ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 สิงหาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกทรรศน์ |
ผู้เขียน | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ |
เผยแพร่ |
โลกทรรศน์
อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์
มิตรของเผด็จการเมียนมา
นับวันข่าวเกี่ยวกับเมียนมายิ่งน่าสนใจและน่าเป็นห่วง
หลังรัฐประหารกุมภาพันธ์ 2564 ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่เพียงประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงออกจะดับวูบลงและดูไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว ท่ามกลางการปราบปรามฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารทั้งจากประชาชนและกลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ แล้ว
เศรษฐกิจเมียนมาก็ดำดิ่ง ราคาพลังงานสูงขึ้น เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและอุปโภคบริโภค บริษัทต่างชาติถอนตัวออก
ไม่ถึงปี เศรษฐกิจเมียนมาชงักงันและก้าวสู่วิกฤต เศรษฐกิจหดตัว 18% ความยากจนเพิ่มขึ้น 40% หรือถอยหลังไป 10 ปี รายได้รัฐเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 40% ค่าไฟฟ้า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังไม่ได้จ่าย
นี่หรือประเทศเจ้าของแหล่งพลังงานทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า และขายพลังงานให้ไทย
ค่าเงินจ๊าต (Kyat) ที่อ่อนค่าลง จนกระทั่งทางการเมียนมาบังคับห้ามบริษัทเอกชนทั้งคนเมียนมา บรรษัทต่างประเทศแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีการบังคับขายเงินตราต่างประเทศต่ำกว่าราคาตลาด
สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเมื่อรัฐบาลทหารเมียนมาสั่งประหารนักโทษการเมือง 4 คน
ผู้นำทหารเมียนมาไม่ฟังคำทัดทานจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นอาเซียน ปฏิเสธหลักการ 5 ข้อของอาเซียน ที่เสนอให้มีการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายต่อต้าน
เป็นเรื่องเข้าใจได้หากรัฐบาลทหารเมียนมาไม่รับฟังข้อเสนอจากชาติตะวันตก เพราะฐานคิดที่ว่า ชาติตะวันตกแทรกแซงและต้องการลงโทษเมียนมา
ประเด็นคือ แล้วรัฐบาลทหารเมียนมาฟังใคร ไว้วางใจใครบ้าง
ผมอยากดูชาติที่นับว่าเป็นมิตรของเมียนมาตอนนี้ได้แก่ รัสเซียและญี่ปุ่น
มอสโก
ถึงแม้รัสเซียจะอยู่ห่างไกลจากเมียนมา แต่รัสเซียสัมพันธ์กับเมียนมาลึกซึ้งในฐานะแหล่งอาวุธของรัฐบาลเมียนมา มาอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งเมียนมาถูกบอยคอตจากชาติตะวันตก ยิ่งทหารทำรัฐประหาร เมียนมายิ่งหลุดออกจากเวทีการเมืองโลก และยิ่งมีแรงต่อต้านจากฝ่ายต่อต้านซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธ แม้อาวุธของกองกำลังชาติพันธุ์ไม่อาจทัดเทียมได้ เมียนมาก็ยิ่งต้องพึ่งพารัสเซียโดยเฉพาะอาวุธ รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Alexander Fomin เยือนเมียนมาเป็นครั้งคราว
ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย (Min Aung Hlaing) เดินทางไปเยือนรัสเซียเพื่อขยายความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและพลังงาน
แต่รัสเซียไม่ประสงค์ให้สาธารณะเห็นภาพการโอบอุ้มเมียนมา ท่านนายพลจากเนปิดอว์จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบประธานาธิบดีปูตินที่มอสโก
ทางการรัสเซียเรียกการเยือนครั้งนี้ว่า เป็นการเยือนส่วนตัว
หลังรัฐประหารในเมียนมา รัสเซียใช้ความร่วมมือทางทหารขยายอิทธิพลในเมียนมา โดยสนับสนุนการปฏิบัติการด้านทหาร รัสเซียจัดส่งโดรน เครื่องบินรบและยานเกราะให้เมียนมา
ตอนนี้รัฐบาลทั้งสองร่วมมือกันต่อต้านการแทรกแซงและแซงก์ชั่นจากชาติตะวันตก และแสวงหาการขยายเป้าหมายร่วมของทั้งสองประเทศ
การได้อาวุธต่อเนื่องจากรัสเซียคือ แผนงานหลักของเมียนมา และผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า เมียนมาแลกเปลี่ยนวัตถุดิบให้แก่รัสเซียเป็นการตอบแทน1 การเยือนรัสเซียครั้งล่าสุด มิน อ่อง ลาย ยังหาทางสร้างพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายจากสงคราม
