ฟ้า พูลวรลักษณ์ : แปลกที่โลกนี้ คนเราจะฆ่ากันด้วย

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

แปลกที่โลกนี้ คนเราจะฆ่ากันด้วย

๑ เรื่องใหญ่

๒ เรื่องเล็ก

แต่เรื่องกลางๆ มักไม่ค่อยมีเรื่อง ผู้คนเกิดสติ ใช้เหตุผล

เรื่องใหญ่ ทำให้คนเราฆ่ากันตาย เข้าใจง่าย เช่น ใครมาฆ่าพ่อแม่ของเรา เราอาจทนไม่ได้ หรือใครมาฆ่าลูกน้อยที่แสนรัก สติของเราอาจขาดผึง

แต่เรื่องเล็กนี้แปลก เหมือนมีเส้นประสาทเฉพาะบางอย่างในสมองของเรา ที่อ่อนไหวต่อจุดนี้พอดี เรื่องเล็กมากมายทำให้เราฆ่ากันตาย ทำไมเป็นอย่างนั้น

เมื่อเกิดคดี ดร. คนหนึ่งเอาปืนยิง ดร. อีกสองคนในราชภัฏพระนคร สาเหตุของมันนั้นเป็นเรื่องของการกลั่นแกล้ง เรื่องของการแต่งตั้ง เรื่องของตำแหน่งทางวิชาการ เรื่องของการตรวจสอบวุฒิ ฯลฯ จริงๆ เรื่องเหล่านี้ทั้งหมด ล้วนเป็นเรื่องเล็ก ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย แต่มันกระทบถูกเส้นประสาทเล็กๆ นี้พอดี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า เรื่องของศักดิ์ศรี เรื่องของการหยามหน้ากัน และบรรดานักวิชาการนั้น ดูเหมือนจะหวงแหนศักดิ์ศรีกันเป็นพิเศษ

เรื่องแบบนี้มีมากมาย เกิดขึ้นทุกวัน แปลกมาก ในโลกของมหาวิทยาลัย ในโลกของนักวิชาการ มีการกลั่นแกล้งกันเสมอ การกีดกัน การใส่ความ การทำร้ายกันแบบเล็กๆ ที่ว่าเล็กๆ เพราะถึงที่สุดของมันแล้ว ก็ไม่ได้กระทบอะไรในโลกข้างนอก มันมีผลเพียงในสถาบัน ในแวดวงอาชีพเดียวเท่านั้น

ดร. คนนั้นสามารถย้ายไปสถาบันอื่น หรือไปประกอบอาชีพอื่นได้มากมาย

ทำไมต้องฆ่าคนตาย และทำไมต้องฆ่าตัวเอง

แต่มันเป็นคำถามเดียวกัน กับคนที่ขับรถปาดหน้า แล้วออกมายิงกันตาย เพียงแค่ขับรถปาดหน้าเท่านั้น บุคคลที่สามจะมองออกว่านี่เป็นเรื่องเล็ก หากเรื่องเล็กแค่นี้ก็สมควรตาย เราคงตายหมดโลกไปแล้ว แต่เจ้าตัวรู้สึกทนไม่ได้ เพราะเส้นประสาทเล็กๆ เส้นนั้นกำลังทำงาน มันเหมือนถูกวิญญาณอื่นเข้าสิง

มันเป็นเรื่องเดียวกัน กับคนฆ่ากันตาย เพราะเพื่อนบ้านส่งเสียงดัง รบกวนเวลาหลับเวลานอน หรือมาทำร้ายสัตว์เลี้ยงของตน ไม่จำเป็นต้องเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนรัก ขอเพียงแค่เป็นสัตว์เลี้ยงของตน มันก็กระทบเส้นประสาทเล็กๆ นี้ได้

บางครั้งฉันนั่งอยู่ แล้วมีผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งมานั่งข้างๆ เธอเอามือปัดผมของเธอตลอดเวลา มันสร้างความรำคาญให้กับฉันอย่างสุดแสน

