(เรื่องสั้น) นิติ ภวัครพันธุ์ : ความลับของพจมาน (จบ)

ย้อนอ่านเรื่องสั้น ความลับของพจมาน ตอนแรก (คลิก)

แล้ววันหนึ่งแม่ก็หายไป ตอนนั้นพจมานเริ่มเป็นสาวแล้ว แม่หายไปโดยไม่บอกใครว่าไปไหน ไม่บอกแม้แต่ยายหรือพจมาน แต่ยายก็ดูไม่เศร้าโศกอะไรนัก กลับพูดว่าไปซะได้ก็ดี

“แม่มึงมันไม่รักดี ไปซะได้ก็ดี กูจะได้ไม่ขวางหูขวางตา” ยายบอกกับพจมาน

คืนที่แม่หายไปแม่เมากลับบ้าน พอเข้าบ้านก็ร้องเรียกลูกสาว

“วันนี้กูโชคดีเว้ย อีมาร กูชนะไพ่ได้เงินแยะ มึงมาฉลองกับกูหน่อย”

ยายซึ่งอยู่ในครัวทำกับข้าว ได้ยินเสียงแม่ก็ออกมาดู พอเห็นว่าแม่เมาเหล้าส่งเสียงดังยายก็โกรธต่อว่าแม่ ทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน

พจมานรำคาญแม่และยายจึงเดินออกจากบ้านไปนั่งอยู่คนเดียวใต้ต้นขนุนในวัด นั่งอยู่จนทนยุงกัดไม่ไหวเธอก็เดินกลับเข้าบ้าน เห็นแม่นอนกรนเสียงดังอยู่ในห้องโถงด้านหน้าของครัว ยายเห็นพจมานก็ถามว่าไปไหนมาแล้วชวนเธอกินข้าว ไม่แยแสกับแม่ที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ใกล้ๆ กินข้าวเสร็จไม่นานยายและพจมานก็เข้านอนเพราะยายต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำขนม ทั้งสองนอนในห้องที่ตาเคยนอน ส่วนแม่ยังสลบไสลอยู่ที่เดิมในห้องโถง

ตกกลางดึกพจมานสะดุ้งตื่น รู้สึกว่าบ้านสั่นเหมือนมีใครกำลังเขย่าบ้าน เธอได้ยินเสียงคล้ายเสียงลมพัดหวิวๆ ในห้องโถงที่แม่นอนอยู่ สักพักหนึ่งก็มีเสียงดังโครมเหมือนอะไรบางอย่างตกลงบนพื้น แล้วบ้านก็หยุดสั่น เสียงลมพัดหายไป

พอได้สติเธอลุกออกจากมุ้งที่นอนกับยาย เดินเข้าไปในห้องโถง เปิดไฟดูก็ไม่เห็นใครและไม่เห็นแม่ด้วย เธอจึงเดินเข้าไปดูในครัวแต่ไม่มีใคร ร้องเรียกแม่ก็ไม่มีเสียงตอบ เดินดูจนทั่วแต่ไม่เห็นแม่ พอกลับเข้าไปในห้องโถงเธอเห็นรูปหล่อองค์เจ้าแม่อยู่บนพื้นห้องก็ประหลาดใจ เพราะจำได้ว่าเธอวางเจ้าแม่ไว้บนหิ้งในห้องที่นอนกับยาย ซึ่งเป็นที่ประจำที่เธอวางเจ้าแม่ไว้

แต่คืนนี้เธอกลับมาเจอเจ้าแม่บนพื้นห้องนี้ จึงหยิบเจ้าแม่ขึ้นมาแล้วเดินไปวางบนหิ้งในห้องนอน ปลุกยายที่ยังหลับอยู่บอกว่าแม่หายไป ยายงัวเงียเปิดตาดูเธอ งึมงำๆ ในคอแล้วหลับต่อ พจมานเรียกยายอีกหลายครั้งแต่ยายไม่ยอมตื่น จนเธอเลิกความพยายาม นั่งลงข้างมุ้งมองไปที่ห้องโถง แล้วเงยหน้ามองที่หิ้ง นึกสงสัยว่าแม่ไปไหน และเจ้าแม่ไปอยู่ในห้องโถงได้ยังไง

