48 ปี ‘บ่าววี’ บนเส้นทาง ‘ร.ท.-นักร้อง-นักธุรกิจ’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

 

48 ปี ‘บ่าววี’

บนเส้นทาง ‘ร.ท.-นักร้อง-นักธุรกิจ’

 

“ชีวิตนี้เหมือนกลับมาเกิดใหม่”

ใครที่ติดตามข่าวคราวหรือเป็นแฟนคลับของนักร้องหนุ่มใหญ่แดนใต้ที่ชื่อ “บ่าววี” จะรู้ว่าเจ้าของเพลงดัง “ขอนไม้กับเรือ” ผู้นี้ เป็นทหารอากาศ ประจำอยู่ที่กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง ซึ่งตอนนี้ได้ขึ้นยศเป็น “เรืออากาศโทวีรยุทธิ์ นานช้า”

ช่วงที่ผ่านมาใช่จะเป็นทหารและยึดอาชีพนักร้องเท่านั้น ยังใช้เวลาว่างในการทำธุรกิจหลากหลาย ซึ่งมีทั้งประสบความสำเร็จและล้มลุกคลุกคลาน

ล่าสุดเขาเป็นหุ้นส่วนและเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัท ไอเดนกรีน จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Cacoff” กาแฟโรบัสต้าผสมคาเคา ถั่วขาวและผงอินทผลัม ซึ่งเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นับเป็นธุรกิจล่าสุดของเจ้าตัว

“มติชนสุดสัปดาห์” มีโอกาสสนทนาในหลากหลายเรื่องราว

เขาเล่าถึงงานในกรมกิจการพลเรือนทหารอากาศว่า ส่วนมากอยู่กับหน่วยมิตรประชา ออกหน่วยลงพื้นที่ เวลามีงานออกหน่วยจะไปเจอกับพี่น้องในพื้นที่ และมาช่วยชมรมมวยสากล มวยไทยของกองทัพอากาศด้วย

“ผมลงไปตามพื้นที่ต่างๆ ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ หรือหน่วยมิตรประชาไปสำรวจพื้นที่ที่จะเข้าไปช่วยชาวบ้าน หรือเวลาเจออุทกภัย เราจะไปงานอย่างนี้ อาจไปสังสรรค์ร้องเพลงให้พี่น้องฟัง ไปให้กำลังใจ นั่นคือตัวหลักของผม ถ้าไปถึงชาวบ้านจะขอเพลงขอนไม้กับเรือเป็นอันดับแรก เราไปเกือบทุกพื้นที่ อย่างเช่น อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา สุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตความรับผิดชอบของกองทัพอากาศ ในพื้นที่ต่างๆ”

สำหรับธุรกิจที่ทำอยู่นั้น บ่าววีเล่าว่า “ตอนนี้มีธุรกิจข้าวสารตราบ่าววี ที่ผมเปิดอยู่ที่ตรัง เป็นข้าวสารหอมมะลิ ทำเป็นครอบครัว เริ่มจากจุดเล็กๆ ขายในจังหวัดตรัง และในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น นครศรีธรรมราช สตูล พัทลุง ตลาดเริ่มรู้จักแล้ว จุดเด่นคือ ข้าวหอมมะลิตราบ่าววี ซึ่งนำข้าวมาจากทั่วประเทศ จากยโสธรบ้าง สุพรรณบุรีบ้าง เราคัดมาและไปขายที่จังหวัดตรัง ไปใส่ยี่ห้อบ่าววี

ธุรกิจข้าวสารนี้ทำกับน้องชาย เพราะเขารู้เรื่องเกี่ยวกับข้าวสาร เลยไปทำดู เพื่อครอบครัว เพื่อการเติบโตที่จะมีต่อไป รู้สึกว่ากระแสตอบรับดี เป็นการเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อน ตั้งเป้าไว้ 3 ปี ตอนนี้เพิ่งทำได้ประมาณเกือบปี เปิดเป็นร้านอยู่ที่ตรัง ข้าวสารขายออนไลน์ไม่สะดวกเพราะหนัก ส่งยาก น้องชายมีลูกค้าประจำของเขาอยู่แล้ว ราคาข้าวก็เหมือนราคาท้องตลาดทั่วไป ของเราก็มีหลายเกรด ข้าวหอมมะลิชั้นดี ชั้นกลาง

