังถกเถียงกันไม่จบสิ้น ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดจวบทุกวันนี้เลย

แล้วนี่ยังมาลากให้เชื้อสายความเป็นมาของพระนางจามเทวียาวไกลไปถึงสุดคาบสมุทรมลายูอีกด้วยล่ะหรือ เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนกันเล่า?

การเสวนาครั้งนี้ อาจารย์พงศ์เกษมได้งัดเอาหลักฐานด้านจารึกมอญโบราณและอักษรปัลลวะหลายหลักในอุษาคเนย์มาวิเคราะห์ พร้อมกับตีความเชื่อมโยงไปถึงเนื้อหาของ “ความน่าจะเป็น”

 

จารึกอักษรทมิฬ-มอญ แห่งนครศรีธรรมราช

จารึกหลักใดๆ ย่อมกลายเป็นก้อนหินที่ไร้คุณค่า หากปราศจากการหยิบมาใช้งานของนักจารึกวิทยา ไม่ว่าจะตีความถูกหรือผิดอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ

จารึกหลักแรกที่อาจารย์พงศ์เกษมนำมาเปิดประเด็น เป็นจารึกหลักที่ใช้เลขทะเบียนของกรมศิลปากรว่า น.ศ.1 (น.ศ. ย่อมาจากนครศรีธรรมราช) เหตุที่เจอในจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ระบุที่มาว่าได้จากวัดไหน

อาจารย์พงศ์เกษมไปพบจารึกหลักนี้พิงอยู่ในซอกหลืบที่แคบมากพิงอยู่ในกำแพงวัดพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช เดินเข้าไปอ่านด้วยความยากลำบากมาก

การใส่รหัสว่า น.ศ.1 สะท้อนว่าย่อมเป็นจารึกที่ค้นพบนานแล้วเป็นหลักแรกๆ ของเมืองนี้

ทว่า ไม่ค่อยมีการเผยแพร่ในวงกว้างผิดกับจารึกหลัก น.ศ.3 วัดเสมาเมือง อาจเป็นเพราะหลัก น.ศ.1 ด้านหนึ่งเป็นอักษรมอญโบราณ ภาษามอญ ส่วนอีกด้านนั้นเป็นอักษรทมิฬ ทำให้หาผู้เชี่ยวชาญอ่านตีความได้ยาก เมื่อปี 2563 อาจารย์พงศ์เกษมจึงเริ่มลงมืออ่านทบทวนใหม่อีกครั้งเฉพาะด้านที่เป็นภาษามอญโบราณ และคงอ่านได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากสภาพอักษรชำรุดลบเลือนมาก

จารึกหลักนี้มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 13 ในจารึกพบคำสำคัญหรือ Keyword ที่น่าสนใจอยู่ 3 คำคือ

1. ตามฺพรฺลิงค์ (บรรทัดที่ 9)

2. กฺมฺร (เตง) (บรรทัดที่ 12)

3. วรัญวาตี (บรรทัดที่ 13)

สามคีย์เวิร์ดนี้บอกอะไรแก่อาจารย์พงศ์เกษมบ้าง

คำแรก “ตามฺพรฺลิงค์” อ่านว่า ตาม-พะระ-ลิง-คะ แปลว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งศิวลึงค์ทองแดง เป็นจารึกอีกหนึ่งหลักที่ตอกย้ำว่าชื่อเดิมของนครศรีธรรมราชคือ “ตามพรลิงค์” อันเป็นเมืองใหญ่ในสหพันธรัฐศรีวิชัยช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-15

คำว่า “กมรเตง” มีความหมายถึงกษัตริย์หรือชนชั้นสูงของขอม เข้ามาปรากฏในจารึกที่นครศรีธรรมราชยุคที่ชาวทมิฬยังเข้มแข็งเป็นประชากรหลักได้อย่างไร กมรเตง ท่านนี้คือใคร เดี๋ยวจักค่อยๆ เฉลยคำตอบกันต่อไป

คำสุดท้ายคือ “วรัญวาตี” เป็นชื่อสตรีสูงศักดิ์ มีความหมายว่า “นางผู้มีปัญญาปราดเปรื่อง” นางคือใคร เกี่ยวข้องอะไรกับ “กมรเตง” ด้วยหรือไม่

