สังคมคลั่งเครียด | เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

สังคมคลั่งเครียด

 

โลกความฝันมีได้ในความฝัน

ขณะดั้นดิ่งจมสังคมผี

อย่าหวังเลยคุณธรรมและความดี

ตราบยังมี “ยาบ้า” มาฆ่าคน!

 

มีโวหารว่า “สังคมเลวทำคนให้เป็นผี สังคมดีทำผีให้เป็นคน”

สังคม “ยาบ้า” นี่แหละคือสังคมเลว มันทำคนให้กลายเป็น “ผีบ้า” มาฆ่าคนได้กระทั่งลูกเล็กเด็กแดง

ยาบ้าในที่นี้จึงไม่หมายเฉพาะตัวยา หากหมายรวมหมดตั้งแต่คนผลิต กระบวนการผลิต การจัดจำหน่าย มาถึงคนเสพ กระทั่งออกฤทธิ์ออกเดชทำร้ายสังคม และทำลายตัวเองในที่สุด

นี้คือวงจรอุบาทว์ของสังคมผีบ้าที่มีสัญลักษณ์ “ยาบ้า”

มันคือนรกชัดๆ

เราใจร้ายพอจะปล่อยให้สังคมเราเลวกันได้ถึงอย่างนี้จริงๆ หรือ

สังคมเลวทำคนให้เป็นผี

สังคมดีทำผีให้เป็นคน

จะทำผีให้เป็นคนได้อย่างไร ถ้าสังคมมันไม่ดี มันยังเป็นสังคมเลวกันอยู่อย่างนี้

มีโวหารอีกว่า

“สังคมเลวไม่ใช่เพราะมีคนเลวมากกว่าคนดีหรือมีคนทำความเลวมากกว่าคนทำความดี หากสังคมเลวเป็นเพราะทุกคนในสังคมไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรเลวมากกว่า”

 

กล่าวมาทั้งหมดนั้นคือส่วนหนึ่งของสาเหตุการก่อผลร้าย ซึ่งต้องช่วยกันพิจารณาหาข้อเท็จจริงอันมีเหตุและปัจจัยอีกมากนัก ตลอดจนหน่วยงานและกระบวนการรับผิดชอบที่นับวันจะหนักหนาสาหัสเข้าทำนอง “ไม่ขจัดเหตุ-มุ่งแต่เผด็จผล”

ที่ถูกนั้นต้อง “ขจัดเหตุ” เป็นหลัก “เผด็จผล” เป็นรอง และต้องดำเนินการไปด้วยกัน ไม่หนักไปข้างใดข้างเดียว สมดังคาถาพระอัสชิ ที่ตอบคำถามเมื่อถูกถามว่าศาสดาของท่านกล่าวถึงหัวใจแห่งธรรมไว้ว่าอย่างไร พระอัสชิตอบเป็นคาถาว่า

เยธัมมา เหตุปภวา

เตสังเหตุม ตถาคโต

เตสัญจะโย นิโรโธ จะ

เอวังวาที มหาสะมะโณ

แปลความว่า

สิ่งใดเกิดแต่เหตุ

พระตรัสเหตุแห่งสิ่งนั้น

พร้อมความดับที่เหตุนั้นด้วย

พระองค์ตรัสเพียงเท่านี้

วิกฤตสังคม “คลั่งเครียด” เพราะวงจรอุบาทว์ของยาบ้าหรือยาผีบ้าวันนี้จึงต้องช่วยกัน “ขจัดเหตุ” ไม่ใช่เอาแต่ “เผด็จผล” ลูกเดียว

หลังข่าว “คลั่งฆ่า” ที่หนองบัวลำภูเริ่มมีข้อมูลทั้งเรื่องยาบ้าและอาวุธปืน พร้อมจำนวนครั้งของเหตุการณ์พรั่งพรูออกมามากมาย ถึงกับจัดสถิติว่าไทยเรามีสถิติในเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วยซ้ำ

จำเพาะข้อมูลเรื่องการถือครองอาวุธปืนนั้นว่ามีถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร คือในหนึ่งร้อยคนนั้นมีอาวุธปืนกันถึงสิบห้าคน