ตั้งแต่นั้นมาพจมานไม่เคยเห็นแม่อีกเลย ยายก็ไม่เห็นและทำท่าทางเหมือนไม่แยแสว่าแม่ไปไหนหรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอคิดถึงแม่ ภาวนาในใจให้แม่กลับมา และเดาว่ายายก็คงรู้สึกคล้ายๆ กัน ยายปากแข็งไปอย่างนั้นแหละ-เธอคิด-เพราะบางคืนเธอเห็นยายนั่งอยู่ที่หน้าบ้าน ชะเง้อมองออกไปที่ทางเดินเข้าบ้าน ยายคงกำลังรอแม่อยู่

แต่บางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนแม่อยู่ใกล้ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธออยู่คนเดียวในห้องที่นอนกับยาย

พจมานไม่ชอบพฤติกรรมบางอย่างของแม่ เธอไม่ชอบที่แม่มักยิ้มให้หรือชอบพูดทีเล่นทีจริงกับพวกผู้ชาย และก็ไม่ชอบผู้ชายที่มากับแม่แล้วจ้องมองเธอ หรือพูดล้อเล่นหรือเซ้าซี้เธอ เธอจึงไม่พูดเล่นหรือแสดงท่าทีอะไรกับผู้ชาย เวลาที่ถูกตอแยหรือหยอกล้อเธอจะเดินหนี ไม่ต่อปากต่อคำด้วย แต่เธอก็หนีไม่พ้นที่จะถูกจ้องมองเพราะหน้าตาสะสวยเหมือนแม่

ยิ่งโตเป็นสาวก็ยิ่งสวย เธอจึงเป็นเป้าสายตาของคนในตลาด โดยเฉพาะชายหนุ่ม บางคนถึงกับพูดแทะโลมเกี้ยวพาราสีเธอ แต่เธอไม่เคยแยแสสนใจ

หนึ่งในผู้ชายที่ชอบพูดจาแทะโลมพจมานคือแม็ก เล่ากันว่าตอนที่แม่ตั้งท้องแม็ก พ่อมันไปดูหนังสงครามที่มีนายพลแม็กอาเธอร์เป็นตัวเอก พ่อชอบใจนายพลคนนี้มาก พอได้ลูกชายพ่อเลยเรียกว่าแม็ก

“ชื่อมันเท่มั้ย แม็ก เหมือนนายพลแม็กอาเธอร์โว้ย” พ่อแม็กเคยบอกลูกน้องที่บ่อนด้วยความภาคภูมิใจ

พ่อแม็กเป็นนักเลงคุมบ่อนที่ท้ายตลาด แม้ว่าจะเป็นบ่อนที่ไม่ใหญ่มากนักแต่พ่อก็มีลูกน้องหลายคนช่วยดูแลบ่อน แม็กจึงเติบโตขึ้นมาท่ามกลางนักเลงคุมบ่อน ซึ่งสอนให้มันชกต่อยตั้งแต่เล็กๆ สอนให้เล่นไพ่และการพนันชนิดต่างๆ บางครั้งแม็กเห็นลูกน้องพ่อกระทืบคนที่มาเล่นพนันแล้วโดนจับได้ว่าโกง ลูกน้องพ่อบางคนที่ใจดีก็ให้เงินมันไว้ใช้ พอโตเป็นวัยรุ่นถ้าลูกน้องพ่อตั้งวงกินเหล้าก็จะชวนแม็กกินด้วย บางครั้งก็พาไปเที่ยวผู้หญิง แม็กจึงชอบมั่วสุมกับลูกน้องพ่อ ไม่ชอบไปโรงเรียน เกเรหนีเรียนจนโดนไล่ออก พ่อจึงเอามันมาช่วยที่บ่อน ซึ่งถูกใจแม็กมากเพราะมันชอบอยู่ที่บ่อน

แม็กมีเพื่อนสนิทที่เรียกกันเล่นๆ ว่าดา – ชื่อจริงของมันคือสุเทพ พ่อเป็นตำรวจประจำการอยู่ที่สถานีตำรวจที่ห่างจากตลาดไปราวสามกิโลเมตร คำว่าดามาจากเทวดา คำที่พ่อเรียกด้วยความหมั่นไส้ เพราะแม่ของสุเทพรักและเอาใจลูกชายคนนี้มาก อะไรก็ยอมให้ ทำให้ทุกอย่าง ไม่เคยขัดใจ ผู้เป็นพ่อจึงเรียกลูกชายตัวเองว่าเป็นเทวดา ซึ่งกลายเป็นชื่อเล่นที่เพื่อนๆ ของสุเทพเรียกมัน – แม็กกับดาสนิทกันมาก มักไปไหนมาไหนด้วยกัน เวลาที่ดามาที่บ่อน ลูกน้องพ่อก็ไม่ว่าอะไร ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นลูกตำรวจ