นอกจากทำธุรกิจข้าวหอมมะลิแล้ว บ่าววีบอกอีกว่า ยังมีโรตีกรอบบ่าววี ขายอยู่ในเพจ โรตีกรอบโกอินเตอร์บ่าววี อันนี้ขายดี ส่วนมากเป็นลูกค้าเดิมๆ ที่เคยกินแล้ว อร่อย เลยสั่งตลอด และมีวางขายอยู่จุดหลักที่ปั๊มลุงเท่งขาขึ้น ที่จังหวัดเพชรบุรี ชะอำ และธุรกิจล่าสุด คือ คาคอฟบ่าววี

กับคำถามที่ว่า ทำไมทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เรื่องนี้บ่าววีให้คำตอบว่า “ผมมีลูกน้อง มีพี่มีน้อง มีพวกเยอะ ลูกน้องเราเยอะก็ต้องดูแล สร้างงาน สร้างรายได้ให้เด็กๆ ที่แบกข้าวสารมาอะไรมา เหมือนเราได้จ้างเขาด้วย ได้ดูแลคน อย่างคาคอฟก็สร้างขึ้นมาเพื่อกระจายให้กับทุกๆ คนที่จะมาร่วมงานกับเรา อย่างน้อยได้มีงานทำ สร้างงานให้พวกเขา ไหนๆ เรามีชื่อคำว่าบ่าววีแล้ว เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่เฉพาะตัวเอง แต่รวมถึงกลุ่มพี่กลุ่มน้อง และพรรคพวกเพื่อนฝูง จะเป็นแนวทางที่พาให้เขาได้รอดได้ด้วย”

วกมาคุยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพบ้าง

เจ้าตัวร่ายยาว “ตอนนี้โรคลิ้นหัวใจรั่ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เกือบ 5 ปีที่ผ่าตัดมา ล่าสุดน้องฟิล์ม รัฐภูมิ ก็เพิ่งไปผ่ามา ผมก็ส่งกำลังใจให้น้องไปแล้ว เพราะว่าเป็นเคสเดียวกัน คือ ลิ้นหัวใจรั่ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แล้วร่างกายก็ดี ยังติดตามอาการอยู่ตลอด”

สำหรับสาเหตุโรคลิ้นหัวใจรั่ว นักร้องแดนใต้วัย 48 อธิบายว่า “ผมไม่รู้เลยจริงๆ ตอนผมเป็น แต่อาจเป็นเพราะตั้งแต่เราเด็ก มันอาจจะเป็นมาก่อนบ้างนิดๆ พอเราโต เราทำงาน เราคิดว่าตัวเองแข็งแรง อันดับสำคัญมากคือ เราอย่าประมาท ส่วนมากคิดว่าตัวเองแข็งแรง ผมเตะบอล ออกกำลังกายทุกวัน เล่นคอนเสิร์ต ร้องเพลง ไปงานทหาร ไปนู่นไปนี่ คิดว่าตัวเองแข็งแรง สุดท้าย 4 วัน ไม่ได้หลับได้นอน นอนน้อย นอนเจ็บ สงสัยว่าเป็นอะไร สุดท้ายน้ำท่วมปอด รู้อีกทีลิ้นหัวใจรั่ว ถือว่าหนักมาก และต้องผ่าตัดด่วน”

“อย่างคนอื่น บางคนเขารักษาด้วยการกินยาก่อน แต่ผมผ่าเลย ผมถือว่าผมตายแล้วนะ นี่กลับมาเกิดใหม่ คนผ่าหน้าอกมันตายแล้ว แล้วกลับมาเกิดใหม่ ร่างกายเลยบวมๆ นิด เพราะน้ำเกลือ และกินยาทุกคืน ยาละลายลิ่มเลือด เม็ดครึ่ง แล้วแต่อาจารย์หมอสั่งไว้”

ถามถึงเรื่องคู่ครอง บ่าววียอมรับว่า “ผมมีแฟนแล้ว คือ คุณแต้ก ภัสสร แต่งงานกันแล้ว แต่ยังไม่มีลูก ตอนแรกจะมี แต่พอเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วก็คิดมาก พอมาเจอโควิดอีก 3 ปี เลยไม่รู้แล้ว ภรรยาเขาก็เข้าใจงานของผมดี เป็นธรรมดาของชีวิต เราก็ไม่ค่อยมีเวลาหรอก ยิ่งเราเป็นคนชอบสังคม แต่บอกแล้วว่าต้องแข็งแกร่งนะ เราก็เข้าใจเขา แต่มันมีทั้งสังคมทำงาน สังคมเพื่อน”

