กลายเป็นผีเสื้อ / ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด : นฤพนธ์ สุดสวาท

ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด

นฤพนธ์ สุดสวาท

 

กลายเป็นผีเสื้อ

 

มีคนตามหาเธอ เขาบอกว่าเป็นนักจับแมลง

ผีเสื้อตัวนั้นสีสันประหลาด ชมพูอ่อนมีขนปุยบนหัวสีเหลืองเหมือนสายไหมแปะไว้ กางปีกกว้างไม่เกินห้าเซนติเมตร ฮือฮากันมากในกลุ่มคนรักผีเสื้อหลังราตรีโพสต์ลง เธอเล่าว่าคล้ายกันนี้ก็เพิ่งพบเจอแถบอเมริกาเหนือ เปิดจากมือถือให้ผมดูก็คล้ายกันจริง ต่างที่ว่ามีลายเหลืองพาดสดใสบนปีกเพิ่มเข้ามา ทำให้ผมนึกถึงขนมหวานสีสันฉูดฉาด หลังจากนั้นนักจับแมลงก็ตามมาถึงบ้าน

ผมบอกว่าเธอจากไปนานแล้ว

เขายังไม่ทิ้งความหวังอันริบหรี่ เธออาจกลับไปเปิดเฟซบุ๊ก และได้อ่านข้อความที่เขาทิ้งไว้เมื่อเดือนก่อน

“ถูกพบที่ไหน คุณพอรู้รึเปล่า” เขาถาม

ผีเสื้อตัวนั้นเหมือนเธอ ทั้งหายากและสวยงาม ดวงตาเหมือนมีหยดน้ำค้างคลอแวววาวเสมอ เส้นผมสั้นทัดหูดูอ่อนวัยร่าเริง ผมนึกทบทวน ระยะทางที่เธอเคยหายออกจากบ้านไป ส่ายหัวแทนคำตอบ ผมเล่าแค่ตอนราตรีหายตัวรวมถึงหลังจากนั้นอีกนิดหน่อย

นักจับแมลงไม่เชื่อ แน่ละ ใครมันจะเชื่อ แม้แต่ผม

 

เราพบกันครั้งแรกหลังป่าช้า คืนนั้นผมเอาดอกไม้ไหว้โกฏกระดูกพ่อแม่ จันทร์เสี้ยวถูกทิวไม้บดบังส่องแสงนวลอาบไล้บางเบาทั่วบริเวณ เงาดำเขยิบออกมา ราตรีเยื้องย่างออกจากป่าตรงนั้น เธอไม่ใช่คนของที่นี่ ผมฉายไฟส่องเข้าใบหน้าก่อนเธอเข้ามาถึงตัว สายลมเย็นชวนให้นึกถึงผีมากกว่าคน เธอบอกว่ามาดูสัตว์ เป็นการพบกันที่โรแมนติกสยองดี

บ้านผมอยู่ด้านหลังอำเภอ ทิศทางที่ไม่สามารถไปไหนต่อได้อีกเลย สุดขอบโลกเหมือนที่ป่าช้า พ้นไปก็เขตป่า ความตั้งใจแรกให้เธอหลับนอนค้างแค่คืนนั้น อายุราวยี่สิบกลางๆ มีเป้สองใบ ใบใหญ่มีเสื้อผ้า ใบเล็กมีรูปมือชูสามนิ้วแบบคุ้นตาปักด้วยเส้นด้ายสีขาว

คืนเดียวจะจากไป จนแล้วจนรอดเธออยู่เรื่อยมาถึงสามเดือน

 

“ผีเสื้อตัวนั้นหายาก ผมเองก็ไม่เคยเห็น” นักจับแมลงร้องขอน้ำดื่มสักแก้ว “คงเป็นป่าในเขตนี้”

ผมพยักหน้ารับรู้การคาดเดาของเขา นึกถึงสิ่งที่ราตรีเล่า การมาและการจากแสนง่ายดาย ผีเสื้อที่ไหนก็เหมือนกัน มีปีกเพื่อขยับบินกลับไปกอดหยดน้ำ ไปกอดกลีบดอกไม้ กอดสายลมใต้ปีก หรือกอดอะไรผมไม่รู้เลย รู้เพียงว่าเธอบินจากไป