แม็กชอบพจมาน เห็นเธอเมื่อไรก็จะเข้าไปพูดจาหยอกล้อหรือเกี้ยวพาราสี แต่พจมานไม่ชอบแม็กเลยจึงเดินหนีเสมอ แต่ถ้าเธอมากับดำ ดำก็จะสวนแม็กกลับด้วยคำด่า แม้ว่าแม็กจะโกรธเพียงใดก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับดำเพราะดำตัวใหญ่และแข็งแรงมาก บ่อยครั้งเข้าแม็กก็ผูกใจเจ็บ ทั้งต่อดำและโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพจมาน มันจึงรอวันแก้แค้น

แล้ววันนั้นก็มาถึง แม็กบอกให้ดาไปรอดูที่หน้าบ้านของพจมาน ถ้าเห็นยายของเธอเอาขนมออกไปขายที่ตลาดและพจมานอยู่บ้านคนเดียวก็ให้มาบอกมันที่บ่อน พอดามาบอกมันว่ายายไปตลาดแล้ว แม็กก็เอาปืนสั้นของพ่อที่หยิบมาจากตู้ในบ้านเสียบไว้ที่เข็มขัดกางเกงแล้วเดินออกจากบ่อนพร้อมกับดาไปที่บ้านของพจมาน หลังจากที่ดูลาดเลาจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่นอกจากพจมาน แม็กและดาก็เข้าไปในบ้าน พอพจมาน ซึ่งกำลังถูห้องโถงอยู่เห็นแม็กและดาก็ถามว่ามาทำอะไร

“มาเที่ยว อยากเจอเธอ” แม็กตอบ แต่พจมานไม่แสดงไมตรีด้วย กลับไล่มันทั้งสองคนออกจากบ้าน

“พูดดีๆ ก็ได้ ไล่กูทำไม?” แม็กเริ่มมีอารมณ์ “กูพูดกับมึงดีๆ แล้วนะ”

“นี่บ้านกู มึงไม่ต้องมา มึงกับเพื่อนมึงไม่ต้องเข้ามาเลย ออกไป” พจมานสวนกลับเสียงดัง

“อีห่านี่ พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องหรือ?” จบคำแม็กก็คว้าแขนพจมาน ดึงเธอเข้าหาตัว

“มึงจับแขนกูทำไม? อย่ามาทำเหี้ยๆ กับกู” พจมานสะบัดแขนที่ถูกจับ ส่วนมืออีกข้างที่ไม่โดนจับก็ตบตีแม็ก

“วันนี้มึงเสร็จกูแน่ อีมาน” แม็กตะคอก มืออีกข้างชักปืนสั้นที่เสียบไว้ที่เอวขึ้นมา

“มึงเสร็จกูแน่”

มันย้ำ แล้วเรียกดาให้ช่วยจับพจมาน ดานั้นยืนตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ จนแม็กตะโกนเรียกซ้ำ มันจึงเข้าไปจับแขนอีกข้างของพจมาน แล้วทั้งสองคนก็ฉุดกระชากลากเธอเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ข้างๆ

“ไอ้ดา มึงกดตัวมันนอนลง” แม็กสั่งดาพร้อมกับเอาปืนจ่อที่หน้าผากของพจมาน

“มึงหุบปากซะ ขืนแหกปากกูจะยิงให้หัวกระจุย” พจมานทั้งตกใจทั้งกลัว จะดิ้นก็สู้แรงไม่ไหว แม็กกดปืนบนหน้าผากเธอแรงขึ้นจนเธอต้องยอมนอนลงบนพื้น