ขอพักปริศนาศัพท์สำคัญสามคำนี้ไว้ก่อน หันมาดูจารึกหลักสำคัญอีกชิ้นที่จะช่วยไขปริศนาหลัก น.ศ.1 ให้กระจ่างชัดขึ้นอีกหนึ่งเปลาะ

จารึกวัดกุดแต้ บรรยายสาแหรกตระกูลพระเจ้าอีสานวรมันที่ 1 ลงมาเรื่อยๆ ว่ามีวงศ์วานว่านเครือสัมพันธ์กับเชื้อสายทางใดบ้าง

จารึกวัดกุดแต้ พบคำว่า “ศามภูกะ”

ในเมื่อจารึก น.ศ.1 ที่นครศรีธรรมราช ทิ้งร่องรอยของคำว่า กมรเตง กับ วรัญวาตี ไว้เป็นปริศนา อาจารย์พงศ์เกษมจึงต้องกลับไปอ่านจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤตอีกหลักหนึ่ง เรียก จารึกวัดกุดแต้ ค้นพบที่บ้านเขาน้อยสีชมพู ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “จารึกภววรมันที่ 2” มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12

เนื้อหากล่าวถึง กองทัพของขอมเจนละในสมัยของพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 (ผู้พ่อ) ลงมาจนถึง รัชกาลของพระเจ้าภววรมันที่ 2 (ผู้ลูก) ได้ตีกองทัพของรัฐ “ศามภูกะ” (บ้างเขียนว่า “ศัมพูกะ”) แตกพ่ายไป ซ้ำอ้างว่ามีชัยเหนือสุวรรณภูมิ ก็คือดินแดนของมอญฟากตะวันตกในสยามทั้งหมด

อสูรดินเผาจากวัดพระงาม นครปฐม ขุดพบพร้อมจารึกมีคำว่า “ศัมพูกะ”

อนึ่ง คำว่า “ศามภูกะ” เป็นอีกพระนามหนึ่งของพระศิวะ อาจารย์พงศ์เกษมเคยเรียนถามอาจารย์ ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร ราชบัณฑิต และอดีตอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทับแก้ว (ปัจจุบันเพิ่งล่วงลับไปได้ไม่นาน) ว่าศามภูกะนั้นควรตั้งอยู่ที่ไหน

ท่าน ดร.วินัยได้กรุณาอธิบายว่า ศามภูกะนั้นคือดินแดนแถบเมืองโกสินารายณ์ ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งถ้าตีความแล้ว ก็น่าจะเป็นชาวทวารวดีโดยรวมแถบฟากตะวันตกนับแต่เมืองนครปฐม อู่ทอง (ในสุพรรณบุรี) ไปจนถึงราชบุรี

พระพิมพ์ดินดิบศรีวิชัย จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย

การกินดองของราชวงศ์ ขอมเจนละ

มอญศามภูกะ จามปา ศรีวิชัย

อาจารย์พงศ์เกษมตามไปอ่านประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเจนละ ที่มีผู้แปลและเรียบเรียงไว้อย่างละเอียดต่ออีกทำให้พบว่า การรบระหว่างขอมเจนละกับมอญศามภูกะครั้งนี้ไม่ได้เกิดความเสียหายใดๆ ด้วยยอมให้มีการเจรจากัน

เหตุที่พระธิดาของพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 มีจิตปฏิพัทธ์ประสงค์จะวิวาห์กับเจ้าชายของศามภูกะ ผู้มีนามว่า ศรีชคัทธัมม (ศรีประกาศธัมม-แปลว่าผู้นอบน้อมต่อพระธรรม) นางจึงรบเร้าให้พระราชบิดายกทัพมาข่มขู่เมืองต่างๆ ในศามภูกะ

กระทั่งนางได้สยุมพรกับเจ้าชายแห่งศามภูกะแล้ว มีโอรสองค์หนึ่งพระนามว่า “หรรษวรมัน” (พบชื่อนี้ในจารึกแผ่นทองแดงที่อู่ทอง) ดังนั้น พระเจ้าหรรษวรมันจึงมีศักดิ์เป็นหลานตาของพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ซ้ำยังมีฐานะเป็นโอรสของกษัตริย์มอญอู่ทอง (ศามภูกะ) ศรีชคัทธัมม กับราชินีแห่งขอมเจนละอีกด้วย