ในเช้าวันโกน ราตรีย้ำหลายรอบว่าพอถึงวันพระจะบินจากไป วันต่อมาผมไม่รอให้ความมืดโรยตัว ดวงจันทร์ขึ้นแขวนตั้งแต่สี่โมงเย็น ราตรียังอยู่ไหนสักแห่ง นั่งเล่นริมแม่น้ำหรือวิ่งในสวนสาธารณะ ผมรีบกลับบ้านพุ่งตัวขึ้นห้องนอนบนชั้นสอง เข้าหาหน้าต่างทุกบานเหมือนบั้งไฟแทงเสียดทะยานบนอากาศ ผลักหน้าต่างทุกบานอ้าทิ้งไว้ รอจนฟ้ามืดเธอจึงกลับมา เรากินข้าวตอนโทรทัศน์ออกข่าวพระราชสำนัก อิ่มแล้วเธอออกไปสูบบุหรี่ แสงจันทร์ส่องให้เห็นว่าเธอเงยหน้าพ่นควันแช่มช้า ช่างสวยเหลือเกิน โค้งมนใบหน้าเธอทำผมเศร้ามากขึ้น จนสักพักเธอเดินขึ้นบ้านอาบน้ำเข้าห้อง ผมอาบน้ำเข้าห้องเหมือนกัน แต่เราก็แยกห้องกันมาตั้งแต่ต้น คืนวันพระนั้นเองเธอก็จากลา กลายเป็นผีเสื้อกลางคืนบินออกไปทางหน้าต่าง

“ทว่า ผมไม่เชื่อเรื่องเล่าบ้าๆ นั่นเลยสักนิด” ผมถามนักจับแมลงว่าต้องการอะไรเพิ่มรึเปล่า ก่อนจะพูดต่อถึงเรื่องที่เธอเล่า “เธอบอกว่าหลังจากโบยบินออกไป จะไปเกาะตามต้นไม้แถวหลังป่าช้า ก็สถานที่ที่เธอเดินออกมาในคืนนั้น นี่เธอเล่าวันก่อนจะจากไปนะ นกกลางคืนจะกลืนเธอลงสู่ท้องก่อนพาไปนอนปลอดภัยที่ชายคาบ้านใครสักคน บอกจะมีแมวมากลืนนกลงท้องต่ออีกทียิ่งเหลวไหล สามวันก่อนผมเห็นกระดาษเอสี่แปะหน้าร้านกาแฟกับในตลาด เป็นประกาศหาแมว คนชงกาแฟบอกว่าเป็นของหมอ มันหายไปจากบ้านพักของเขา ใช่แมวตัวที่กลืนนก แล้วใช่นกตัวที่กลืนราตรีรึเปล่าผมไม่แน่ใจ บ้าฉิบหาย”

“อาจเป็นเธอ” เขาหัวเราะเสียงดังจนตาหยี

ผมตามน้ำ “อาจจะใช่”

“นกกลางคืน นกอะไร”

“ไม่รู้สิ นกห่าอะไรคงกินผีเสื้อทั้งนั้นละมั้ง นกฮูกยังกินหนูกินกระรอกได้เลย”

นักจับแมลงดูจะไม่สนุกด้วยกในเรื่องเล่า เขาขอตัวออกไปเดินรอบตัวบ้าน ผมบอกตามสบาย เขาจึงก้าวออกไปสวมรองเท้าโดยวนไปทางซ้ายที่มีลานโล่งเตียน มองไปสุดตาพบภูเขาทางใต้ทอดยาวโอบอำเภอ ถ้าอ้อมไปถึงหลังบ้านไม้ใหญ่สี่ต้นแผ่เงาคลุมอยู่ ถ้าวนกลับอีกฟากผมวางชุดโต๊ะหินไว้นั่งรับลม จากตรงนั้น มองไปให้ถึงสักสองกิโลเมตรผ่านบ้านเรือนจะพบป่าช้าตั้งอยู่

มีนกโผลงบนหลังรถของนักจับแมลง ผมสงสัยว่าอาจเป็นอีกร่างของราตรีรึเปล่า กำลังอ้าปากส่งเสียงร้องเรียกดูเล่นๆ เขาก็เดินวนกลับมาหน้าประตูพอดี นักจับแมลงพูดขึ้นในท่าทีเร่งรีบ “ถ้าติดต่อเธอได้ รบกวนแจ้งกลับด้วย”