ครั้งหนึ่งฉันนั่งดูหนังอยู่ในโรงหนัง มีใครคนหนึ่งเอามือเคาะอะไรไม่รู้ โดยไม่รู้ตัว เสียงของมันรบกวนฉันแทบคลั่ง

บางครั้งฉันขณะใช้บริการอะไรบางอย่าง สำเนียงของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ มันมีอาการดูถูกดูแคลน หรือข่มขู่ หรือหยาบคาย มันทำให้ฉันเกิดความโกรธอย่างรุนแรง ไฟพวยพุ่ง

เส้นประสาทเส้นนี้ ไม่ได้ถูกกำหนดว่าเรื่องนั้นต้องใหญ่หรือเล็กแค่ไหน มันอาจเล็กยิ่งขึ้นไปอีก เบาขึ้นอีก เล็กจนแทบจะเป็นฝุ่นผง แต่หากใช่ มันคือใช่ มันกดดันเหลือประมาณ มันบีบคั้นให้กลายเป็นเรื่องใหญ่สุด มันคือตายเท่านั้น

มันคือความโกรธ แต่ทำไมต้องโกรธขนาดนั้น

น้ำเสียงที่ดังเกินไปนิดหนึ่ง หรือน้ำเสียงที่แสดงความดูถูก ในขณะที่ไม่ควรมีเพียงนิดเดียว อาจหมายถึงตาย

นี่ไม่ใช่ความโลภ เพราะผลประโยชน์ไม่ได้มากมาย ตีเป็นเงินก็เพียงไม่กี่บาท มันเหมือนการตีกันที่จุดอ่อน ตีกันที่จุดตาย มันเป็น curse

คดี ดร. ยิง ดร. อีกสองคนเสียชีวิต ทางการควรสืบสาว เพราะหากไม่มีสาเหตุ เขาคงไม่ทำ และสาเหตุนั้น น่าจะเกิดจากสิ่งที่ฉันเห็นเสมอ คือมีมาเฟีย ในทุกวงการมีมาเฟีย และที่ดุร้ายน่ากลัว คือวงการศึกษา มีคนบางคน อาจด้วยตำแหน่งที่เหนือกว่า อาจด้วยรู้กฎหมาย รู้ระเบียบข้อบังคับ และคนพวกนี้หากรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ก็คือมาเฟีย ชอบกลั่นแกล้งคนอื่น คดีแบบนี้มีมากมาย เพียงแต่ส่วนใหญ่จะถูกเก็บเงียบ ทางการควรสืบสาว เพื่อลงโทษขบวนการมาเฟียเหล่านี้ เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม และเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม มิเช่นนั้น อาจมีคดีทำนองนี้อีก

ในเมืองไทยหากมีสื่อสักสื่อ อาจเป็นรายการทีวีใดรายการหนึ่ง อาจเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับใดฉบับหนึ่ง ทำการสืบสาวขบวนการมาเฟียในการศึกษา จะตกใจที่ยิ่งสาวลึกยิ่งพบความฟอนเฟะ และเป็นการทำคุณต่อสังคมไม่น้อย ระบบการศึกษาของไทย ไม่เพียงทำให้นักเรียนนักศึกษากลายเป็นคนหัวอ่อน ขบวนการเหล่านี้ ยังทำให้บรรดาคณาจารย์กลายเป็นคนหัวอ่อน

พวกเขาเป็นขบวนการมาเฟีย เพราะหากจะเล่นงานพวกเขา ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็มีคนของพวกเขาอยู่ วางตำแหน่งกันไว้แล้ว เช่น หากจะไปฟ้องศาลปกครอง ก็มีคนของเขาคุมอยู่ หากจะไปฟ้องสภาคณาจารย์ ก็มีคนของเขา หากจะไปฟ้องสภาวิจัย ก็มีคนของเขา จะไปสภาไหน ก็มีคนของพวกเขา

