ทางคน ทางวัว ทางปีศาจ | ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด : ศรีวรรณ

ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด | ศรีวรรณ

ทางคน ทางวัว ทางปีศาจ

 

เช้าของวันปกติ

สภาพอากาศแจ่มใสตามปกติ

พื้นผิวถนนสายชนบทปกติไร้หลุมบ่อ รวมถึงสภาพรถ แม้จะเก่า แต่เครื่องยนต์กลไกยังขับได้ปกติดีทุกอย่าง

ทว่า ยามนี้ การขับรถตามเส้นทางบนความปกติ กลับเป็นสิ่งยากเย็น

เมื่อต้องต่อสู้กับปีศาจที่แอบซ่อนตัวอยู่

 

คนกับวัว

คําสอนทื่อๆ ซ้ำซาก ของครูประถม ที่เด็กเลี้ยงวัวโง่ๆ อย่างเขาเคยมีโอกาสเรียน บอกว่าปีศาจร้ายกาจที่สุดสองตัวคือยาเสพติดและการพนัน ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจ ไม่ใส่ใจ หรือไม่ให้ความสำคัญ ก็ยากจะสรุป แต่เมื่อปีศาจตนแรกเข้าสิงสู่ เขาจึงประจักษ์ความจริงเชยๆ นี้เต็มชีวิต

ออกจากสถานพินิจคดียาเสพติดได้ไม่เท่าไร ก็ต้องกลับเข้าไปอีกครั้ง เพราะปีศาจตนเดิม

เด็กไร้สัญชาติ ขาดครอบครัว มีทางเลือกในชีวิตไม่มากนัก ญาติห่างๆ ที่เคยเลี้ยงดูตามประสา ก็ไม่รู้ห่างกันแค่ไหน และเป็นความจริงเพียงใด เพราะตั้งแต่โดนจับครั้งแรก สายสัมพันธ์นั้นก็ขาดสะบั้น สืบหากันไม่เจอ เขาไม่ถือโกรธ ชีวิตแร้นแค้นต้องแถกไถดิ้นรน ลำพังบรรดาลูกของแกเองก็แตกฉานซ่านเซ็น เขาจึงมีเพียงเพื่อนแก๊งเดิม ประคองชีวิตเน่าๆ กันไปด้วยมิจฉาอาชีพ นั่นเป็นเหตุให้เขาต้องย่างเท้ากลับสู่การจองจำอีกครั้ง และครั้งนี้เอง ที่ความเจ็บปวดช่วยขัดเหลี่ยมคมของความเขลา ยามโผล่หน้าออกสู่เสรีภาพอีกครั้ง จึงตั้งใจมั่น จะไม่ให้ปีศาจตนเดิมสิ่งสู่อีกแล้ว

ขึ้นรถไฟมุ่งสู่แดนใต้ ตายดาบหน้า ขอเพียงสลัดพ้นจากวิถีอันหมักหมมจมปลักแบบเดิม แต่การศึกษาปอหก ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร โอกาสที่มีคงเป็นเพียงแรงงานแบบลักลอบด้อยค่า และแล้วโชคชะตาก็จัดวางชีวิตตามความเหมาะสม นำเขาให้ได้พบกับ ครูบุญ และขาวฟ้าประทานพร ในอาชีพเด็กเลี้ยงวัว

…เป็นจุดเริ่มต้นภายใต้ร่มเงาของปีศาจตนที่สอง ที่ชื่อว่าการพนัน เขาบอกตัวเองว่า ถึงจะอยู่ในร่มเงา แต่ไม่ยอมให้มันสิงสู่อีกแล้ว

ครูบุญ เป็นผู้มากบารมี แต่ไม่ใช่แบบผู้มีอิทธิพลทั่วไป ผู้คนศรัทธานบนอบ ทุกสิ่งที่ครูบุญพูดมีพลังขับเคลื่อน ทั้งข้าราชการ และนักการเมืองท้องถิ่น อำนาจเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย มันประกอบด้วยหลายเหตุผล

