ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (124) : สังขาร

ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฉันเป็นคนให้ความสำคัญกับสังขารเป็นอันมาก

และยิ่งมีอายุมากขึ้น ก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญ เมื่อเป็นคนแก่ ก็ต้องตั้งรับ

ฉันไม่เชื่อคนอื่น ไม่ชอบอ่านตำราเกี่ยวกับสุขภาพ ฉันชอบการตรวจสอบด้วยตนเอง และคิดว่าสังขารจะบอกฉันเอง ว่าควรทำอะไร การขอคำแนะนำจากหมอ หรือคนอื่น เป็นเพียงส่วนประกอบ

โรงเรียนที่เงียบที่สุดในโลก จึงมาเจอกับโรงเรียนที่ซื่อตรงที่สุดในโลก และโรงเรียนนั้นคือ สังขาร

สังขารไม่หลอกลวง สังขารไม่โกหก

ฉันให้ความสำคัญกับพื้นฐาน เช่น

๑ การกิน

๒ การนอน

๓ การขับถ่าย

๔ การออกกำลังกาย

เหล่านี้เป็นต้น ฉันคิดว่าหากพื้นฐานดีแล้ว ก็คือดีที่สุด รวมความคือฉันเป็นคนมีขอบเขต คิดเสมอว่าตัวเองทำอะไรได้ อะไรทำไม่ได้


ฉันไม่ใช่มังสวิรัติ แต่ทานมื้อเดียว เพราะฉันคิดว่าอาหารมื้อเดียวก็เพียงพอแล้ว มันเกิดผลดีมากมาย เช่นทำให้น้ำหนักของฉันคงที่ ฉันจะไม่มีวันเป็นคนอ้วนเลย ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ทำให้กระเพาะของฉันดีขึ้น และแม้แต่ฟัน ก็ดูแลได้ง่ายขึ้น

ผลพลอยได้อีกอย่างคือเป็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย การทานหลายมื้อ หากต้องทำเอง ยิ่งวุ่นวาย

แต่มื้อเดียว หากทำเอง ก็ง่าย หากซื้อกินข้างนอก ก็ง่ายและประหยัด ฉันมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำงานอื่น

อะไรควรทาน อะไรไม่ควรทาน ฉันสังเกตเอาเอง มีด่านมากมายในสังขาร ที่เป็นด่านที่ซื่อตรงยิ่งนัก

เช่น ลำคอ อาหารใดที่สร้างความรู้สึกไม่ดีกับลำคอของฉัน ฉันจะปฏิเสธทันที

ลิ้นกับปากอาจจะยังไม่ชัด แต่ลำคอนี้ชัด อาหารและเครื่องดื่มใด ต้องผ่านการตรวจสอบจากลำคอของฉัน ฉันอาจเผลอปล่อยให้ผ่านเข้าไปคำสองคำ แต่จากนั้นมันก็หยุด นี้คือด่านสำคัญ

ยิ่งหากเป็นกรณีเลวร้าย ฉันจะอาเจียนออกมาทันที

ด่านต่อมาคืออวัยะข้างในของฉัน

ฉันชอบทานจืด เพราะทานแล้วร่างกายสบาย ของเผ็ดหรือเค็ม นานๆ ฉันจะทานที พอเอาสนุก

แต่ของเค็มและเผ็ด มันไม่เพียงรบกวนกระเพาะของฉัน มีสิ่งอื่นลึกกว่านั้น มันคงเป็นเสียงกรีดร้องจากตับไตของฉัน ฉันรู้สึกไม่ดีเลย ทั้งที่ฉันไม่ได้ป่วยไข้ แต่อวัยวะภายในปฏิเสธ

ฉันตรงข้ามกับพวกนักบริโภค ที่ถือว่าการกินเป็นศิลปะ เป็นความสนุกอย่างยิ่ง เป็นการแสวงหาความตื่นเต้น หากต้องการความตื่นเต้นจากอาหาร จะพบว่ามีอาหารให้ชิมมากมาย และราคาแพงลิบลิ่ว และพิสดาร วิตถาร มันกลายเป็นศาสตร์อีกสายหนึ่ง

ฉันทานอาหารเรียบง่าย และใส่ใจเรื่องสุขภาพ อาหารเรียบง่ายนั้น มักมีราคาถูก หาง่าย

ในแง่ของรสชาติ ฉันก็ให้สิบคะแนนเต็ม นึกไม่ออกว่าจะต้องการอะไรมากกว่านั้น

๑๐

แต่เพราะฉันสนใจพื้นฐาน ฉันจึงให้ความสำคัญกับภูมิคุ้มกัน ฉันเชื่อว่าสุขภาพจะดีหรือไม่ ร่ายกายต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี และสิ่งนี้ได้มาด้วยการฝึกฝน ฉันให้ภูมิคุ้มกันร่างกายได้ทำงานในระดับหนึ่ง ฉันจึงไม่ชอบทานยา คนสมัยใหม่ จะทานยาก่อน และหากทำเสมอๆ ฉันสงสัยว่าภูมิคุ้มกันที่ไม่เคยทำงานเลย จะทำงานเป็นไหม เมื่อไม่ได้ใช้ ก็หมดประโยชน์ บัดนี้ เราจะพึ่งพายาตลอด ร่างกายยิ่งอ่อนแอ

และที่สำคัญคือจิตตก

คนที่ทุกวันต้องทานยา ไม่ป่วยก็คือคนป่วย ไม่แก่ชราก็คือแก่ชรา วันนี้ฉันอายุหกสิบกว่า ไม่ต้องทานยาใดเลยแม้แต่เม็ดเดียว

