เส้นทาง”หลังยุคสิบล้อ”ของ “ฮิวโก้” – “โกอินเตอร์” ก่อนหวนคืนวงการเพลงไทย ไขที่มา ทำไม “ดำสนิท” น่ากลัวน้อยกว่า “ขาวสว่าง”

หลังจากตอนที่แล้ว  (คลิกย้อนอ่าน) เราพูดคุยกับ “ฮิวโก้ – จุลจักร จักรพงษ์” ถึงเส้นทางดนตรีตลอดช่วง 6 ปีกับการเป็นสมาชิกวง “สิบล้อ” ซึ่งหลายคนคงคุ้นชินกันดีกับเพลงดังของพวกเขาอย่าง รักเป็นเช่นใด, ความลับในใจ, คนไม่มีสิทธิ์, มนต์รักสิบล้อ ฯลฯ

หลายคนคงยังสงสัยว่าในเมื่องานดนตรีกับวง “สิบล้อ” ไปได้ดี ทำไมสมาชิกในวงจึงตัดสินใจแยกทางกัน

เราจะมาพูดคุยถึงเส้นทางดนตรีของ “ฮิวโก้” ถึงการแยกทางกับวงสิบล้อ ก่อนจะไปสร้างชื่อในระดับอินเตอร์กับค่ายร็อก เนชั่น (Roc Nation) ที่อเมริกา

รวมถึงการกลับคืนวงการเพลงไทย ในวันที่ธุรกิจดนตรีซบเซา ด้วยฐานะศิลปินเดี่ยว

: ทำไมถึงแยกทางกับสิบล้อ แล้วเราไปทำอะไรที่ต่างประเทศ?

มีช่วงไปลอนดอนก่อนที่ย้ายไปอเมริกา อย่างว่าแหละ เรื่องโอกาสที่ได้ไปเมืองนอกมันก็เป็นโอกาส มันไม่ได้เป็นความตั้งใจ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ผมยุบวงแล้วก็ไปอยู่เมืองนอก มันมีโอกาสเข้ามาหลังจากผมแต่งเพลงในอัลบั้มซับน้ำตาอันดามัน ให้พี่แอ๊ด (คาราบาว)

เขารวมพรรคพวกทำอัลบั้มเพื่อช่วยผู้ประสบภัยจากสึนามิ (พ.ศ.2547) แล้วเป็นครั้งแรกที่ปล่อยเพลงภาษาอังกฤษ เพราะว่าไม่มีเวลาทำภาษาไทย เพราะพี่แอ๊ดอยากได้เพลงภายใน 5 วัน แล้วเนื้อร้องไทยจริงๆ มันต้องใช้เวลาแต่ง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง

ตอนนั้นนั่งอยู่ที่ร้านโอลด์เล้งกับพวกน้าๆ ปรึกษากันว่าควรจะทำยังไง น้าเอ็ดดี้ (มือเบส วงซูซู) บอกว่าก็เอ็งเป็นฝรั่ง เอ็งก็ร้องเพลงภาษาอังกฤษไปดิ คืนนั้นผมก็ทำเลย

เพลงนี้ไปถึงหูคนที่อังกฤษชื่อ “อะแมนด้า โกสต์” เป็นนักแต่งเพลง แล้วก็เป็นศิลปินในเวลานั้น เขาได้เบอร์ผมมาจากพี่สาว ก็โทร.มาหาผม เขาบอกว่าจะออกค่าตั๋วให้ผมไปลองทำเดโมกับเขา

แล้วจากการทำเดโมก็ได้สัญญากับไอส์แลนด์ เร็กคอร์ดส์ ได้ทำอัลบั้ม ได้บินไปแอลเอ แล้วในที่สุดก็โดนปลดจากสัญญา คนที่เซ็นเราก็โดนไล่ออก มีดราม่าเยอะแยะ

เหมือนจะต้องกลับเมืองไทยแล้ว จนกระทั่งเพลงถูกนำไปใช้ในอัลบั้มของบียอนเซ่ เหมือนกู้ชีวิตอีกรอบนึง

: ในนามของ “ร็อก เนชั่น” ใช่มั้ย? เราได้สัญญานั้นมายังไง?

