ภาษาและวรรณกรรมไทย มีต้นตอจาก ‘โซเมีย’ | สุจิตต์ วงษ์เทศ

ภาษาและวรรณกรรมไทยมีรากฐานเริ่มแรกหลายพันปีมาแล้ว จากสังคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ-การเมืองบริเวณโซเมีย (Zomia) หลังจากนั้นมีการแลกเปลี่ยนกับภาษาและวัฒนธรรมหลากหลายของพวกเยว์ ทั้งในโซเมียและนอกโซเมีย แล้วเลือกสรรผสมผสานเข้าด้วยกันจนถึงสมัยหลังก็เกิดสิ่งใหม่เรียกภาษาไทยและวรรณกรรมไทย

โซเมีย หมายถึง “ที่สูงแห่งเอเชีย” เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล มีทิวเขาสลับซับซ้อนกลางทวีปเอเชียค่อนลงทางใต้ จากเวียดนามไปทางตะวันตก (และย้อยลงไปในกัมพูชา) จนถึงด้านตะวันออกของอินเดีย รวมรัฐเล็กรัฐน้อยในเทือกเขาหิมาลัย มีพื้นที่มากกว่า 2.5 ล้านตารางกิโลเมตร ความสูงประมาณ 300 เมตรขึ้นไปเหนือระดับน้ำทะเล

[กรณีกล่าวถึงผู้คนบน “ที่สูงแห่งเอเชีย” นี้ มักไม่นับรวมเสฉวน ซึ่งถูกผนวกเข้าไปในจักรวรรดิจีนมานานแล้ว และไม่รวมรัฐในเทือกเขาหิมาลัย เพราะไม่มีประวัติสัมพันธ์เชื่อมโยงกับผู้คนบนโซเมียอื่นๆ]

บริเวณโซเมียมีที่ราบในหุบเขากระจายอยู่ทั่วไป ทั้งขนาดใหญ่และน้อยอันเป็นที่ตั้งของชุมชนเมือง ซึ่งบางแห่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐใหญ่อื่น บางแห่งเป็นอิสระในตัวเอง บางแห่งแม้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐใหญ่ ในทางทฤษฎีแต่ในทางปฏิบัติกลับมีอิสระปกครองและดําเนินความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านด้วยตนเอง

ลักษณะภูมิประเทศของโซเมียเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน ทําให้การเดินทางระหว่างหุบเขาเป็นไปได้ยาก

ส่วนเส้นทางน้ำหลายสายซึ่งมีแหล่งกําเนิดบนโซเมีย ได้แก่ พรหมบุตร, อิรวดี, สาละวิน, โขง, เจ้าพระยา, น้ำดํา-น้ำแดง ก็ใช้เป็นเส้นทางคมนาคมไม่ดีนัก เพราะเขตต้นน้ำมีเกาะแก่งมาก หรือน้ำไหลเชี่ยวจนเกินกว่าจะใช้เดินเรือ

“ที่สูงแห่งเอเชีย” ซึ่งวิลเลม ฟาน สเคนเดิล (Willem Van Schendle) ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) สมมุติชื่อเรียกโซเมีย Zomia มาจากตระกูลภาษาทิเบต-พม่าว่า Zomi แปลว่า ประชากรบนที่สูง

[สรุปจากคําอธิบายหลายเวลาและสถานที่ ของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้แก่ จากหนังสือ ความไม่ไทยของคนไทย (พ.ศ.2559), จากเอกสารประกอบรายการ ทอดน่องท่องเที่ยว ของมติชน (พ.ศ.2563), จากคํานําเสนอ ในหนังสือกาดก่อเมือง (พ.ศ.2564)]

เยว่ (ออกเสียงคล้ายเยวี่ย, เหวียด, เหยอะ, แหยะ, แย้ ฯลฯ) เป็นชื่อรวมๆ ที่จีนเรียกคนหลายชาติพันธุ์นับไม่ถ้วน (บางครั้งจีนเรียก “ไป่เยว่” หมายถึงเยว่ร้อยเผ่า, เยว่ร้อยจําพวก) ประกอบด้วยคนต่างภาษาที่พูดตระกูลภาษาต่างๆ ตามชื่อสมมุติที่ถูกสร้างใหม่ ได้แก่ จีน-ทิเบต, พม่า-ทิเบต, ม้ง-เมี่ยน, มอญ-เขมร, ชวา-มลายู, ไท-ไต หรือ ไท-กะได เป็นต้น

