บางอย่างในความรักของเรา (27) / ท่าอากาศยานต่างความคิด : อนุสรณ์ ติปยานนท์

ท่าอากาศยานต่างความคิด

อนุสรณ์ ติปยานนท์

[email protected]

 

บางอย่างในความรักของเรา (27)

 

ผมออกจากห้องของโจดี้ในกลางดึก โจดี้หลับอยู่ในขณะที่ผมเปิดประตูห้องจากมา ผมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของที่พักไว้บนโต๊ะในห้องของเธอ

พรุ่งนี้เธอน่าจะเดินทางไปในเกาะทางใต้ของประเทศ ผมเขียนบอกว่าหากเธอกลับมากรุงเทพฯ อีกครั้งผมยินดีจะพาเธอออกไปสำรวจมุมอื่นๆ ของกรุงเทพฯ หากเธอต้องการ บางตรอกซอกซอยในไชน่าทาวน์ ปากอ่าวไทยบริเวณปากน้ำ ทุ่งนาแถวปทุมธานี

ผมเขียนบรรยายสิ่งเหล่านั้นไว้บนแผ่นกระดาษ และหวังว่าเธอจะอ่านมัน

นอกจากนี้ ผมยังหวังว่าเธอจะติดต่อกลับมา แม้ความหวังนั้นจะเลือนรางเต็มทีก็ตาม

ท้องฟ้าเหนือถนนข้าวสารมืดมิดซึ่งแตกต่างจากร้านรวงในบริเวณนั้นที่ยังเปิดไฟสว่างไสว เสียงดนตรีจากวง Sex Pistols ดังมาจากร้านแห่งหนึ่ง ในขณะที่อีกร้านเปิดเพลงชิลเอาต์ของ Hotel Coates อันทำให้ถนนทั้งสายอลหม่านไปด้วยความหลากหลายของสรรพเสียง

นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหนึ่งจับกลุ่มเต้นกันหน้ารถตู้ที่เปิดเป็นบาร์ขนาดเล็ก ในขณะที่นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มนั่งจับกลุ่มริมถนนพร้อมกระป๋องเบียร์ พวกเขามีสัมภาระวางอยู่ข้างตัวซึ่งน่าจะหมายถึงการเตรียมตัวเดินทาง มีรถบริการมากมายจากที่นี่ไปยังที่อื่นของประเทศ เหนือ ใต้ ออก ตก

ไม่น่าเชื่อว่าในถนนสายเล็กๆ แห่งนี้ คุณสามารถจิ้มนิ้วไปยังที่ต้องการได้หากใจคุณปรารถนาและมีเงินมากพอ มันคือสถานที่ที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางที่จะพาคนมาและไปจากเมืองแห่งนี้ รวมถึงโจดี้ด้วย

 

ผมเดินผ่านแผงเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยบัตรจำนวนมากตั้งแสดงอยู่ มีทั้งบัตรของนักข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ บัตรประจำตัวนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำในโลก ใบขับขี่สากล และบัตรอีกสารพัด ดูเหมือนคุณสามารถเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เคมบริดจ์ ทำงานให้ BBC หรือ AP ได้อย่างง่ายดายจากบริการที่นี่

ผมหยุดสอบถามราคาการทำบัตรแบบนั้น “พี่คนไทยไหม?” เด็กหนุ่มผู้เฝ้าแผงดังกล่าวถามผมก่อนจะระบายควันจากมวนบุหรี่ในมืออย่างเกียจคร้าน มีกลิ่นกัญชาลอยออกมาจากบุหรี่มวนนั้น ผมคงรบกวนเวลารื่นรมย์ของเขา และเมื่อผมเอ่ยตอบเขาว่าเป็นคนไทย เขาก็กางนิ้วมือออกมาเป็นตัวเลข ไม่กี่ร้อยบาท ผมคิดในใจก่อนที่เขาจะบอกราคาของคนต่างชาติซึ่งมากกว่านั้นอีกเท่าตัว

“แจ้งชื่อและมหาวิทยาลัยที่พี่อยากได้ได้เลย สักสองสามชั่วโมง แต่คืนนี้ดึกแล้ว คนทำน่าจะหลับแล้ว พี่มาเอาพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบ “ผมยังไม่ได้เลือกชื่อมหาวิทยาลัยเลย”

“อ้อ เอาที่สะดวก มาตอนไหนก็ได้พี่ ร้านเปิดตลอด แต่ผมแนะนำนะ พี่เอามหาวิทยาลัยธรรมดาก็พอ พวกฮาร์วาร์ด อะไรนั่นไม่ต้อง เดือนนี้ทำไปเยอะแล้ว” เขาหัวเราะ