ดังนั้นเอง จึงทำอะไรพวกเขาได้ยาก

หากคุณเป็นอาจารย์ และถูกกลั่นแกล้ง คุณควรทำอย่างไร

คุณมีสองทางเลือก

หนึ่ง คือช่างมัน ลาออก ทิ้งมันไปเหมือนขยะ เพราะที่จริงแล้วตำแหน่งทางวิชาการเหล่านี้ ไม่สำคัญอะไรเลยสำหรับชีวิต มองไปทางไหน ก็มีโอกาสอื่นมากมาย ไม่คุ้มค่าที่ต้องมาเครียดกับเรื่องไร้สาระเหล่านี้

สอง คือต่อสู้ไปจนถึงที่สุด แต่ต่อสู้เหมือนกำลังออกกำลังกายในห้อง fitness คือทำแบบสนุกๆ เพราะร่างกายและสมองต้องการการฝึกฝน ต้องการการออกกำลังกาย ให้เฝ้ามองสิ่งนี้ด้วยความพิศวง แปลกใจ และขบขัน คือสู้ไป ก็อมยิ้มไป และเบิกบานใจ

ผู้คนในแวดวงวิชาการคงแปลกใจ เพราะมันผิดกับความเคยชิน นักวิชาการที่โดนข้อหา หรือโดนกลั่นแกล้งจะเครียดหนัก จะเศร้าหมอง แทบเป็นแทบตาย อาจเคียดแค้น ถือเป็นการหยามศักดิ์ศรี แต่พวกเขาคงงงงวย ที่เห็นคุณเบิกบาน เปล่งปลั่ง เพราะที่จริงคุณกำลังออกกำลังกายใน fitness ทุกวัน คุณกำลังเต้นแอโรบิก

แบบนี้คุณจะแพ้ยาก ถึงแพ้ก็คือชนะ เพราะใจชนะไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว คนอื่นก็คงรู้สึกตัว มองออกเองว่า ที่จริงตำแหน่งทางวิชาการเหล่านี้ เป็นเรื่องเล็ก ทำไมถึงรู้ตัวช้าอย่างนี้

น่าประหลาด ฉันรู้สึกเสมอว่า

๑ อาชีพครู

๒ อาชีพข้าราชการ

เป็นเหมือนบ่อทรายดูด เข้าไปแล้ว ออกยาก

ฉันมีเพื่อนหลายคนที่มาเป็นครูหรือข้าราชการ เพียงเพราะในช่วงเวลานั้น พวกเขาว่างงาน และคิดว่าจะทำเล่นๆ เป็น part time แต่เอาเข้าจริง เมื่อก้าวเข้าไปแล้ว ทุกคนก็คือ full time และพริบตาเดียว สิบปีผ่านไป ยี่สิบปีผ่านไป เข้าไปแล้วไม่กลับออกมา

เป็นไปได้ที่วันหนึ่ง พวกเขาจะเจอขบวนการมาเฟียเหล่านี้ พวกที่ต้องการให้คุณเป็นสมุนรับใช้ คอยพินอบพิเทา หากไม่ได้ ก็จะถูกกลั่นแกล้งทำลาย ชาตินี้อย่าหวังจะก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน

๑๐

เหน็ดเหนื่อย บั่นทอน หมดกำลังใจในการทำงาน หรือไม่เส้นประสาทเล็กๆ นี้จะทำงาน แล้ววันหนึ่งคุณก็จะหยิบปืนออกมา ยิงคนชั่วร้ายเหล่านี้ให้หมด ยิงให้ตายทั้งกลุ่ม กลายเป็นข่าวสะเทือนใจ เพราะสืบสาวราวเรื่องไปแล้ว ต้นกำเนิดของมัน เล็กนิดเดียว

ท้ายสุด ชีวิตของคุณก็จบลง เพราะอิทธิพลของเส้นประสาทเส้นเล็ก