สำหรับรัสเซีย เมียนมาตั้งอยู่บนภูมิรัฐศาสตร์ ระหว่างอินเดียและจีน ชายฝั่งติดกับอ่าวเบงกอล เมียนมาสามารถเข้าถึงมหาสมุทรอินดีย และการค้าทางทะเลผ่านเข้าทะเลจีนใต้
หลังรัฐประหาร เมียนมาโดดเดี่ยวและพึ่งพามากจากจีน ช่วงรัฐบาลพลเรือนเมียนมาลดการดำเนินการโครงการข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนลง แต่รัฐบาลทหารนำมาปัดฝุ่นหลายโครงการ
กับจีน ทหารเมียนมากังวลกับการตกอยู่ในอุ้งมือจีนทั้งหมด ซึ่งไม่เหมือนกับรัสเซีย ที่รัสเซียทำแค่ความผูกพันทางทหาร จีนให้อาวุธและยังสัมพันธ์กับทหารฝ่ายกบฏอีกด้วย รัฐบาลทหารเมียนมาจึงกระจายความผูกพันเข้าใกล้รัสเซีย และรัสเซียเริ่มตอบสนองบ้างแล้ว
รัสเซียจึงเป็นหนึ่งในมิตร แต่ก็ได้ประโยชน์จากเมียนมาไม่น้อย
โตเกียว
โดยพื้นฐาน ญี่ปุ่นมีนโยบายต่างประเทศตามแนวทางสหรัฐอเมริกาหลายด้าน ยิ่งภายหลังรัฐบาลอาเบะ (Abe) และนายกรัฐมนตรีคิชิดะ (Kishida) ด้วยแล้ว ญี่ปุ่นมีนโยบายต่างประเทศต่ออินโด-แปซิฟิก ความร่วมมือจตุภาคี QUAD เพิ่มศักยภาพทางทหารและอาวุธ ประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
แต่ญี่ปุ่นไม่เคยวิจารณ์การรัฐประหารในเมียนมา ญี่ปุ่นไม่เคยถอนการสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียมา
สมัยนายกรัฐมนตรีโยชิเดะ สึงะ (Yoshihide Suga) นายกรัฐมนตรีก่อนคิชิดะ เขาแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งต่อผลของความรุนแรงในเมียนมา แต่ไม่ได้ทำอะไรกดดันทหารเมียนมา
นายกรัฐมนตรีคิชิดะยังคงนโยบายนี้ต่อเมียนมา แม้บริษัทใหญ่ เช่น Kirin Holding ถอนหุ้นส่วนใหญ่ที่ร่วมลงทุนกับทหารเมียนมาเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา
สหรัฐแช่แข็งเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐของธนาคารกลางเมียนมา แต่ญี่ปุ่นปฏิเสธกดดันต่อและใช้การแซงก์ชั่นบรรษัทของผู้นำเมียนมาและพวกพ้อง2
ญี่ปุ่นระงับความสนับสนุนทางการทูตและด้านมนุษยธรรมแก่รัฐบาลเงา รัฐบาลเพื่อเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government-NUG) บริษัท Mitsubishi Group ยังลงทุนใน Yetagun Offshore Gas ที่เป็นจักรกลการหล่อเงินเลี้ยงชีวิตระบอบทหารเมียนมา
นโยบายของญี่ปุ่นมาจากสมมุติฐานที่ไม่สำคัญกับระบอบทหาร มิน อ่อง ลาย ยังอยู่ในอำนาจ และเป็นความจริงทางการเมือง
ทหารเมียนมากำลังแกว่งไปแกว่งมา ด้วยการต่อต้านอย่างป่าเถื่อนกับชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์และองค์กรของพวกเขา และมีแนวโน้มเริ่มก่อสงครามใหม่กับกองกำลังทหารในรัฐอรากัน (Arakan) ทางตะวันตกของรัฐยะไข่ (Rakkine) แต่ที่น่าสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ทหารเมียนมาต้องกังวลกับเส้นทางลำเลียงอาวุธการป้องกันประเทศผ่านหัวใจชาวเบอร์มัน (Heartland Burmar)
4 ยุทธการเผด็จการทหารเมียนมาคือ ยึดครองประชาชน เผาผลาญหมู่บ้าน ใช้ความรุนแรงทางเพศ ใช้คนเป็นโล่และใช้ประโยชน์จากปืนใหญ่และเครื่องบิน แต่ด้วยขนาดและทรัพยากรมหาศาล พวกเขาดูแคลนแรงสนับสนุน NUG ของประชาชน ทหารเมียนมากลายเป็นสถาบันพิษ เป็นที่รังเกียจและหวาดกลัวของคนทั่วไป
แล้วญี่ปุ่นไม่กังวลจุดผลิกพันในสงครามกลางเมืองครั้งนี้บ้างหรือ ญี่ปุ่นน่าใคร่ควรให้มากๆ ต่อเศรษฐกิจที่พังพินาศ รวมทั้งระบอบทหารทำลายระบบธนาคาร ระบบเศรษฐกิจ ไม่มีการลงทุนนอกจากจีน แล้วจะกระทบทุนต่างชาติ รวมถึงญี่ปุ่นด้วย
ญี่ปุ่นมีสมมุติฐานที่ไม่สำคัญ แล้วยังแปลกที่ไม่แตะต้องเผด็จการทหารเมียนมา
นั่นหมายความว่า มิตรแท้ที่ชื่อญี่ปุ่น ก็มองผลประโยชน์ฝ่ายตนมากๆ ด้วย
มอสโกหรือโตเกียว คือมิตรของเผด็จการทหารเมียนมาหรือ
1Mohamed Zeeshan, “Russia in Gaining an Indo-Pacific Foothold Through Myanmar” The Diplomate, 25 July 2022.
2Zachary Abuza, “Japan is backing the wrong side in Myanmar” Nikkei Asia, 28 July 2022.
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022