5 เดือนคดีแตงโม-กำลังถึงบทสรุป/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

5 เดือนคดีแตงโม-กำลังถึงบทสรุป

 

อัยการนัดฟังคำสั่งคดีดาราสาวแตงโมเสียชีวิต ในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ หลังจากที่เลื่อนฟ้องมาแล้ว 3 ครั้ง โดยหากไม่มีอะไรต้องพิจารณาเพิ่มเติมอีก น่าจะมีบทสรุปในชั้ยอัยการอย่างเป็นทางการเสียที หลังจากที่เกิดเหตุเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ เท่ากับว่าคดีนี้ได้ผ่านมาแล้ว 5 เดือน

5 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า จากเดิมที่ฝ่ายเคลื่อนไหวโต้แย้งการทำคดีของตำรวจ โดยมองว่าเป็นการฆาตกรรมแน่นอน

กระแสการฆาตกรรมแตงโม ที่เดิมร้อนแรงอย่างมากในโลกโซเชียล ผู้คนในสังคมซึ่งไม่ค่อยเชื่อถือตำรวจ ก็พากันเชื่อถือฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวประเด็นฆาตกรรมอย่างมาก

แต่นับวัน กระแสฆาตกรรมแตงโม ก็ยิ่งแผ่วลงไปเรื่อยๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่สามารถแสดงพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า มีการฆ่าแตงโม

ที่ออกมาเคลื่อนไหวยืนยันว่าฆ่าแน่ๆ แต่ลงเอยก็ไม่สามารถโชว์พยานหลักฐานที่บ่งบอกว่าเป็นฆาตกรรมให้เห็นได้

มีแต่ความเชื่อ มีแต่การโหมกระแส แต่ไม่มีพยานหลักฐานรองรับว่าฆ่ากันอย่างไร!?

ในทางตรงกันข้าม สำนวนคดีของตำรวจที่สรุปว่า แตงโมตกเรือเสียชีวิต ไม่ใช่การฆาตกรรม พร้อมกับตั้งข้อหา 5 คนบนเรือว่า มีการกระทำโดยประมาท จนเป็นเหตุให้แตงโมตกน้ำตาย

สำนวนคดีนี้ พนักงานสอบสวนตำรวจได้นำเสนอต่ออัยการเมื่อปลายเดือนเมษายน

หลังจากอัยการจังหวัดนนทบุรีได้ตรวจสอบพยานหลักฐาน สำนวนคำให้การต่างๆ ที่เจ้าพนักงานตำรวจรวบรวมนำเสนอขึ้นมา ได้มีการขอให้สอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น แต่อัยการก็ไม่ได้มีท่าทีในลักษณะที่เห็นโต้แย้ง หรือไม่เอาด้วยกับสำนวนคดีที่ตำรวจนำเสนอขึ้นมา

จากนั้นอัยการจังหวัดได้นำสำนวนเสนอต่ออัยการภาค 1 เพื่อตรวจสอบอีกชั้น ซึ่งอัยการภาค 1 ได้สั่งสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น จนคาดว่าในต้นเดือนสิงหาคมนี้ อัยการน่าจะมีบทสรุปสั่งคดี

  แต่โดยรวมแล้ว ยังไม่มีทีท่าจากอัยการ ในลักษณะที่จะพลิกคดีพลิกข้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีแนวโน้มที่จะพลิกไปถึงขั้นกลายเป็นคดีฆาตกรรม

ทั้งนี้ หากอัยการมีบทสรุป สั่งคดีให้นำผู้ต้องหาพร้อมสำนวนส่งฟ้องต่อศาล โดยยืนข้อหาเดิมที่ตำรวจตั้งเอาไว้คือ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ก็จะเป็นคำตอบได้ในระดับหนึ่งว่า สำนวนและพยานหลักฐานที่ตำรวจนำเสนอขึ้นมา เมื่ออัยการกลั่นกรองแล้ว พิจารณาคำให้การ พิจารณาพยานหลักฐานแล้ว มีน้ำหนักเพียงพอ

ไม่ใช่การทำสำนวนแบบบิดเบน บิดเบือนพยานหลักฐานแต่อย่างใด!

 

หากพิจารณาสำนวนคดีและพยานหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมในคดีแตงโมนั้น โดยภาพรวมแล้ว ตำรวจไม่พบพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามีการฆาตกรรม เนื่องจากผลการตรวจพิสูจน์เรือสปีดโบ๊ต โดยคณะผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งเข้าตรวจสอบในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ

การตรวจพิสูจน์ด้วยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์สรุปว่า บนเรือไม่ปรากฏมีคราบโลหิตแม้แต่จุดเดียว

สอดคล้องกับผลการตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิต โดยคณะแพทย์นิติเวชยืนยันได้ว่า สภาพร่างกายไม่มีการถูกทำร้าย ไม่มีการทุบตี กะโหลกศีรษะไม่มีรอบยุบ ฟันอยู่ครบเป็นปกติ ร่องรอยบาดแผลจะพบแต่ที่บริเวณขาเท่านั้น ซึ่งตำรวจเชื่อว่าสอดคล้องกับลักษณะการตกเรือ คาดว่าบาดแผลที่ขาน่าจะมาจากใบพัดเรือ

หากมีการใช้ของมีคมทำร้ายกัน ไม่น่าจะมีบาดแผลเฉพาะที่ขา การแทงการฆ่าต้องกระทำต่อร่างกายจุดอื่นๆ

รวมทั้งเสื้อผ้าผู้ตายอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีการฉุดกระชากฉีกขาด มีเพียงผ้าขาวพันเอวชิ้นเดียวที่หลุดหายไป