ผมอยากพูดประโยคนั้นเหมือนกัน แต่เขาไม่รอฟังเลย ขึ้นรถแล้วจากไป

 

เธอกลายเป็นนกสักตัวไปแล้ว

มีคนมาหาเธอหลังนักจับแมลงจากไปสองวัน จอดรถตอนฝนโปรยปรายลงพอดี ทิ้งรอยล้อหักเลี้ยวจากถนนลาดยางเป็นโค้งกว้าง ภูเขาทั้งลูกเมฆหมอกอาบคลุมขาวพร่าเลือน ผมส่องเห็นเขาจากทางหน้าต่างชั้นสอง กลิ่นผ้าม่านเก่าเน่าฟุ้งแตะจมูกชวนอาเจียน คิดว่าจะปลดออกซักทันทีถ้าฝนทิ้งช่วง

เขาเดินเข้าชายคาหน้าบ้านจังหวะผมลงไปถึงพอดี ถอดหมวกออกก่อนจะสะบัดหยดน้ำลงสู่พื้น แนะนำตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนก และผมก็เชื่อ

“เธอกลายเป็นนกกลางคืนที่ผมไม่รู้จัก” ผมคลายมือวางถ้วยชาร้อนบนโต๊ะให้ผู้มาเยือน ฝนหนักแล้ว เขาน่าจะอยู่กับผมอีกระยะหนึ่ง “ผมไม่รู้เรื่องนก คุณต้องรู้สิว่านกแถบนี้มีสายพันธุ์อะไรบ้าง”

“พอรู้ แค่อยากรู้มากขึ้น ถ้ารู้ว่าพันธุ์อะไรคงเดาพฤติการณ์มันเพิ่มได้”

“สวย ผมหมายถึงเธอก่อนกลายร่าง” ชาคลายควันอวลอ้อยอิ่งเหนือขอบถ้วยเซรามิก ผมจุดบุหรี่สูบ ยื่นซองไปข้างหน้าขณะคู่สนทนากวาดสายตาทั่วบ้านไม่เลิก “คุณคือนักจับแมลงหรือนักดูนก”

เขายักไหล่ “เผื่อเจอร่องรอย…ผมเป็นทั้งสองอย่าง”

“บ้านนี้ไม่ใช่รังนก คุณมาผิดที่” บ้านนี้อาจเคยเป็นรังรัก กลิ่นตัวเธอราวละอองเกษรปลิวฟุ้งติดอยู่ทั่ว หนังสือบางเล่มเจือกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากมือเธอที่เคยสัมผัส กระทั่งโซฟาหนังเก่าเปื่อยที่เขานั่ง นั่นก็มีกลิ่นตัวเธอ ผมไม่เคยเช็ดถูเลย ทั้งราวบันได ลูกบิด เก้าอี้ ปล่อยให้ฝุ่นจับเกาะเคลือบกลิ่นไว้ “เป็นนกสักตัวที่ป่าหลังป่าช้านู้นแน่นอน บนต้นไม้สักต้น”

“นั่นมันป่าละเมาะ”

“ก็ป่าเหมือนกัน”

เขาคงไม่รู้อะไร พ้นเขตราวสามร้อยไร่ตรงนั้นมันบรรจบเขตห้วยขาแข้ง อยากเห็นอะไรบ้าง อย่าว่าแต่สัตว์ป่าทั่วไป มันเป็นไปได้ทั้งนั้น ผมเคยอ่านพบว่า บางแห่งในอินเดียหลังเผาศพต้องทุบกะโหลกให้แตกเพื่อปลดปล่อยวิญญาณ หากวิญญาณมีอยู่จริงไม่สูญสลาย สถานะแค่เปลี่ยนไปแต่ต้องมีสักที่ที่จะอาศัยสิงสู่ ล่องลอยไปสู่ต้นไม้ หนองน้ำ ผืนดินหรือก้อนเมฆ ในสภาวะเหมาะสมใครบางคนอาจรับรู้ได้สัมผัสได้ คนในเมืองเข้าไปนอนห้างยังเคยเจอเสือสมิง มันปลอมเป็นหญิงงามในวินาทีที่เขาคนนั้นงัวเงียสัปหงก ส่งยิ้มยั่วยวนซึ่งไม่แน่ใจว่าเขาเห็นชัดแค่ไหนแทนการกวักมือเรียก หลังจากนั้นน่ะหรือ เสือก็คาบหายเข้าป่าลึกดินแดนที่ผู้คนออกตามหานับปีก็จะไม่พบเจอ