การอยู่ใต้ร่มเงาของครูบุญ ได้เป็นหนึ่งในทีมดูแลขาวฟ้าประทานพร วัวที่ไม่เคยแพ้ใคร ทำให้ตัวตนของเขาขยายใหญ่ขึ้น ถึงแม้จะเป็นเพียงในสังคมเด็กเลี้ยงวัว แต่ช่างแตกต่างจากรอยชีวิตเดิม เขาจึงพยายามศึกษาเรียนรู้ ทุ่มเท และเอาใจใส่ขาวฟ้าประทานพร อย่างสำนึกคุณ ไม่นานจึงได้รับความไว้วางใจให้จูงมันออกกำลังกายในตอนเช้า

ขณะเคียงข้างไปกัน เขาเฝ้าพินิจลักษณะ คิ้วหนา ตาเล็ก เขาใหญ่ คอหนา หนอกรูปก้อนเส้า ไล่ไปถึงลูกอัณฑะและหาง ขาวฟ้าประทานพรสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ สายตาจากภายนอกที่มองเข้ามา อาจประเมินค่าราคาวัวตัวละสองล้าน ขณะที่เด็กเลี้ยงวัวอย่างเขาไร้ราคา แต่สำหรับเขา มือที่ถือเชือกเชื่อมโยงชีวิตวัวกับคน สายสัมพันธ์แห่งหัวใจ ผสานตัวตนเข้ากับวัวคู่บารมีครูบุญผู้ไม่เคยแพ้ คุณค่าไม่ใช่ราคา แต่เป็นเรื่องลี้ลับยากอธิบาย เขาจึงเฝ้ารอการได้จูงมันออกไปเดินไปวิ่ง ทุกเช้า-เย็น

มันคือเวลาที่เขากลายเป็นอีกคน

 

วัวกับคน

ครูบุญแตกต่างจากผู้มีอิทธิพลทั่วไป จริงอยู่ ฐานะร่ำรวยจากธุรกิจสัมปทาน มีลูกน้องเป็นโขยง และกว้างขวาง แม้ ส.ส.ในพื้นที่ยังยำเกรง สิ่งใดหากครูบุญเอ่ยปาก ไม่มีใครกล้าขวาง แต่ครูบุญไม่พาตัวเองลงสู่สนามการเมืองเหมือนที่คนอื่นชอบทำกัน ไม่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ให้ใครเกรงกลัว กลับช่วยเหลือเพื่อนพ้องท้องถิ่นโดยไม่หวังผล ผู้คนเรียกขาน -ครูบุญ- ด้วยความเคารพ แม้จะลาออกมาตั้งแต่ยังหนุ่ม บุกเบิกทำธุรกิจจนกลายเป็นเจ้าพ่อผู้กว้างขวาง และแม้จะมีเสียงกระซิบกระซาบกันบ้างว่า คดีฆาตกรรมหลายคดี มีครูบุญอยู่เบื้องหลัง แต่ก็เพราะคนเหล่านั้นล้ำเส้นครูบุญก่อน

จำวันแรกที่เจอครูบุญได้ นั่งนิ่งฟังเขาเล่าประวัติ จับจ้องเข้าในดวงตา เหมือนจะค้นหาบางอย่าง ยิ้มมุมปากหลังฟังจบ ลุกจากโซฟา แยกไม่ออก เหมือนเยาะเย้ย เหมือนเป็นมิตร

“หาที่อยู่ให้มันด้วย ให้มันเป็นลูกมือไอ้เด” หันกลับมาพูดกับลูกน้องหน้าเข้มเมื่อเกือบลับหลัง เดคือหัวหน้าทีมดูแลขาวฟ้าประทานพร เขารู้เหตุผลภายหลังว่า เขาได้รับโอกาสที่ใครต่างอิจฉา เพราะตัวคนเดียวไร้ญาติมิตรคนรู้จัก มีเหตุการณ์หลายครั้งที่เด็กเลี้ยงวัวเป็นญาติกับฝ่ายตรงข้าม แล้วรับงานมาวางยาวัวที่ตัวเองเลี้ยง