“มีคนมาทำเยอะหรือครับ?” ผมอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“เยอะ ถ้าฝรั่งก็มาทำใบขับขี่สากล ใช้เมืองไทยสบาย ตำรวจไม่ตรวจมากหรอก เจอฝรั่งก็ขี้เกียจคุยแล้ว ส่วนคนไทยก็ทำเอาไว้ไปเข้าพิพิธภัณฑ์หรือซื้อบัตรโดยสารราคานักศึกษา ประหยัดได้มากนะพี่ ทำเถอะ อย่างไรก็คุ้ม”

ผมยิ้มให้เขาก่อนจะกล่าวขอบคุณและให้คำมั่นว่าผมจะกลับมาหาเขาในเร็ววัน

 

ผมเดินเท้าต่อก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยหนังสือต่างประเทศ ผมไล่รายชื่อหนังสือ มีทั้งนักเขียนที่ผมรู้จักกับนักเขียนที่ผมไม่รู้จัก มีหนังสือนวนิยายและรวมบทความของอัลแบร์ กามูส์ ผมซื้อนวนิยายเล่มนั้นและก็คิดถึงอาจารย์นพพร

นับแต่ผมผ่านวิชาอารยธรรมของอาจารย์นพพรแล้ว ผมแทบไม่ได้พบกับอาจารย์อีกเลย ส่วนหนึ่งนั่นเป็นเพราะผมไม่มีวิชาเรียนจากคณะศิลปศาสตร์ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือผมไปที่มหาวิทยาลัยน้อยเต็มที ผมถือหนังสือเล่มนั้นไว้ในมือและนั่งลงที่ร้านเหล้าริมทาง มันเป็นโต๊ะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในซอย ผมสั่งเบียร์ขวดเล็กหนึ่งขวด จุดบุหรี่จากซองบุหรี่ยับยู่ ดูดมันติดกันจนหมดมวน แล้วถอนหายใจ ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนนับจากผมพูดคุยกับอาจารย์นพพร เรื่องราวของชีวิตผมจะผกผันถึงขนาดนี้

ผมเข้าใกล้อารยธรรมตะวันตกที่อาจารย์เอ่ยถึงมากมาย ผมออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังเยี่ยงคนหนุ่มสาวในตะวันตก แปลหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประเทศในโลกตะวันตกอย่างโปแลนด์ และถึงที่สุดแล้วผมมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนตะวันตกอย่างโจดี้

ทั้งหมดนี้ไหลเรื่อยมาสู่ผมราวกับสายน้ำที่ไม่เปลี่ยนทิศทาง ถาโถมและเข้าถึงจนผมไม่ทันตั้งรับ

ผมถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่า เบียร์ขวดเล็กสองขวดหมดไปอย่างรวดเร็ว เสียงดนตรีจากท้องถนนเบาบางลงและจางหายไปในที่สุด

มันดึกมากแล้วและอีกไม่นานเวลารุ่งสางคงมาถึงอย่างแน่นอน

 

ผมตัดสินใจสั่งเบียร์อีกหนึ่งขวด ก่อนที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เมื่อพนักงานในร้านวางขวดเบียร์ลงเบื้องหน้าผม ผมก็ถามเขาถึงกัญชา ผมคิดว่าหากเด็กหนุ่มที่ดูแลแผงริมทางจะสูบมันได้อย่างเปิดเผยเช่นนั้น มันคงไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากเย็นนักบนถนนสายนี้

พนักงานในร้านมองหน้าผมชั่วครู่คล้ายดังการสำรวจสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมก่อนที่เขาจะเอ่ยถามผมว่าผมต้องการแบบสำเร็จรูปหรือแบบที่ต้องมวนหรือพันมันด้วยตนเอง

หากผมต้องการแบบสำเร็จรูป เขามีจำหน่ายเป็นมวนในราคามิตรภาพ

ผมสั่งเขาสองมวน และเมื่อมวนแรกมาถึงผมก็พบว่ามันให้กลิ่นไม่ต่างจากกัญชามวนนั้นของเด็กหนุ่ม

การสูบกัญชาในที่สาธารณะทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยบางอย่างออกจากอก ผมเต็มไปด้วยความลังเล สงสัย หนักอึ้งในอารมณ์ ผมไม่แน่ใจว่าผมควรปฏิบัติตนเช่นไรกับโจดี้ต่อไปดี บางทีมันอาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึกของคนผ่านทางมาสองคนที่บังเอิญเจอกัน เธอคงไม่คิดจริงจังกับผม