“คุณอาจเจอเธอในทำนองนั้น เป็นนกผีสักตัวจับบนกิ่งเหนือหัวคุณ” สายฝนกระทบหลังคาแรงจนเราต้องออกเสียงให้ดังขึ้น “ไปรอแถวนั้นอาจพบ”

“ป่าช้ามีผีรึเปล่า” นักดูนกขยับข้อมือดูเวลา คงแก้เก้อเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

“ป่าช้าไหนก็มีผีทั้งนั้น”

เขาหัวเราะ “งั้นผมมีปืน”

“ร่องรอยเดียวถ้าอยากตามหา คุณต้องไปนั่งรอ”

ผมนึกถึงนาทีที่เธอบินออกทางหน้าต่าง นึกถึงตอนนกสักตัวจับเธอลงท้อง ทรมานรึเปล่า หายใจออกรึเปล่า หัวใจเต้นช้าหรือเร็ว

เรานั่งอึดอัดกันอยู่นาน ผมสูบบุหรี่ตัวที่สิบพอดีฝนจึงเบาลง เขาเอ่ยปากขอตัวกลับ ไม่ลืมหยิบหมวกเดินป่าที่แขวนกับตะขอข้างประตูกลับไปด้วย ก่อนพ้นชายคาผมเรียกเขา

“ถ้าเจอ ฝากบอกว่าผมคิดถึง” ท้ายประโยคล่องลอย ผมกลืนคำว่าคิดถึงลงคอเหมือนให้ได้ยินคนเดียว

เขาเงยหน้ามองเม็ดฝนที่ยังไม่ขาดสาย พูดขึ้นว่าฝนเฮงซวย “ถ้าคิดถึง เธอจะกลับมาเอง”

ผมมักกดภาพถ่ายดูซ้ำๆ ในมือถือ บนระเบียงชั้นสองเรามักนั่งเล่นตอนกลางคืนซึ่งเป็นฉากที่ผมถ่ายเธอมากสุด แม้ยุงเยอะแต่เราต่างชอบช่วงเวลานั้น คนในเมืองเหมือนกันหมด ตื่นเต้น ดวงตาวิบวับเมื่อเห็นดวงดาว เธอชี้ดาวตกครั้งแล้วครั้งเล่าในอาทิตย์แรกที่มาถึง โบราณห้ามชี้ ผมบอกเธอ มันจะทำให้นิ้วเรากุด วิญญาณที่เกาะดาวตกลงมาจะไปเกิดในท้องหมา แต่ไม่วาย เราชี้มันทุกดวงที่มองเห็นคืนแล้วคืนเล่าอย่างสนุกสนาน บ้างคราวดาวตกเกาะหางตาขณะเรามีเซ็กซ์ เราหยุดมีอะไรกันเพื่อชี้นิ้วยังดวงดาว ช่างมันสิ ให้มันไปเกิดในท้องหมา เธอจะพูดขึ้น เราหัวเราะให้กับความโชคร้ายของใครคนนั้น

ผมควรบอกอะไรเขาสักอย่างก่อนจากกัน ที่จริงผมเคยพูดไปแล้ว กลัวเขาจะลืม

คุณนักดูนก ผมเรียก เขาหันมาสบตาอีกครั้ง

“เธอไม่ใช่นกแล้ว กลายเป็นแมวสักตัว”

 

มีคนมาหาเธอ (อีกแล้ว) เขาว่าเป็นนักล่ารางวัลตามหาแมว

“เคยเห็นแต่หลายวันแล้ว” ผมพูดถึงแมวของหมอที่พลัดหลง “ไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า ริมถนนก่อนถึงบ้านนี้แถวไปรษณีย์”

“มีคนบอก ว่ายังเห็นมันป้วนเปี้ยนแถวนี้”