…ครูบุญเป็นคนฉลาด ยากจะเข้าใจ ดูใจดี แต่ก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน

เวลาผันผ่าน หลังจากพี่เดอำลาวงการ เขาก้าวขึ้นแทน เพราะความเข้าอกเข้าใจกันกับวัวคู่บารมี เช่นที่เขาได้รู้จักตัวตนครูบุญมากขึ้น ว่าต้องการยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่ ยึดถือความสมบูรณ์แบบ และรับไม่ได้กับความพ่ายแพ้ ครูไม่เล่นการเมืองเพราะมันคือห่วงโซ่ที่ไม่สิ้นสุด รวมถึงการใช้พระคุณแทนพระเดชนั่นด้วย เพราะรู้ว่าในวงการอำนาจ ไม่มีใครอยู่ที่จุดสูงสุดได้นานจากการปะทะ แต่การสร้างเครือข่ายที่มากกว่า คือการถืออำนาจเหนือบรรดาเครือข่ายเหล่านั้นไปโดยปริยายและยาวนาน

…แม้กระทั่งเรื่องวัวชน ครูบุญไม่ได้ต้องการเงินทองจากการนี้ ถึงเดิมพันแต่ละครั้งจะสูงนับสิบล้านก็ตาม และการเลี้ยงวัวแค่สองตัว ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับระดับครูบุญ แต่นั่นคือเหตุผล วัวหลักคือตัวที่ต้องไม่แพ้ใคร ขณะที่อีกตัว เฟ้นเลือกอย่างดีเพื่อก้าวขึ้นแทนเมื่อถึงเวลา ค่อยไต่เต้า หากแพ้ก็ขายทิ้ง คัดตัวใหม่ วัวแพ้ไม่เคยอยู่ในคอกของครูบุญ ชื่อเสียงของขาวฟ้าประทานพรจึงกระฉ่อน ทั้งนครศรีฯ สุราษฎร์ฯ พัทลุง ไปจนถึงสงขลา ควบคู่ไปกับชื่อครูบุญ เจ้าของวัวที่ไม่เคยแพ้ใคร

กระนั้น ในฐานะผู้รู้จักขาวฟ้าประทานพรดี แม้มันจะมีลักษณะวัวไร้ที่ติ ชนดี ใจดี แรงดี แต่มันไม่ได้ไร้เทียมทานขนาดนั้น น้ำเลี้ยงดีก็ส่วนหนึ่ง การตามดูวัวอื่นก่อนเลือกเปรียบวัวก็ส่วนหนึ่ง มีบางครั้ง เมื่อเสียงเรียกร้องรุนแรงให้ต้องเปรียบกับวัวแกร่งบางตัว ก็ต้องใช้วิชามาร เคยสองครั้งที่เขายัดเงินเกือบครึ่งล้านใส่มือเด็กเลี้ยงวัวเพื่อให้วางยาวัวฝ่ายตัวเอง

ขาวฟ้าประทานพรจะแพ้ไม่ได้ ตราบที่มันยังเป็นวัวหลักของครูบุญ

 

วัวกับวัว

เขาได้เพิ่มเงินเดือนเกือบเท่าตัว หลังจากเป็นคนหลักดูแลขาวฟ้าประทานพร จากความทุ่มเทศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นความเข้าใจ สั่งสมเป็นความเชี่ยวชาญ จนได้รับความไว้ใจให้วางแผนการต่อสู้ ครูบุญเอารถกระบะมาให้ใช้ เพื่อเขาจะได้ออกไปติดตามดูวัวที่อาจเป็นคู่ต่อสู้ในอนาคต

