ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 สิงหาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
เหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์
แต่ฝุ่นและควันจากเหตุการณ์ยังไม่จาง
แปลว่ายังไม่เห็นอะไรชัดเจน เป็นรูปเป็นร่างถึงขนาดนำไปสู่การดำเนินคดีได้
ซึ่งเป็นปกติธรรมชาติของคดีระเบิดทั่วไป ที่ต้องค่อยๆ สืบสาวราวเรื่องไปตามเศษวัตถุพยานหลักฐานที่เหลืออยู่
ลำพังฝุ่นและควันเป็นความเหนื่อยหนาสาหัสของผู้ทำคดีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมีน้ำลายเข้ามาผสม
อยู่ที่ท่านที่มีหน้าที่ตำแหน่งแห่งหนทั้งหลายจะตระหนักในความเป็นจริงข้อนี้แค่ไหน
หรือตั้งใจจะย่ำไปบนซากระเบิดเพื่อเพิ่มระเบิดประเภทอื่นขึ้นมาอีก จะได้ยุ่งกันต่อไปไม่รู้จบ
ถ้าประสงค์เช่นนั้นก็ตามสะดวก
บทเรียนจากเหตุใหญ่หมาดๆ ที่สังคมไทยเพิ่งผ่านมาก็คือ เหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์
คราวที่แล้วพระเอกตัวจริงของเหตุการณ์ก็คือกล้องวงจรปิด (ส่วนที่ใช้การได้) และเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
หนนี้การหาหลักฐานจากภาพอาจจะลำบากกว่าหนก่อนสักหน่อย
แต่การที่ยังมีโทรศัพท์มือถือและซิมโทรศัพท์ที่ยังไม่ระเบิดหลงเหลืออยู่
น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสาวราวเรื่องได้มาก
หลังจากไล่เรียงข้อมูลจากหลักฐานที่เป็นรูปธรรมสองด้านเข้าด้วยกัน
ก็ชัดเจนว่าระเบิดเป็นฝีมือชาวอุยกูร์ที่โกรธแค้นเรื่องการส่งตัวพี่น้องร่วมชาติกลับไปให้รัฐบาลจีน
เป็นบทเรียนเตือนใจทั้งในเรื่องการข่าวเพื่อความมั่นคง
และการกำหนดนโยบายต่างประเทศให้พอเหมาะพอดี
เป็นโชคดีที่การทำคดีช่วงแรกไม่ได้ไขว้เขวไปเพราะความเชื่อหรือมโนของใครที่ไหน
แต่เดินตามพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ
ถึงตอนหลังจะออกแนวเป๋ไปบ้าง เพราะพยายามลากเรื่องให้เข้ามาตามที่ต้องการ
สุดท้ายเมื่อมีแต่มโน ไม่มีหลักฐาน
คดีก็เดินหน้าไปอย่างที่ควรจะเป็น
หวังว่าคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ก็จะเดินไปในทิศทางเดียวกัน
คือให้ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์จากหลักฐานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือดีเอ็นเอของผู้เกี่ยวข้องเป็นตัวบ่งชี้
ไม่บิดไม่เบี้ยวออกไปนอกจากความเป็นจริงที่ปรากฏตรงหน้า
ถ้าจะต้องมีอะไรเพิ่มเติมเป็นอย่างแรก ก็น่าจะเป็นการติดตั้งกล้องวงจรปิดในเขตชุมชนให้เพิ่มมากขึ้น
อย่าให้ซ้ำรอยเทศบาลที่เพชรบูรณ์ที่อยากติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่มีหน่วยงานด้านบัญชีที่เดี๋ยวนี้ใหญ่คับฟ้า มาชี้นิ้วสั่งว่าทำไม่ได้
สองสามปีหลังนี้ราชการไทย (ที่เป็นเครื่องปั๊มเงินตัวสุดท้ายของระบบเศรษฐกิจ) เดินไปไหนไม่ได้
ก็เพราะผ่าเอาตีนขึ้นชี้ฟ้าแล้วเอาหัวเดินต่างตีน
ให้ “ซีเอฟโอ” หรือผู้สอบบัญชีมาเป็นคนกำหนดนโยบายบริหารแทน “ซีอีโอ” เป็นคนชี้ขาดว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้
ชี้ผิดชี้ถูกจนกระทั่งมีคนตาย เพราะคับอกคับใจที่ทำดีแต่ถูกกล่าวหาว่าทำชั่ว
ยังไม่เคยออกมาขอโทษหรือไปขอขมาเขา
อ้าว–ขอโทษ ออกนอกเรื่องไปหน่อย
มันเป็นตะกอนค้างใจน่ะครับ
ระเบิดน่ะต้องจับให้ได้
ไม่เร็วก็ช้าก็ต้องจับ
เพราะพฤติกรรมทำร้ายคนบริสุทธิ์นั้นรับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
แต่การจับกุมต้องมีหลักฐานพยานพร้อมมูล
ไม่ใช่ปัญหาหนึ่งยังแก้ไม่ได้ ผ่าไปผูกเป็นปมใหม่ขึ้นมาอีก
เดี๋ยวจะกลายเป็นลิงแก้แหไม่ได้ไปไหน
ยิ่งบรรดาเครื่องขยายเสียง (ตามสั่ง) ทั้งหลาย ช่วงนี้สงบอกสงบใจไม่พูดบ้างก็จะเป็นพระคุณ
มีเรื่องอื่นอีกล้านเจ็ดในโลกให้พูด ไม่จำเป็นต้องรู้ดีเรื่องคดี (ที่ตวเองไม่รู้) ให้ปวดหัวกันหนักขึ้นอีก
อยากพูดจริงๆ จะไปพูดเรื่องการมงการเมืองอะไรก็ว่าไป
อันนั้นเขาจ้างมาให้ทำเป็นงานประจำ–ไม่ว่ากัน
แต่พูดเรื่องชีวิตชาวบ้านแบบไม่รับผิดชอบนี่ขอที
เข้าใจตรงกันนะ