คนมีปืนนั้นความคิดจะอยู่ที่ปืนเป็นหลัก

นี้เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง

และเป็นปัจจัยสำคัญให้ระเบิดความ “คลั่งเครียด” ออกมาตลอดเวลาดังข่าวมีอยู่ทั่วโลกเวลานี้

ยาบ้ายิ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญให้คน “คลั่ง” แม้ไม่มีอาวุธคนคลั่งก็ทำร้ายและทำลายให้เกิดความเสียหายได้ กระทั่งทำร้ายและทำลายตนเองด้วย

ส่วนความ “เครียด” นั้นเหมือนจะเป็นธรรมชาติของคนอันมีอยู่ในตัวทุกคนเป็นประจำ คือปัญหารอบตัวที่เผชิญทุกวัน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กับอีกจิปาถะ

ยิ่งโลกยุคจอแผ่นคนยิ่งตกเป็นเหยื่อมันชนิดวางไม่ลงเลยละ…ก็มันอยู่ในมือนี่ไง

 

นักจิตวิทยาบอกว่า คนที่มักเอาแต่รู้สึกนั้น ที่สุดจะกลายเป็นโรคประสาท คนที่มักเอาแต่คิดนั้นที่สุดจะกลายเป็นโรคจิต และคนที่มักเอาแต่ทำๆๆ ไม่คิดไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ที่สุดจะกลายเป็นอาชญากรได้ง่าย

เวลานี้เหมือนเราจะมีแต่คนไม่คิดไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น หากจะคิดจะรู้สึกก็ดูจะ “จอมปลอม” เพราะตกเป็นเหยื่อของโลกยุคจอแผ่นนี่ไง

พุทธธรรมอธิบายว่า จิตเรานี้มีสามบทบาทคือ รู้สึก-นึก-คิด ภาษาพระเรียกเวทนา (รู้สึก) สัญญา (นึก) สังขาร (คิด) ดังอธิบายในขันธ์ห้านั้น

ปัจจุบันโรคใหม่ของโลกยุคใหม่คือ โรค “ซึมเศร้า” โรคนี้สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากคนที่มักเอาแต่ “นึก” อันเป็นหนึ่งในบทบาท “รู้สึก-นึก-คิด” ของจิตนี่กระมัง คือหนักอยู่แต่นึก จมอยู่ในภวังค์หรือวังวนของจินตนาการส่วนตัวโดยไร้ทั้งความรู้สึกและความคิด จึง “ซึมเศร้า” อยู่กับตนเอง

แม้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายกลางเครื่องไม้เครื่องมือหรือนวัตกรรมโลกยุคใหม่ นี่แหละ ยิ่งทำให้ “วังเวงกับวังวน” จนซึมเศร้า เหงาเปลี่ยวเดียวดายกันอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองวันนี้

ถ้าไม่ช่วยกันขจัดเหตุ มัวแต่เผด็จผล

สังคมคลั่งเครียดก็จะยิ่งทำให้คนเป็นอย่างวันนี้มากขึ้นคือ

ผีบ้าเพราะยาบ้า!

คลั่งเครียด

“สังคมเลวทำคนให้เป็นผี

สังคมดีทำผีเป็นคนได้”

คำผู้รู้เคยเอ่ยเคยว่าไว้

คือโลกใหม่ คนใหม่ … สังคมเลว

คนที่มียาบ้ามีอาวุธ

สติหลุดสุดหล้าปัญญาเหลว

ปัญหารุมคลุ้มคลั่งดั่งไฟเปลว

ลุกล้อมรอบขอบเหวแห่งหายนะ

ขมวดเครียดเคียดแค้นอยู่แน่นอก

ผีนรกจกกบาลไม่ผันผละ

วนวังเวงเคว้งคว้างไม่ร้างละ

ชีวิตคือเศษสวะในวังวน

จึงคลั่งแค้นคลั่งเครียดจนคลั่งฆ่า

ล้วนผีห่าซาตานมันพล่านพ่น

ยาผีบอกผีบ้ามาร่ายมนต์

ผลักผู้คนหล่นจมอเวจี

โลกความฝันมีได้ในความฝัน

ขณะดั้นดิ่งจมสังคมผี

อย่าหวังเลยคุณธรรม และความดี

ตราบยังมี “ยาบ้า” … มาฆ่าคน! •

 

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์