เหมือนว่าชีวิตได้ไต่ระดับ แต่เขายังเลือกจูงขาวฟ้าประทานพรออกกำลังกายเช้า-เย็นด้วยตนเอง ส่วนหนึ่งเพราะไม่ไว้ใจใคร แต่อีกเหตุผลเพราะยังรู้สึกถึงความสุขเมื่อถือเชือกพามันเดินไปตามถนน แม้ความรู้สึกใจพองโตอย่างตอนแรกจะเจือจางลงไปบ้าง เช่นที่เขายังซื่อสัตย์ต่อครูบุญในฐานะผู้ที่ชุบชูชีวิต แม้จะรู้เห็นหลายอย่างน่าคลางแคลงใจก็ตาม

ลังสาดบุญชนะเป็นวัวดี แต่น้ำเลี้ยงไม่ถึง คงอีกนานกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ได้ เว้นแต่เปลี่ยนเจ้าของ แดงยอดเด็ดเพชรพายุจากตรัง ชนะหลายครั้ง เป็นวัวใจสู้ แต่เหลี่ยมวัวขาวฟ้าประทานพรเหนือกว่า ไม่น่ากลัวนัก วัวเหล่านี้ไปดูครั้งสองครั้งก็พอรู้

แต่ไอ้เพชรนิลรุ่งเรือง วัวดำนิลจากพัทลุง ถูกตามดูอย่างใกล้ชิด มันเป็นวัวที่ไม่ได้มีลักษณะสมบูรณ์แบบ แต่ฉลาด เพลงชนหลากหลาย และบ้าดีเดือด เขาบอกครูบุญ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง แต่หากมันชนะไปเรื่อยๆ อาจมีกระแสเรียกร้องให้เปรียบกัน ถึงตอนนั้นคงต้องคิดกันอีกที

ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน นักเลงวัวชนพูดกันว่า หากจะมีตัวไหนเอาขาวฟ้าประทานพรลงจากตำแหน่งวัวไม่เคยแพ้ ก็คงมีแต่เพชรนิลรุ่งเรืองตัวเดียว การพูดเช่นนั้นถึงวัวอื่นคงไม่เป็นไร แต่สำหรับขาวฟ้าประทานพร ถือเป็นการหยามเกียรติ ปากต่อปากกลายเป็นกระแส ตามมาด้วยเสียงเรียกร้อง ครูบุญให้เขาไปดูฟอร์มมันอีกครั้ง เขากลับมาบอกแบ่งรับแบ่งสู้

“น่ากลัวครับ ห้าสิบห้าสิบ”

นั่นไม่ใช่คำตอบที่ครูบุญพึงใจ แต่ไม่อาจทานกระแส เส้นทางแห่งศักดิ์ศรีวัวชน นำพวกมันมาบรรจบพบกัน จึงนัดวันเปรียบวัว

เขารู้จักเพลงชนและผูกพันขาวฟ้าประทานพรมานาน ในวันนั้นเอง เมื่อสองตัวอยู่เคียงข้างกัน เพลงชนของเพชรนิลรุ่งเรืองที่ตามดูหลายครั้งฉายชัดขึ้น ห้าสิบห้าสิบที่เคยบอกครูบุญไป ควรต้องลดลงอีก วัวมันแพ้เหลี่ยม เพชรนิลรุ่งเรือง ฉลาดครบเครื่องกว่า ขณะที่ใจสู้และพละกำลังมีไม่แพ้กัน นึกสงสารครูบุญจับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหลังจากนั้น มีข่าวออกทีวี เดิมพันสูงถึงเจ็ดสิบล้านบาท หากพ่ายแพ้ออกสื่อ ศักดิ์ศรีด้านนี้ที่สะสมมาก็หมดสิ้น