“ผมเป็นคนเทกแคร์ได้หมดกับเพื่อนฝูงพี่น้อง ผมเป็นกันเอง ผมไม่มีอะไรที่จะต้องคิดมากกับชีวิต ยิ่งผมไปผ่าหัวใจมา ผมว่าผมผ่านอะไรมาเยอะ เป็นทหารก็เป็น นักร้องก็เป็น ดาราก็เป็น สุดท้ายมาเป็นโรคหัวใจ เห็นไหม คนเรามันไม่แน่นอน เลยคิดกลับไปว่า ที่เราสร้างมาทุกวัน บางทีมันก็เอาไปไหนไม่ได้”

“นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล ไปไหนไม่ได้เกือบ 2 เดือน เกือบปีที่ทำงานไม่ค่อยได้ พอเริ่มทำงานได้ปีสองปีก็มาเจอโควิดอีก 3 ปี เงินที่เก็บ เงินที่มี เหมือนๆ กันทุกคน เราไปสร้างอันนู้นไว้ อันนี้ไว้ จะมาตีกลับเป็นตัวเงินก็ไม่ได้ จะเอาไปขายเพื่อเอาเงินด่วนๆ เพื่อมาดูแลตัวเองก็ไม่ได้ เรายังคิดย้อนว่า เออเว้ย พอเราป่วย หรือร่างกายเราไม่ดี และมาเจอโควิด”

“สุดท้ายคนเราก็อยู่เพื่อให้รอดนี่หว่า คิดอะไรมาก กิน นอน มีความสุข ยิ้ม หัวเราะ สร้างสิ่งที่อยากทำ ผมยังมีโอกาส เมื่อมีโอกาสเราต้องทำ วันนี้คำว่าบ่าววีมีโอกาส ผมเลยทำ หลายๆ คนบอกทำหลายอย่างจัง ประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จ เราบอกไม่ได้ แต่บอกตัวเองได้ว่า เราได้ชื่อบ่าววี ที่มีคนรู้จักทั่วประเทศ ผมถือว่าผมประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว”

“นอกจากนี้ ยังทำค่ายมวย เป็นการสนับสนุนเยาวชน เมื่อเรามีโอกาส หลายคนบอกชื่อบ่าววีน่าจะมีเงินเหลือเยอะ แต่ผมชอบแบบนี้ ไปสร้างน้อง สร้างเด็กคนนู้นคนนี้ ชอบทำอะไรสัพเพเหระไปเรื่อยๆ มันมีความสุข ถ้าเป็นคนเก็บ ไม่คบเพื่อน ไม่คบใคร อยู่แต่กับครอบครัว กินข้าวเสร็จ นอนอยู่แต่ในบ้าน ไปทำงานแล้วก็กลับเข้าบ้านก็น่าจะรวยมาก รวยสุดๆ”

“ถามว่าตอนนี้รวยไหม ก็รวย แต่ก็ไม่ได้รวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ชื่อเรา ต้องดูแลรักษา เพื่อเอาชื่อของเราไปใช้ประโยชน์ต่อๆ ให้กับเพื่อน และลูกหลานของเรา วันนี้ก็ได้ค่ายมวยบ้างอะไรบ้าง”

 

ข้อสงสัยที่ว่าการเป็นนักร้อง กับทหาร และทำธุรกิจ ไม่มีอะไรแย้งกันใช่ไหม

ประเด็นนี้บ่าววีมองว่า

“มันไม่มีอะไรแย้งกันหรอก ผมเองไม่คิดหรอกกว่าวันหนึ่งผมจะมาเป็นทหาร เป็นนักร้อง หรือมาขายกาแฟคาคอฟ แต่เมื่อมันมีโอกาสเราก็ทำ จะขาดทุนหรือกำไร ผมก็ไม่รู้ ทุกคนทำอะไรก็ต้องการกำไร อยากรวย แต่รวยแล้วมีความสุขขนาดไหน ทำไปแล้วมีความสุขไหม ผมคิดว่าผมทำแล้วมีความสุข”

 

: ที่ผ่านมามีธุรกิจอะไรบ้างที่เราทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