ทันใดนั้นแม็กรู้สึกว่าปืนที่ถือไว้เริ่มสั่น มันสั่นแรงขึ้นๆ ลำกล้องปืนก็เริ่มยาวขึ้น เหมือนสิ่งมีชีวิตที่งอกยาวเองได้ มันสะบัดตัวไปมาจนแม็กเซถลาตาม จนมือข้างที่จับแขนพจมานไว้หลุดออก ลำกล้องยาวยื่นขึ้นไปในอากาศจนได้เมตรกว่าก็งอตัวเข้าหาแม็ก แล้วปากกระบอกก็ขยายตัวบานออก กลายเป็นงูเห่าตัวใหญ่ดํามะเมื่อม ด้ามปืนที่แม็กจับอยู่กลายเป็นหางงูที่ม้วนตัวรัดมือและแขนของแม็กแน่นขึ้นๆ แม็กตกใจจนเยี่ยวแตก สะบัดมือที่จับปืนอยู่แต่ก็รู้สึกว่าโดนรัดแรงขึ้น มันดิ้นรนพยายามร้องให้ดาช่วยแต่ไม่มีเสียงออกจากปาก งูเห่าตัวโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วมันก็อ้าปากอันกว้างใหญ่งับศีรษะของแม็ก จากนั้นก็ค่อยๆ ขย้อนกลืนแม็กเหมือนงูที่กำลังขย้อนกินเหยื่อ ร่างของแม็กค่อยๆ หายเข้าไปในท้องงูจนเหลือแต่แขนข้างที่จับปืนอยู่ที่กลายเป็นหางของงู แต่มันก็ไม่หยุด กลับกลืนแขนข้างนั้นเข้าไปจนถึงหางของมัน จากนั้นมันก็กลืนหางของตัวเองเข้าไป งูกลืนตัวมันเองจนหมดหายไป ไม่มีอะไรเหลือไว้ เหมือนน้ำที่ระเหยหายไปในอากาศ

ดาตกใจสุดขีด ได้แต่อ้าปากค้างนั่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอได้สติมันรีบลุกขึ้นวิ่งออกจากห้อง แต่ยังไม่ถึงประตูบ้านมันก็รู้สึกว่ามีแรงบางอย่างดึงตัวมันไว้ มันออกแรงฝืนแต่สู้แรงนั้นไม่ได้ ยิ่งฝืนยิ่งดิ้นก็รู้สึกว่าถูกดึงแรงยิ่งขึ้น มันถูกดึงกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วร่างของดาก็ถูกเหวี่ยงไปรอบๆ เหมือนพายุลมบ้าหมูที่หมุนเป็นวงกลม ค่อยๆ หมุนตัวช้าๆ แล้วเร็วขึ้นๆ แรงเหวี่ยงนั้นทำให้เกิดเสียงลมดังหวีดหวิว ทั้งห้องและบ้านเริ่มสั่นเพราะแรงเหวี่ยง ซึ่งยิ่งเหวี่ยงแรงขึ้นเท่าไรก็ยิ่งแคบหดตัวลงเท่านั้น ร่างของดาที่ถูกเหวี่ยงไปรอบห้องค่อยๆ ถูกดูดเข้าสู่ศูนย์กลางของแรงเหวี่ยง ในที่สุดร่างของมันก็ถูกดูดหายวับไปในศูนย์กลางของแรงเหวี่ยง แล้วทุกอย่างก็สงบลง ไม่มีแรงเหวี่ยงหรือเสียงลม ไม่มีร่างของดาและแม็ก เหลือแต่พจมานที่นั่งอยู่บนพื้น ตกใจงงงวยกับสิ่งที่เธอเห็น และเป็นประจักษ์พยานเพียงคนเดียวในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บนพื้นห้องตรงที่ดาถูกแรงเหวี่ยงดูดหายไปนั้นพจมานเห็นเจ้าแม่วางอยู่ เธอไม่รู้ว่าเจ้าแม่มาอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร แต่มันทำให้เธอหวนระลึกถึงคืนที่แม่หายไป

นอกจากพจมาน ไม่มีใครรู้ว่าแม็กและดาหายไปไหน พ่อแม่ของทั้งสองคนออกหาลูกชายแต่ก็ไม่เจอ พ่อของแม็กถึงกับตั้งรางวัลก้อนงามสำหรับใครก็ตามที่หาแม็กเจอ ส่วนพ่อของดาก็ได้ตำรวจทั้งโรงพักออกตระเวนหาแต่ก็ไร้ผล ไม่มีวี่แววของชายหนุ่มทั้งสอง ไม่มีข่าวคราวอะไรทั้งนั้น

ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ พจมานไม่รู้สึกกลัวอีกเลย เธอมีความมั่นใจว่าเธอและยายจะปลอดภัย ทุกคืนเธอจะเปลี่ยนแก้วน้ำและพวงมาลัยที่บูชาเจ้าแม่ที่ประทับอยู่บนหิ้งในห้องนอน แล้วสวดอธิษฐานขอให้เจ้าแม่คุ้มครองเธอและยาย

บางคืนหลังจากที่อธิษฐานเสร็จ เธอรู้สึกเหมือนเจ้าแม่กำลังยิ้มให้ และบางคืนก็รู้สึกเหมือนแม่อยู่ในห้องด้วย

พจมานมีความลับ เจ้าแม่ก็มีความลับ

เป็นความลับที่พจมานไม่รู้

และคงไม่รู้ตลอดไป