[เยว่ร้อยเผ่า หรือเยว่ร้อยจําพวก เป็นพวก “ไม่ฮั่น” อยู่บริเวณที่ราบในหุบเขาสูงทางตอนใต้ของจีน หรือทางใต้แม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นหลักแหล่งกว้างขวางของกลุ่มชนหลากหลายชาติพันธุ์ที่ถูกเรียกรวมๆ อย่างเหยียดๆ ด้วยถ้อยคําของฮั่น (ซึ่งมีหลักแหล่งอยู่ทางเหนือขึ้นไป) ว่าเป็นพวกป่าเถื่อนเรียก เยว่, ฮวน, หมาน เป็นต้น พบหลักฐานสนับสนุนหลายอย่าง ได้แก่ เอกสาร, เครื่องมือเครื่องใช้ทําจากทองสําริด, พิธีกรรมความเชื่อจากภาพเขียนบนเพิงผาและอื่นๆ แต่จําเพาะเอกสารจีนโบราณชื่อ “หมานซู” (แต่งเป็นภาษาจีน พ.ศ.1410) บอกเล่าว่าคนพื้นเมืองป่าเถื่อนหลายจําพวกซึ่งไม่ใช่ฮั่นอยู่ทางใต้ของจีนตั้งแต่ทางใต้แม่น้ำแยงซีถึงฝั่งทะเลสมุทร (จากหนังสือหมานซู จดหมายเหตุพวกหมาน ของ ฝันฉัว กรมศิลปากร ให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาจีนโบราณแปลเป็นภาษาไทย แล้วพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2512) เท่ากับเป็นที่รู้กันนับพันปีแล้วว่าทางใต้ของจีนล้วน “ไม่ฮั่น” หมายถึงเป็นหลักแหล่งของคนหลายชาติพันธุ์ “ร้อยพ่อพันแม่” ซึ่งล้วนไม่ใช่จีน]

ไท-ไต หรือ ไท-กะได ชื่อสมมุติเรียกตระกูลภาษาซึ่งเป็นต้นตอหรือรากเหง้าภาษาไทย (ในประเทศไทยทุกวันนี้) มีข้อมูลเกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

1. ตระกูลภาษาไท-ไต หรือ ไท-กะได มีอายุเก่าสุดราว 3,000 ปีมาแล้ว

2. แหล่งเก่าสุดของตระกูลภาษาไท-ไต หรือ ไท-กะได อยู่ในโซเมีย (ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจีน) บริเวณที่ปัจจุบันเป็นมณฑลกวางสี-กวางตุ้ง กับทางเหนือของเวียดนาม (สมัยนั้นหลายพันปีมาแล้วเป็นพื้นที่เดียวกัน ยังไม่มีเส้นกั้นอาณาเขตแบ่งประเทศ) หลักแหล่งดั้งเดิมของจ้วงของจ้วง-ผู้ไท (จ้วงเป็นชื่อรวมของคนไท-ไตในกวางสี ส่วนผู้ไทเป็นชื่อรวมของคนไท-ไตในเวียดนาม)

3. ทางใต้ของมณฑลกวางสี-กวางตุ้งในจีน กับทางเหนือของเวียดนาม สมัยดั้งเดิมเป็นดินแดนเดียวกัน (ไม่มีจีน-เวียดนาม) คนตั้งหลักแหล่งที่นั่นเป็นพวกถูกฮั่นเรียก เยว่ มีหลายชาติพันธุ์อยู่ปนกัน ได้แก่ คนพูดตระกูลภาษาม้ง-เมี่ยน, จีน-ทิเบต, ไท-ไต เป็นต้น โดยมีภาษาไท-ไตเป็นภาษากลางการสื่อสารในชีวิตประจําวัน ครั้นต่อไปข้างหน้ามีการค้าระยะไกล ภาษาไท-ไตจะเป็นภาษากลางทางการค้าของดินแดนภายในภาคพื้นทวีปซึ่งอยู่ทางใต้ของจีน ครั้นมีอํานาจทางการเมืองก็ค่อยๆ แผ่ขยายลงไปถึงลุ่มน้ำโขง, ลุ่มน้ำสาละวิน, ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและคาบสมุทร

4. สมัยนั้นคนพูดภาษาตระกูลไท-ไตทางตอนใต้ของจีนบริเวณโซเมียไม่เรียกตนเองว่าไทย แต่เรียกตนเองตามชื่อทางวัฒนธรรมเป็นกลุ่มๆ ตามที่เลือกสรรกันเอง ได้แก่ ต้ง, จ้วง, นุง, สุ่ย, หลี, ปู้ยี, มู่หล่าว, เหมาหนาน, ผู้ไท เป็นต้น

ส่วนคําว่า ไท หรือ ไต แปลว่า คน หรือ ชาว เช่น ไทพวน แปลว่า คนพวน หรือ ชาวพวน, ไตลื้อ แปลว่า คนลื้อ หรือ ชาวลื้อ (ข้อมูลรายละเอียดมีอีกมากในหนังสือ ความเป็นมาของคําสยามฯ ของ จิตร ภูมิศักดิ์ โครงการตําราฯ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2519) คําว่า ไต มีใช้ในภาษาเขมร พบในจารึกพิมาย แปลว่าคน แต่มีฐานะทางสังคมต่ำลงหมายถึงคนที่เป็นทาส

5. คนพูดตระกูลภาษาไท-ไตและคนหลากหลายชาติพันธุ์บริเวณโซเมียต่อไปข้างหน้าจะมีความเคลื่อนไหวโยกย้ายไปมาหลายทิศทางตามเส้นทางการค้าภายในกระทั่งลงไปตั้งหลักแหล่งมีอํานาจทางภาษาและวัฒนธรรมอยู่ร่วมกับคนในตระกูลภาษาอื่นๆ เช่น ชวา-มลายู, มอญ-เขมร, ทิเบต-พม่า เป็นต้น ครั้นนานไปได้กลายตนแล้วเรียกตนเองด้วยชื่อสมมุติใหม่ว่าไทย

แผนที่แสดงบริเวณที่สูงแห่งเอเชียหรือโซเมีย และพื้นที่โดยรวมทางใต้ของจีนอันเป็นหลักแหล่งของคนพื้นเมืองที่ “ไม่จีนไม่ฮั่น” โดยมีบรรพชนคนพูดภาษาไทยรวมอยู่ด้วย (ปรับปรุงจากต้นแบบตามคําแนะนําของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ อยู่ในเอกสารประกอบบรรยายรายการทอดน่องท่องเที่ยว ของมติชนทีวี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม 2563)

ต้นตอจาก “โซเมีย”

บริเวณโซเมีย-ที่ราบในหุบเขาสูงทางตอนใต้ของจีนอยู่ใกล้ชิดวัฒนธรรมฮั่น ดังนั้น บางส่วนถูกผนวกเป็นจีน แต่บางส่วนแม้อยู่เป็นเอกเทศก็แลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้วยอมรับจีนทั้งทางสังคมและวัฒนธรรม

การติดต่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมฮั่นของคนชาติพันธุ์ต่างๆ ในโซเมีย ซึ่งรวมถึงคนในตระกูลไท-ไต มีหลักฐานสำคัญคือภาชนะดินเผามีสามขา (หรือหม้อสามขา) อายุราว 3,000 ปีมาแล้ว พบครั้งแรกในจีน หลังจากนั้นพบในไทยทางทิวเขาตะวันตกลงไปถึงมาเลเซีย

นอกจากหม้อสามขา ยังพบอีกหลายอย่างที่ไท-ไตรับจากจีน ได้แก่ ระบบปฏิทินแม่ปีลูกปี (ใช้แพร่หลายในล้านนา), สิบสองนักษัตร รวมถึงความเชื่อที่ได้จากภาษาจีน ได้แก่ แถน, ขวัญ เป็นต้น

เหล่านี้ล้วนเป็นภาษาและวรรณกรรมไทยมีต้นตอจาก “โซเมีย” •