ฉันไม่ชอบทานยาป้องกัน เพราะภูมิคุ้มกัน และพื้นฐานทั้งหมด คือระบบป้องกัน

แต่แน่ละ หากฉันเจอหมอ เขาก็จะคิดต่างกับฉัน เพราะเขาเรียนมาอีกแบบ แต่สังขารของฉันคือหมอใหญ่ และฉันเชื่อหมอใหญ่มากกว่า ฉันอาจพลาดก็ได้ แต่ไม่เป็นไร มันเป็นสังขารของฉัน อย่างมากฉันก็แค่ตาย แต่ตายเพราะเชื่อตัวเอง ดีกว่าตายเพราะเชื่อคนอื่น

ตายเพราะเชื่อในคนที่รักฉัน ดีกว่าตายเพราะคนที่ไม่ได้สนใจชีวิตฉันเลย


๑๑

ครั้งหนึ่งฉันเดินทางในแอฟริกาเป็นเวลานานถึงเก้าเดือน

คนที่ร่วมเดินทางไปด้วย ทุกคนต้องทานยาป้องกันไข้มาลาเรีย เพราะโรคนี้ร้ายแรงยิ่งนักในทวีปนั้น โดยเฉพาะชาวตะวันตก หวาดกลัวกันมาก

แต่ฉันไม่ยอมทานแม้แต่เม็ดเดียว

ฉันยอมเสี่ยง แต่ฉันก็รอดมาได้ ในขณะที่คณะที่เดินทาง ขนาดทานยา ยังมีหนึ่งคนที่ป่วยเป็นมาลาเรีย และแทบจะเอาชีวิตไม่รอด

๑๒

สาเหตุที่ฉันไม่ทานยาป้องกันมาลาเรีย เพราะยาตัวนี้ราคาแพง รสชาติเลว มีผลต่อไต และยังมีผลข้างเคียงอย่างอื่นอีก บางคนนอนไม่หลับ บางคนมีอาการประสาทหลอน

ที่แสบที่สุด มันก็ไม่ได้ป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์ กระนั้นความกลัวทำให้ทุกคนทาน ฉันคิดว่าหากฉันต้องเดินทางนานถึงเก้าเดือน แค่รับยาตัวนี้นานขนาดนั้น ก็เท่ากับฉันทำลายไตตัวเอง และทำลายระบบภูมิคุ้มกันตัวเอง

ฉันมองชีวิตชาวแอฟริกันนับร้อยล้าน พวกเขาอยู่กันยังไง พวกเขาไม่ได้ทานยาตัวนี้แน่นอน

ฉันเดินไปถาม หลายคนก็เคยเป็นมาลาเรีย และรักษาหาย บางคนโชคดี อาจไม่เคยเป็นเลย

แน่ละ มีคนไม่น้อยเสียชีวิตไปแล้ว แต่คนที่รอด มีมากกว่า

ฉันยอมร่วมชะตากรรมกับพวกเขา พวกเขาอยู่ได้ ฉันก็ควรอยู่ได้ หากป่วยจริง ฉันก็รักษา หากไม่หาย ก็คือตาย

๑๓

เก้าเดือนผ่านไป ฉันก็ปลอดภัยดี ไม่รู้เพราะอะไร เพราะโชคดี หรือเพราะภูมิคุ้มกันของฉันดี ฉันตอบไม่ได้ ฉันรู้แต่ว่า หากฉันต้องเดินทางไปไหนอีก ฉันก็มีความมั่นใจที่จะไม่ทานยาตัวนี้ เพราะเก้าเดือนผ่านได้ หากต้องเข้าป่าที่ไหนสักแห่งสักเก้าวัน ฉันก็ไม่กลัว ในทางตรงข้าม หากเก้าเดือนนี้ฉันทานยา แล้วต่อมาฉันต้องเข้าป่าเก้าวัน ฉันก็จะกลัว อาการกลัวนี้ คืออาการจิตตก

บัดนี้ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอแล้ว ภูมิคุ้มกันของฉันหายหมด เพราะฉันทำลายมันเอง

๑๔

ฉันตรวจร่างกายประจำปี แต่ก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องตรวจละเอียดมาก

หากจะตรวจละเอียด ต้องมีมูลเหตุจริงๆ ต้องเจ็บปวดจริง ต้องผิดสังเกตมาก เพราะฉันไม่ใว้ใจการตรวจอย่างละเอียด

เคยมีคนไปตรวจร่างกายประจำปีอย่างละเอียดจนเสียชีวิต เพราะสังขาร ถึงอย่างไรมันก็ต้องเสื่อมไปตามวัย

หากไปตรวจละเอียด ยิ่งมาก ยิ่งเหมือนไปท้าทายมัน ท้ายสุดก็อาจเกิดเรื่อง

เข็มที่แทงเข้าไป อาจแทงผิด อาจเข้าลึกไปนิดหนึ่ง และนั่นหมายถึงหนึ่งชีวิต

ความแปลกอยู่ที่ว่า สังขาร หากอยากตรวจอย่างละเอียด มันไปได้ไม่สิ้นสุด ที่ว่าละเอียดแล้ว ก็ยังไม่พอ ฉันรู้ตัวว่า

ฉันไม่มีวันเข้าใจภูมิคุ้มกันของตัวเอง

ไม่มีวันเข้าใจเม็ดเลือดของตัวเอง

ไม่มีวันเข้าใจตับของตัวเอง