เสียงกระซิบในหัวอันชั่วร้าย ชวนคิดไปเรื่อยเปื่อย ค่อนข้างมั่นใจว่าขาวฟ้าประทานพรจะแพ้ ถึงตอนนั้น ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร เพราะความพ่ายแพ้ของมัน หมายถึงความพ่ายแพ้ของครูบุญ และความพ่ายแพ้ของเขาด้วย แต่ในเมื่อขาวฟ้าประทานพรกับครูบุญไม่อาจแพ้ เขาอาจต้องแบกรับผลนั้นแต่เพียงผู้เดียว หากเขารวบรวมเงินเก็บ และอาจหยิบยืมอีกสักหน่อย ไปรองเพชรนิลรุ่งเรืองไว้ คงได้เงินมากโข

แต่นั่นเท่ากับเขาต้องยอมให้ปีศาจร้ายสิงสู่ และต้องกลายเป็นคนเลวมากพอจะทรยศผู้มีพระคุณ

 

คนกับคน

ช่วงเก็บตัวยี่สิบกว่าวันที่สนามกลาง เขาได้รู้จักเชษฐ์ในวงเหล้า ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แผนการถูกวางไว้

แม้จะอยู่ฝ่ายตรงข้าม แต่การพูดภาษาเดียวกัน รักในสิ่งเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชะตาชีวิตที่คล้ายคลึงกัน ยามเมื่อมองตาข้ามขวดเหล้า ความรู้สึกภายในได้ผสานเขากับเชษฐ์สนิทแนบแน่นเหมือนเป็นพี่น้อง

เชษฐ์กำพร้า อาศัยอยู่กับยาย ต่อมามีหลานฝากเลี้ยงอีกสองคน ยายมีอาชีพเก็บผักขาย เลี้ยงสี่ปากท้องไม่ไหว จึงฝากเชษฐ์ไว้กับหลวงพ่อที่วัด จนเถ้าแก่เนี้ยร้านทองแห่งเมืองลุงมาทำบุญ พูดคุยถามไถ่ จึงพาไปอยู่ด้วย ช่วยงานจิปาถะ มีเงินเดือนไม่มาก กินอยู่พร้อม กระทั่งเถ้าแก่ผู้ชายเห็นเชษฐ์แอบเปิดหนังสือวัวชนอ่านอย่างหลงใหล เลยพามันไปดูคอก จนกลายเป็นเด็กเลี้ยงวัว คู่ขาเจ้าเพชรนิลรุ่งเรืองในที่สุด ขณะที่ตัวเขาเองก็เปิดเผยเรื่องราวชีวิต กระทั่งความคิดความรู้สึก อย่างจริงใจเช่นกัน

เมื่อใจถึงใจกันแล้ว เขาเปิดฉากเจรจา หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่การต่อรองหักเหลี่ยมมุมอย่างที่เคยทำ กลับเป็นการพูดคุยอย่างเข้าอกเข้าใจตรงไปตรงมา

“เชษฐ์กูพูดกับมึงตรงๆ นะไอ้น้อง กูรู้ว่ามึงจะไม่พูดต่อ” เขาพูดจากความรู้สึก “มึงจะเอาเท่าไหร่ วัวกูต้องชนะ” เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำว่าวางยา หรือชี้บอกวิธีการที่ใครในวงการก็รู้

“ผมเข้าใจพี่นะ ผมเคารพพี่เป็นพี่ของผมจริงๆ แต่เถ้าแก่แกมีพระคุณ ยายกับพวกน้องๆ ไม่ลำบากก็เพราะแก แล้วอีกอย่าง กีฬาวัวชนอาจเป็นเรื่องของเงินสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผม มันเป็นศักดิ์ศรี ทั้งของวัว ของเจ้าของ และของเราที่เป็นคนเลี้ยง ผมรู้ว่าพี่ก็คิดเหมือนผม ผมว่าผมรู้จักพี่ดี เพียงแต่พี่อยู่ในจุดที่เลือกไม่ได้”