ดังนั้น ถ้าผมไม่จริงจังกับเธอ ทุกอย่างก็จะจบลงและผ่านไป

แต่ถ้าหากผมจริงจังหรือเธอจริงจังเล่า เราทั้งคู่จะทำเช่นไรต่อ จะมีใครผิดหวังหรือไม่ จะมีใครต้องเจ็บปวดกับความสัมพันธ์นี้หรือไม่

กัญชาดูจะระบายความคิดดังกล่าวนี้ออกมาได้ดังการเปิดช่องทางที่ถูกปิดชิดไว้

ผมจิบเบียร์ขวดที่สาม ล่องลอยไปถึงอนาคตอันไม่แน่นอนของตนเอง

 

ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปิ่นนั้นได้จบลงแล้วอย่างแน่นอน ไม่มีทางเป็นอื่นได้ คดีความที่ครอบครัวของเธอยัดเยียดให้กับผมนั้นคือคำมั่นถึงการสิ้นสุดลงในสิ่งที่เราทั้งคู่ใฝ่ฝัน ปิ่นไม่น่ามีผมอยู่ในหัวใจของเธอ ไม่น่ามีแม้เพียงน้อย และความพยายามใดๆ ที่จะติดต่อหรือรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอจะยิ่งทำให้ผมไม่ต่างจากปีศาจที่ไล่ตามหลอกหลอนเธอ ผมควรตัดใจเสียแต่บัดนี้ ลืมปิ่นให้หมดสิ้นไป เป็นคนใหม่ เป็นใครบางคนที่ทิ้งอดีตเช่นนี้ไปอย่างไม่มีเยื่อใย

แต่หากผมทิ้งอดีตดังกล่าวไปแล้ว อนาคตของผมอยู่ตรงใดเล่า ผมควรเล่นต่อในมหาวิทยาลัยอีกหรือ งานแปลหนังสือไม่จำเป็นต้องการใบปริญญาใดๆ ขอเพียงมีความมุ่งมั่น ผมอาจแปลหนังสือได้สามถึงสี่เล่มต่อปี ขยับขยายตนจากห้องเช่าเล็กๆ เก่าเก็บนั้นไปสู่ที่ที่ดีกว่า ซื้อพจนานุกรมเพิ่ม เดินทางไปต่างประเทศแสวงหาประสบการณ์ อ่านหนังสือให้มากขึ้น ตั้งใจคัดเลือกหนังสือที่จะแปลให้ดี มันสามารถเป็นอาชีพได้แน่นอน ในโลกที่หากต้องการบัตรนักศึกษาและเราสามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้จากแผงลอยข้างทาง ความพยายามที่จะยัดเยียดตนเองไปในที่ที่หมดความปรารถนาในมันแล้วยิ่งไม่จำเป็น

กัญชาดูจะทำให้ความคิดของผมปลอดโปร่งขึ้นอย่างมาก ผมเห็นทุกอย่างถูกสะสางทีละเปลาะ ทีละเปลาะอย่างชัดเจน ทุกอย่างลงตัวราวกับแท่งไม้ที่สอดรับกันเป็นโครงสร้างอันมั่นคง

ในแง่ของความสัมพันธ์ หากผมกับโจดี้จะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ มันก็เป็นความทรงจำที่ดีไม่ใช่หรือ ไม่มีอะไรน่าเสียใจ

ผมยังเติบโตได้อีกมาก มีความเป็นไปได้ที่จะพบเจอผู้คนหรือคนรักที่เหมาะสม หรืออย่างน้อยการใช้ชีวิตเพียงลำพังก็หาได้เลวร้าย

ผมนึกถึงงานเขียนเรื่องบึงวอลเด้นของเฮนรี่วิด ธอโร ผมสามารถเดินทางไปที่ที่อยากไป แสวงหาแหล่งพำนักที่สุขสงบและเรียนรู้จากธรรมชาติ แม้ในยุคปัจจุบันนี้ที่ห่างไกลจากวันเวลาของธอโรจะนานนับร้อยปี แต่ในป่าเขาหลายที่ในประเทศนี้ก็พร้อมจะมีสถานที่แห่งนั้น เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี

ขอเพียงผมตั้งใจ ผมย่อมไปถึงมันได้ในวันหนึ่ง •