“คุณเหมือนกัน ยังป้วนเปี้ยนแถวนี้” นักจับแมลง นักดูนก คนล่ารางวัลแมว “เป็นหลายนักแล้ว ที่จริงคุณเป็นอะไรกันแน่…คุณถูกหลอกแล้ว แมวหน้าตามันคล้ายกันหมด” ผมหัวเราะ เขาหัวเราะ “ค่าหัวแมวเท่าไหร่”

โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาถ่ายรูปรอบโถงบ้าน “ผมไม่แน่ใจ ไม่มากมาย แต่ไม่น้อย”

“ผมอยากเลี้ยงแมว แนะนำที่เชื่องๆ สักพันธุ์สิ”

เขาทำปากเบะ ริมฝีปากล่างยื่นเหยียดออกมาจนดูตลก “นักล่ารางวัล ไม่ใช่คนเพาะพันธุ์แมว”

“เผื่อคุณจะเคยเลี้ยง อยากได้เชื่องๆ เอาแบบเรียกแล้วมาไม่เรียกก็ต่างคนต่างอยู่ มีระยะห่างให้กัน”

เขาลุกขึ้นสบถแบบไม่จริงจังพอได้ยินกันสองคน ไอ้สัตว์ ไม่ทันไรเขาก็จากไป ผมเดาไม่ผิดหรอกว่าไม่นานเขาจะกลับมา สัตว์นักล่าเหมือนกันหมด มีประสาทรับรู้ถึงกลิ่นเหยื่อวิเศษเยี่ยม ร่องรอยบางอย่างคนธรรมดาแกะไม่ออก แต่คนเหล่านั้นเดินไต่ตามความโกลาหลได้จนถึงปลายทางตลอด

พวกเขาชำนาญการล่า

 

หลังออกมาเรียกร้องอะไรสักอย่างกลางเมือง โดยการยืนถือป้ายกระดาษเขียนข้อความด้วยปากกาโง่ๆ ราตรีเริ่มถูกติดตามทันที เธอเล่าให้ฟังเรื่องที่มีคนไปหาทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน บ้านพ่อแม่ จนวันหนึ่งไปดักเฝ้าหน้าหอพัก เพื่อนส่งข่าวว่าจะมีหมายจับตามมาเร็วๆ นี้ เธอรู้ว่ามันร้ายแรงจึงหนีออกมา

ชะตาชีวิตฝากกับรถตู้คันแรกที่คว้าตั๋วได้ เธอมาถึงเมืองเล็กจิ๋วแห่งนี้ ตัวจังหวัดกะทัดรัด มีป่าเขากว้างใหญ่เป็นจักรวาลให้สัตว์ป่า พอเท้าแตะพื้นอำเภอดันเหมือนมีใครสักคนคอยติดตาม เธอจ้างรถเครื่องให้ขี่ออกมาอย่างไร้จุดหมาย คืนนั้นผมเอาดอกไม้ไปไหว้กระดูกพ่อแม่พอดี เธอแอบมองอยู่จนรู้ว่าปลอดภัยจึงออกจากที่ซ่อน ราตรีไม่ใช่ชื่อเธอ ผมตั้งให้โดยยึดช่วงเวลาที่พบกัน เรามีชีวิตร่วมกันในบ้านนี้อีกสามเดือน

ต่อมา เธอเล่าว่ากำลังเป็นเหยื่อ

 

เขาเดินกลับมาจากรถพร้อมควงกุญแจด้วยนิ้วชี้ข้างซ้าย บอกตัวเองเป็นทหารพลางนั่งลงตำแหน่งเดิมบนโซฟา หันหน้าไปทางบันไดขึ้นชั้นสอง ไม่มีหมวกแบบนักสำรวจป่าวางแปะบนหัว เผยผมสั้นเกรียนสามด้าน เสื้อเชิ้ตยี่ห้อดังทับในกางเกงยีนส์เรียบร้อย วางบัตรบ่งบอกหน่วยงานให้ดูตอนผมเอาถ้วยชาวางบนโต๊ะ ก่อนแจ้งจริงจังว่าเขามาตามหาเธอด้วยเหตุผลอะไร ความเชื่อหรือเสรีภาพมีราคาสูงในประเทศนี้ เขาบอก เราต่างจับจ่ายด้วยอนาคตของตนเอง

