ฐากูร บุนปาน : ระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้

AFP PHOTO / TUWAEDANIYA MERINGING

เหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์

แต่ฝุ่นและควันจากเหตุการณ์ยังไม่จาง

แปลว่ายังไม่เห็นอะไรชัดเจน เป็นรูปเป็นร่างถึงขนาดนำไปสู่การดำเนินคดีได้

ซึ่งเป็นปกติธรรมชาติของคดีระเบิดทั่วไป ที่ต้องค่อยๆ สืบสาวราวเรื่องไปตามเศษวัตถุพยานหลักฐานที่เหลืออยู่

ลำพังฝุ่นและควันเป็นความเหนื่อยหนาสาหัสของผู้ทำคดีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมีน้ำลายเข้ามาผสม

อยู่ที่ท่านที่มีหน้าที่ตำแหน่งแห่งหนทั้งหลายจะตระหนักในความเป็นจริงข้อนี้แค่ไหน

หรือตั้งใจจะย่ำไปบนซากระเบิดเพื่อเพิ่มระเบิดประเภทอื่นขึ้นมาอีก จะได้ยุ่งกันต่อไปไม่รู้จบ

ถ้าประสงค์เช่นนั้นก็ตามสะดวก

บทเรียนจากเหตุใหญ่หมาดๆ ที่สังคมไทยเพิ่งผ่านมาก็คือ เหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์

คราวที่แล้วพระเอกตัวจริงของเหตุการณ์ก็คือกล้องวงจรปิด (ส่วนที่ใช้การได้) และเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

หนนี้การหาหลักฐานจากภาพอาจจะลำบากกว่าหนก่อนสักหน่อย

แต่การที่ยังมีโทรศัพท์มือถือและซิมโทรศัพท์ที่ยังไม่ระเบิดหลงเหลืออยู่

น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสาวราวเรื่องได้มาก

หลังจากไล่เรียงข้อมูลจากหลักฐานที่เป็นรูปธรรมสองด้านเข้าด้วยกัน

ก็ชัดเจนว่าระเบิดเป็นฝีมือชาวอุยกูร์ที่โกรธแค้นเรื่องการส่งตัวพี่น้องร่วมชาติกลับไปให้รัฐบาลจีน

เป็นบทเรียนเตือนใจทั้งในเรื่องการข่าวเพื่อความมั่นคง

และการกำหนดนโยบายต่างประเทศให้พอเหมาะพอดี

เป็นโชคดีที่การทำคดีช่วงแรกไม่ได้ไขว้เขวไปเพราะความเชื่อหรือมโนของใครที่ไหน

แต่เดินตามพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ

ถึงตอนหลังจะออกแนวเป๋ไปบ้าง เพราะพยายามลากเรื่องให้เข้ามาตามที่ต้องการ

สุดท้ายเมื่อมีแต่มโน ไม่มีหลักฐาน

คดีก็เดินหน้าไปอย่างที่ควรจะเป็น

หวังว่าคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ก็จะเดินไปในทิศทางเดียวกัน

คือให้ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์จากหลักฐานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือดีเอ็นเอของผู้เกี่ยวข้องเป็นตัวบ่งชี้

ไม่บิดไม่เบี้ยวออกไปนอกจากความเป็นจริงที่ปรากฏตรงหน้า

ถ้าจะต้องมีอะไรเพิ่มเติมเป็นอย่างแรก ก็น่าจะเป็นการติดตั้งกล้องวงจรปิดในเขตชุมชนให้เพิ่มมากขึ้น

อย่าให้ซ้ำรอยเทศบาลที่เพชรบูรณ์ที่อยากติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่มีหน่วยงานด้านบัญชีที่เดี๋ยวนี้ใหญ่คับฟ้า มาชี้นิ้วสั่งว่าทำไม่ได้

สองสามปีหลังนี้ราชการไทย (ที่เป็นเครื่องปั๊มเงินตัวสุดท้ายของระบบเศรษฐกิจ) เดินไปไหนไม่ได้

ก็เพราะผ่าเอาตีนขึ้นชี้ฟ้าแล้วเอาหัวเดินต่างตีน

ให้ “ซีเอฟโอ” หรือผู้สอบบัญชีมาเป็นคนกำหนดนโยบายบริหารแทน “ซีอีโอ” เป็นคนชี้ขาดว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้

ชี้ผิดชี้ถูกจนกระทั่งมีคนตาย เพราะคับอกคับใจที่ทำดีแต่ถูกกล่าวหาว่าทำชั่ว

ยังไม่เคยออกมาขอโทษหรือไปขอขมาเขา

อ้าว–ขอโทษ ออกนอกเรื่องไปหน่อย

มันเป็นตะกอนค้างใจน่ะครับ

ระเบิดน่ะต้องจับให้ได้

ไม่เร็วก็ช้าก็ต้องจับ

เพราะพฤติกรรมทำร้ายคนบริสุทธิ์นั้นรับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

แต่การจับกุมต้องมีหลักฐานพยานพร้อมมูล

ไม่ใช่ปัญหาหนึ่งยังแก้ไม่ได้ ผ่าไปผูกเป็นปมใหม่ขึ้นมาอีก

เดี๋ยวจะกลายเป็นลิงแก้แหไม่ได้ไปไหน

ยิ่งบรรดาเครื่องขยายเสียง (ตามสั่ง) ทั้งหลาย ช่วงนี้สงบอกสงบใจไม่พูดบ้างก็จะเป็นพระคุณ

มีเรื่องอื่นอีกล้านเจ็ดในโลกให้พูด ไม่จำเป็นต้องรู้ดีเรื่องคดี (ที่ตวเองไม่รู้) ให้ปวดหัวกันหนักขึ้นอีก

อยากพูดจริงๆ จะไปพูดเรื่องการมงการเมืองอะไรก็ว่าไป

อันนั้นเขาจ้างมาให้ทำเป็นงานประจำ–ไม่ว่ากัน

แต่พูดเรื่องชีวิตชาวบ้านแบบไม่รับผิดชอบนี่ขอที

เข้าใจตรงกันนะ