“เออ กูก็แค่ถาม นายบอกมา กูก็ทำ งั้นตามใจมึง” เขาคาดเดาคำตอบไว้แล้ว เชษฐ์พูดถูกทุกอย่าง มันมีความคิดอ่านเกินวัย เขาจึงทำได้เพียงเตรียมรับมือ และคิดหาคำพูดไปบอกครูบุญ

ครูบุญนิ่งเงียบ เมื่อรู้ว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว สมุนบางคนพยายามเสนอวิธีเชยๆ ให้วางยาในกอหญ้าข้างเส้นทางที่เพชรนิลรุ่งเรืองออกกำลังกาย เขานึกยิ้มเยาะในใจ วัวระดับนี้ไม่มีใครให้กินหญ้าข้างทางหรอก

“ไอ้เชษฐ์มันเลี้ยงวัวดี ขนาดว่าเดินจูงวัว ตัวยังติดกัน จนแทบต้องแกะอยู่แล้ว คงยากที่จะทำแบบนั้นได้” เขาเลือกเหน็บด้วยถ้อยคำ

“ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ถึงตอนนี้ มึงคิดว่าโอกาสเป็นไง” ครูบุญพูดน้ำเสียงเรียบ จ้องตาเขา

หากจะพูดปลอบใจนายว่าชนะแน่ ก็คือการโกหก ครั้นจะบอกเหมือนเดิมว่า ห้าสิบห้าสิบ นั่นก็หมายความว่าโอกาสยังเปิดกว้าง หากแพ้ ความผิดหวังก็คงถาโถมตามขนาดที่เปิดกว้างนั้น เขาจึงตัดสินใจพูดความจริง

“โอกาสแพ้มีสูงครับครู” เขาก้มหน้า ครูบุญนิ่ง ครุ่นคิด เดินเข้าบ้านไปโดยไม่พูดอะไร ทิ้งเขาและบรรดาลูกน้องตกอยู่ในความงุนงง

 

ทางปีศาจ

สองวันถัดมาลูกน้องครูบุญยื่นกุญแจรถดอกหนึ่งให้เขา บอกว่า รถหกล้อเก่าจอดอยู่ในเหมือง เสร็จภารกิจให้จมรถทิ้งในบ่อขุดกลางเหมืองได้เลย เรื่องอื่นครูบุญจัดการเอง

“แต่ไอ้เชษฐ์ไม่ปล่อยวัวคลาดกับตัวมันเลย” เขาแย้ง นึกภาพเชษฐ์จูงวัวเดินบนไหล่ทางด้านใน โดยตัวมันเองอยู่ด้านนอกเพื่อกันวัวไว้ เขาเคยเล่าเรื่องนี้ให้ครูบุญฟังแล้ว

“ครูรู้” ลูกน้องคนนั้นบอก และหลังจากผ่านความนิ่งงันชั่วครู่ จึงพูดต่อ “มันก็แค่เด็กเลี้ยงวัว”

เขาเข้าใจ คำพูดนี้อาจไม่ใช่ของครูบุญ และคงไม่ออกจากปากครู แต่มันแฝงความหมายไว้แล้วในคำสั่ง

เช้าของวันปกติ

สภาพอากาศแจ่มใสตามปกติ

พื้นผิวถนนสายชนบทปกติไร้หลุมบ่อ

รวมถึงสภาพรถ แม้จะเก่า แต่เครื่องยนต์กลไกยังขับได้ปกติดีทุกอย่าง

ทว่า ยามนี้ การขับรถตามเส้นทางบนความปกติ กลับเป็นสิ่งยากเย็น

เมื่อต้องต่อสู้กับปีศาจที่แอบซ่อนตัวอยู่

…แม้จะยังไม่รู้ชื่อที่แท้จริงของมัน แต่ชัดเจนว่า มันกำลังพยายามครอบงำเขา •