ควรพูดยังไงดี เป็นเรื่องที่เขาจะต้องร้อนรนควานหาเธอเอง ผมจนปัญญาไม่ต่างกัน

ผีเสื้ออายุขัยไม่นานเท่าไหร่หรอก รวมถึงนกบางพันธุ์ย้ายถิ่นอาศัยตามสภาพอากาศ กระทั่งแมวหรือหมาถ้าไม่ถูกตีตราเป็นเจ้าของทุกริมถนนคือบ้านหลังใหญ่ การไล่ตามไม่เคยง่ายอยู่แล้ว “ยืนยันเหมือนเดิม คุณต้องยืนให้ถูกที่ รู้จักสิ่งที่จะล่า หมวกมีหลายใบ ล่าผีเสื้อ นก หรือหมาแมว”

“รู้เรื่องในเมืองบ้างหรือเปล่า” เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ

ความเคลื่อนไหวสองฟากฝั่งรุนแรงขึ้น เมืองกำลังปริแยก เรื่องราวถูกเล่าส่งต่อบนโลกโซเชียลทุกชั่วโมง “คนถูกทำร้าย จับ อุ้มหายไปจากบ้าน”

“นั่นถูกครึ่งเดียว วันก่อนที่ทำการรัฐถูกเผาแต่ดับไว้ทัน ข้างบนไม่เอาคนอย่างเพื่อนคุณไว้แล้ว”

ผีเสื้อตัวจิ๋วเทาอ่อนจุดดำปลายปีกบินเข้าทางหน้าต่างครัว ก่อนโผลงเกาะอ่างล้างจาน ใช่เธอรึเปล่า ตัวที่คืนวันพระบินออกทางหน้าต่างก่อนหายลับไปตลอดกาล “ผมอยากลองเป็นนักจับแมลงบ้าง”

พอเขากลับ ผมเหนื่อยล้าทิ้งตัวเหยียดยาวบนโซฟา ไม่แน่ใจว่าต้องเจอนักอะไรอีก คนพวกนี้ไม่ว่าจะสวมหมวกใบไหนอันตรายเสมอ ผมต้องเตรียมตัวรอรับเขา พลางนึกต่อว่าให้เธอกลายเป็นอะไรดี กลายเป็นเสือที่คาบแมวไป หรือคนเก็บขยะที่พบซากแมวกลางถนน ผมยังไม่รู้ แต่ต้องมีเพื่อส่งต่อความเป็นเธอ

พวกเขาไม่คิดปล่อยคนอย่างราตรีไว้ต่อไป

 

ฝันถึงท้องฟ้าดำมืดมิดด้วยผีเสื้อนับล้านตัว เกาะเกี่ยวยาวสุดตาราวกระแสน้ำหลาก พวกมันเคลื่อนแหวกอากาศจนเกิดเสียงน่าหวาดกลัว ในฝันอีกนั่นแหละ ผมรับรู้ได้ถึงปลายทางของพวกมัน-เมืองหลวง หนึ่งตัวบินโฉบมาใกล้ มีลำตัวเป็นผีเสื้อแต่ใบหน้าคือเธอ

เป็นฝันเมื่อเดือนก่อน ก่อนผมมาสู่โลกใบจริงยิ่งกว่าดินแดนป่าเขาบ้านเกิด จะว่าตามฝูงผีเสื้อในฝันมาก็ใช่ หวังว่าจะพบเธอเป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้เรากำลังเคลื่อนไปสู่แนวปะทะในชั่วโมงตึงเครียดที่สุดของตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เสียงลือกันว่า พวกเขาจะจัดการผู้ประท้วงขั้นเด็ดขาดถ้าดื้อดึงบุกไปถึงเขตหวงห้ามสูงสุด หากกระสุนหนึ่งนัดล้มหนึ่งคน พวกเขาควรคิดล่วงหน้าว่าต้องใช้จำนวนมากมายแค่ไหน

เพราะผีเสื้อโบยบินท่วมทับท้องถนนนับล้านตัว

ราตรีคงบินอยู่แถวหัวขบวน ผมจะรีบบินไปให้ทันเธอ •

 

 

รวมเรื่องสั้น-กวีนิพนธ์ ประกวด #มติชนอวอร์ด

https://www.matichonweekly.com/matichon-award