ต่อมา น้องสาวของพระเจ้าหรรษวรมัน ผู้มีเลือดผสมระหว่างขอมเจนละกับมอญศามภูกะเช่นเดียวกับพี่ชาย ได้ไปแต่งงานกับ กษัตริย์จามปา ได้บุตรชายพระนามว่า “ศรีวิกรานตวรมา” จึงนับได้ว่า ศรีวิกรานตวรมา ผู้นี้มีเชื้อสายถึงสามทางคือ ขอมเจนละ + มอญทวารวดี (ศามภูกะ) + จามปา

พระพิมพ์ดินดิบศรีวิชัย จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย

ต่อมา ลูกสาวของศรีวิกรานตวรมา ถูกส่งไปแต่งงานกับเจ้าชายองค์หนึ่งที่ไชยา สุราษฎร์ธานี (เมืองครฺหิ) พวกไชยานั้นเป็นญาติกับวงศ์ลังกาสุกะ (ปัตตานี) ทำให้ศรีวิชัยทั้งหมดย่อมเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกันทั้งกับมอญศามภูกะ และเกี่ยวข้องไปถึงขอมเจนละกับจามปาตามไปด้วย

เห็นได้จากการที่ลูกสาวของศรีวิกรานตวรมาถูกแต่งตั้งให้รั้งตำแหน่งเป็นผู้ปกครองที่เมืองจามปา จากนั้นเลื่อนสถานะขึ้นมาครองรัฐศรีวิชัยในตำแหน่งรานีของรายาแห่งศรีวิชัย (พระราชวังในยุคนั้นคาดว่าอยู่ที่ไชยา)

องค์ชายศรีวิชัยที่แต่งงานกับองค์หญิงลูกสาวของศรีวิกรานตวรมา มีเชื้อสายไศเลนทรวงศ์ ในขณะที่องค์หญิงที่เสด็จมานี้มีเชื้อสายผสมอย่างซับซ้อนมาก่อนแล้ว (มอญศามภูกะ + เจนละขอม +จามปา) คนในรัฐศรีวิชัยราชวงศ์ไศเลนทร์ยุคนั้นนับถือพระศิวะเหมือนชาวศามภูกะ

อาจารย์พงศ์เกษมสันนิษฐานว่า ธิดาของศรีวิชัยองค์ใหม่ที่เกิดจากการแต่งงานข้ามรัฐข้ามเผ่าพงศ์ครั้งนี้ ก็คือ ต้นตระกูลของพระนางจามเทวี นั่นเอง

พระธิดาองค์นี้ อาจารย์พงศ์เกษมเชื่อว่าน่าจะเป็นสตรีองค์เดียวกันกับ “พระนางวรัญวาตี” ที่ปรากฏนามในจารึก น.ศ.1 เนื่องจากจารึกหลักนั้นปรากฏคำว่า กมรเตง ด้วย สะท้อนถึงสายตระกูลของทางขอมเจนละที่เข้ามามีบทบาทในแถบศามภูกะและศรีวิชัย

อาจารย์พงศ์เกษมตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า พระนางวรัญวาตี ผู้มีเลือดผสมทั้งของชาวจาม ขอมเจนละ มอญศามภูกะ และศรีวิชัยไศเลนทร์อยู่ในตัวเช่นนี้ พระนางน่าจะนับถือไศวนิกาย ปนกับพุทธมหายานของศรีวิชัย เป็นไปได้ที่ราชวงศ์นี้จักเรียกขานคนในตระกูลว่า “จามวงศ์”

เรื่องราวของพระนางวรัญวาตียังไม่จบ โปรดติดตามต่อในฉบับหน้า ว่าอะไรเป็นมูลเหตุให้อาจารย์พงศ์เกษม สนธิไทย ปักใจเชื่อว่าสตรีผู้นี้เองที่เป็นพระราชมารดาของพระนางจามเทวี

ขอจบบทความตอนแรกด้วยสาแหรกวงศ์ตระกูลจากจารึกวัดกุดแต้ที่ไปสัมพันธ์กับจารึก น.ศ.1 แห่งนครศรีธรรมราช ดังนี้ •

 

ปริศนาโบราณคดี | เพ็ญสุภา สุขคตะ