นอกจากนี้ปรากฏว่า บริเวณบอดี้สูทของผู้ตายมีรอยแหวก ตรงกับคำให้การของแซนหรือนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ที่อ้างว่าแตงโมตกเรือ ขณะไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ โดยแหวกบริเวณเป้า

จุดสำคัญอีกประการ โดยหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์มือถือของทุกคนบนเรือไปตรวจสอบ ซึ่งพบประเด็นสำคัญคือ จากช่วงนาทีที่ดาราสาวแตงโมตกเรือ จากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 15 นาที มือถือของคนบนเรือทั้งหมดมีการโทร.ออกอย่างถี่ยิบ ไปยังบุคคลหลายราย

ชุดสืบสวนได้ไปสอบปากคำบุคคลที่รับโทรศัพท์เหล่านั้น จากเบอร์โทร.ปลายทางทั้งหมด ทำให้ได้ข้อมูลว่า คนบนเรือได้โทรศัพท์มาหาในฐานะเพื่อนสนิท หรือไว้วางใจให้คำปรึกษา ทั้งหมดคือการโทร.มาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหมาดๆ บอกเล่าอย่างตื่นตกใจ ว่าแตงโมตกจากเรือแล้วจมหายไป

ทั้ง 5 คนบนเรือโทร.หาคนต่างๆ ในช่วง 15 นาทีหลังเกิดเหตุ บอกเล่าเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน และสอดคล้องกับคำให้การที่บอกเล่าให้พนักสอบสวนฟัง

จุดสำคัญคือ ช่วง 15 นาทีหลังเกิดเหตุใหม่ๆ นั้น เป็นช่วงที่เพิ่งเกิดเหตุสดๆ ยังไม่มีเวลานั่งขบคิดหรือวางแผนคำให้การใดๆ และบอกเล่าคล้ายคลึงกันจากคนทั้ง 5 ไปยังปลายทางนับสิบๆ ราย

  จึงถือเป็นคำบอกเล่าที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ สอดรับกับพยานหลักฐานอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่าไม่มีการทำร้าย ไม่มีการฆ่ากัน แต่เป็นการตกเรือที่ท้ายเรือ

นอกจากนี้ จากภาพถ่ายที่ตรวจสอบในมือถือของคนบนเรือ และจากพยานบุคคลแวดล้อมอื่นๆ ไม่มีพบว่ามีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นบนเรือ

ไม่มีมูลเหตุความขัดแย้งใดๆ ที่จะนำมาสู่การวางแผนลวงแตงโมมาเข่นฆ่า

ส่วนที่ฝ่ายเชื่อว่าเป็นฆาตกรรม อ้างว่ามีการลวงแตงโมมาในเรื่องเพศ ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเรือสปีดโบ๊ตมีการแล่นออกไปเทียบท่าเรือท่าไหนเพื่อส่งแตงโมไปโรงแรมที่อ้างกัน รวมทั้งที่อ้างว่ามีการนำแตงโมไปขึ้นฝั่ง แล้วน่าจะเข่นฆ่ากันบนบกนั้น

จีพีเอสเรือ ซึ่งอธิบายได้ว่าเรือลำนั้นแล่นไปไหนบ้าง จังหวะเวลาไหนแล่นเร็วหรือแล่นช้า ยืนยันได้ว่าแตงโมไม่ได้ขึ้นไปจากเรือแต่อย่างใด

 

การสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานเป็นคณะทำงานชุดใหญ่ นับร้อยคน แบ่งงานเป็นฝ่ายต่างๆ แยกย้ายไปดำเนินการ มี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 เป็นผู้ควบคุมคดี มีอีก 4-5 นายพลระดับรองผู้บัญชาการร่วมตรวจสอบ

แถมยังมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ตรวจสอบอีกชั้น

ยังรวมไปถึงคณะทำงานของกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช

การทำงานเป็นคณะใหญ่ขนาดนี้ เป็นเรื่องยากมากที่จะบิดเบนรูปคดี เป็นเรื่องยากมากที่จะมีผู้ต้องหารายไหนมาวิ่งเต้นล้มคดีได้

แน่นอนว่าตำรวจแอบล้มคดียังมีอยู่ แต่ต้องเป็นคดีเล็กๆ ทำคดีโดยตำรวจบนโรงพักไม่กี่คน

*แต่ไม่ใช่คดีใหญ่ระดับดาราสาวแตงโมเสียชีวิต*

บัดนี้สำนวนคดีของตำรวจ ซึ่งกำลังกลั่นกรองตรวจสอบพยานหลักฐาน คำให้การต่างๆ ในชั้นอัยการ หากกลั่นกรองแล้วเห็นพ้อง ก็คงจะสรุปสั่งฟ้องส่งศาลต่อไป

การตรวจสอบชั้นอัยการนี่แหละ จะบ่งบอกได้ว่า สำนวนที่ตำรวจทำมา มีเบี่ยงเบนเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาจริงหรือไม่

แล้วยิ่งเมื่อคดีไปสู่ชั้นศาล คราวนี้ได้เปิดหมดพยานหลักฐาน ได้มีการซักค้านกันอย่างเข้มข้น เมื่อมีคำพิพากษาออกมา จะบอกได้ว่าคดีที่ตำรวจทำมานั้นถูกต้องหรือบิดเบี้ยว

ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่เคลื่อนไหวโจมตีว่าตำรวจล้มคดี ยืนยันว่าเป็นการฆาตกรรมแน่ๆ

ผ่านมาแล้ว 5 เดือน กระแสฆ่าแตงโมก็ยังเป็นเพียงกระแส ที่ฮือฮากันในโซเชียล

ผ่านมา 5 เดือนแล้ว ก็ยิ่งไม่เห็นพยานหลักฐานๆ ใดเลย ที่จะรองรับว่าเป็นการฆาตกรรม!