“มี แต่ไม่ถึงกับเจ๊ง เราแค่หยุดไป คือ ร้านโรตีชาฃัก ที่กรุงเทพฯ 2 สาขา บังเอิญมาเจอโควิด และผมเช่าเดือนละ 3 หมื่นบาท เกือบ 2 ปีที่จ่ายอยู่ มันไม่ไหว เพราะเปิดร้านไม่ได้ เพราะโควิด จ่ายเฉยๆ เดือนละ 3 หมื่นบาท คิดดูว่าจ่ายเงินไปเท่าไร 2 สาขา เดือนหนึ่งเกือบ 6 หมื่นบาท ตอนนั้นหยุดไปต่อไม่ได้เจ๊ง เราก็ให้คนอื่นมาเซ้งไปต่อ”

“ส่วนธุรกิจกางเกงยีนส์ ที่จริงตอบโจทย์ดีมาก แต่ผมไม่มีเวลา เลยหยุด เพราะเราไปร้องเพลงบ้าง เล่นละครบ้าง ไปงานทหาร ไม่มีเวลาดูแล บางทีมันหายไปบ้าง วันละตัวสองตัว เราไว้ใจใครหมดไม่ได้หรอก แต่สุดท้ายแล้วมันเป็นความรู้สึกที่บอกว่า ไหนๆ คิดจะทำ ไหนๆ คิดจะลอง อย่าไปเครียดกับมัน เพราะคุณตั้งใจทำมันเอง เมื่อไม่ได้ตามโจทย์ ตามใจคุณ คุณจะไปท้อแท้ทำไม คุณก็ลุยตัวอื่นต่อไป เราก็ได้เรียนรู้ว่า เฮ้ย อันนี้ได้ อันนี้ไม่ได้เว้ย สู้มันต่อไปเมื่อยังมีชีวิต ธุรกิจกางเกงยีนส์ที่จริงยังมีอยู่ แต่ผมไม่ได้ทำนานมากแล้ว ที่จริงขายดีมาก เรามีความสุข ถ้ามีโอกาสได้ทำ ผมก็จะทำ”

: พอมีปัญหาสุขภาพ และปัญหาโควิด ดูเหมือนจะห่างหายไปจากวงการเพลง

“ใช่ครับ เกือบ 5 ปีที่ไม่ได้ออกเพลงเลย แต่ตอนนี้เริ่มมารับคอนเสิร์ต คิวคอนเสิร์ตเกือบเต็ม ทั้งๆ ที่ไม่มีเพลงเลย ต้องขอบคุณแฟนคลับแฟนเพลงที่ยังจำกันได้ อาจเพราะเรามีพวกเยอะ มีเพื่อนมีพี่มีน้องเยอะ งานพวกเยอะ ถามว่าเหลือเยอะไหม ไม่เยอะหรอก แต่เราได้กินได้ใช้ และให้ลูกน้องได้กินด้วย ได้ขยับกันไปด้วย”

: จากนี้วางแผนในวงการเพลงอย่างไร

“หลังจากนี้ ผมคงจะอยู่กับวงการเพลงตลอดไป พร้อมสร้างธุรกิจอะไรที่มาตอบโจทย์ในตัวเราบ้าง อย่างวันนี้ที่ผมทำ สำหรับวงการเพลง ผมคงจะออกเพลงเหมือนกับน้องๆ พี่ๆ คนอื่นเขาทำ มันก็ต้องตามโลกให้ทัน ไปสู่ยุคโซเชียลบ้าง TikTok บ้าง YouTube บ้าง เพราะแต่ก่อนเราก็มาแค่ซีดีกับเทป ตอนนี้เราไม่ทันแล้ว ผมพยายามปรับตัวให้ทัน ตอนนี้มาเข้าสู่ TikTok เพราะคนไทยชอบสนุก คนดูชอบทะเล้น ทะลึ่ง เวลาเราลงคลิปมีสาระ น้อยมากที่จะกดไลก์กดแชร์ แต่ถ้ามีอะไรที่ทะลึ่ง ตลกจะดัง ถ้าเป็นเพลงเราก็สร้างความเป็นบ่าววีไม่ให้หายไปไหน อย่างเพลงหัวใจนักสู้ที่ผมเพิ่งเผยแพร่ไป ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ลงไปแค่ 2 วันเอง สองหมื่นกว่าคลิปวิดีโอที่คนเล่น เกือบ 6 แสนยอดวิว ใน TikTok ของผม ไม่นับรวม TikTok ของแฟนคลับแฟนเพลงที่ไปแชร์ต่อ”