ใช่ นั่นก็คือสัญญาฉบับที่ 2 พอโดนดร็อปจากไอส์แลนด์ เร็กคอร์ดส์ แล้วกำลังจะเดินทางกลับเมืองไทย “อะแมนด้า โกสต์” ซึ่งก็เหมือนดาวรุ่ง กำลังได้ทำงานกับศิลปินหลายๆ คน และเหมือนกำลังจะได้ตำแหน่งในเชิงค่ายด้วย ก็ถูกเรียกไปช่วยแต่งเนื้อร้องให้บียอนเซ่

ด้วยความที่เขาเป็นพี่เลี้ยงที่น่ารัก เขาก็เปิดอัลบั้มของผมที่ถูกปฏิเสธ ถูกโละแล้วให้บียอนเซ่ฟัง ทางบียอนเซ่ก็ชอบเพลงหนึ่งแล้วก็เอาไปร้องคืนนั้นเลย แล้วเขา (อะแมนด้า โกสต์) ก็โทร.มาบอกว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น มีคนจากค่ายเพลงของสามีบียอนเซ่อยากมาพบผม

: เพลงนั้นคือเพลง Disappear ใช่มั้ย?

ครับ

: ช่วงที่ไปทำงานกับร็อก เนชั่น ที่อเมริกาเป็นยังไงบ้าง?

ก็อย่างว่าแหละ เรื่องพวกนี้ไม่ได้อยู่ในมือเรา เราได้แต่นำเสนอ ส่วนชีวิตต่อจากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของบุคคลที่ 3 หรือใครก็ตามที่มีต่อมัน แน่นอนเราก็ต้องทำเพลงที่น่าฟัง มีความชัดเจน แต่ถ้าไม่มีใครหยิบเอาไปใช้ หรือหยิบเอาไปเชิดชู มันก็จะมีชีวิตอยู่แค่นั้น

ผมเชื่อว่าคงมีเพลงดีๆ เยอะแยะที่ไม่เคยถึงหูเราเลย เพราะว่าดวง โอกาส หรือช่วงเวลาจังหวะไม่เหมาะ

: ทำไมถึงมองว่าวงการดนตรีไม่ได้อาศัยเรื่องเก่งอย่างเดียว ต้องอาศัยนิสัยส่วนตัว รวมถึงปัจจัยหลายอย่างด้วย?

ระบบนิเวศมันก็บังคับ พอวงการดนตรีไม่ได้เป็นวงการที่ยิ่งใหญ่เท่ากับโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ออนไลน์ มันจะไม่ค่อยมีคนที่ร้องเพลงไม่ได้เข้าไปอยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไม อยู่ไปก็ไม่ได้รวย

คนที่อยากดังอาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์ทางการแสดงหรือดนตรีเสมอไป เขาอาจจะเป็นเน็ตไอดอล หรือเป็นดาวในโซเชียลมีเดีย ซึ่งก็เป็นที่ที่เหมาะสำหรับคนที่มีบุคลิกที่น่าสนใจ หรือมีบุคลิกที่คนชอบดูด้วยความรักและความเกลียดในเวลาเดียวกันก็เป็นไปได้

(แต่) เมื่อในวงการเพลงมันมีการหดตัว คนที่อยู่ในวงการเพลงตอนนี้ แม้แต่ศิลปินป๊อปจ๋า ก็ยังร้องเพลงเป็น ผมเลยรู้สึกว่าจริงๆ มันสมบูรณ์กว่าเดิม ถึงมันจะเล็กลง แต่ศิลปินป๊อป ไม่ว่าจะเป็น สิงโต นำโชค หรือนิว-จิ๋ว เขาร้องเพลงได้ เขาร้องเพลงเก่งเลย เขาเป็นนักร้องจริงๆ

สมัยก่อนไม่ต้องเป็นนักร้องจริงๆ ก็ได้ แค่มีความเป็นดาราก็พอ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันจะเหลือแต่หัวกะทิ คนที่รักจริงๆ ทำได้จริงๆ ก็จะอยู่ได้ ไปๆ มาๆ มันเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะว่ามันเหมือนคัดไขมันออกไปจากวงการหมด

ตอนนี้ไม่มีศิลปินป๊อปแบบสมัยก่อนแล้ว ที่ใช้องค์กรช่วยยัดเข้าไปในหูของประชาชน เดี๋ยวนี้ทุกคนที่อยู่ในคลื่นวิทยุ ไม่ว่าดนตรีจะหน่อมแน้มแค่ไหน แต่มันทำหน้าที่ของตัวเองได้จริงๆ

: วงการเพลงไทยกับต่างประเทศ ต่างกันไหม?

ต่างกันครับ ด้วยขนาดของตลาด, ภาษา, วัฒนธรรม แต่นิสัยกับปัจจัยต่างๆ ก็คล้ายๆ กัน นักดนตรีก็จะเป็นคนคล้ายๆ กัน แต่มันเป็นวงการที่หลากหลาย

อะไรที่อยู่ในวงการบันเทิงก็ยังเป็นอะไรที่หลากหลาย เพราะว่ามันเปิดกว้างกว่า ไม่ว่าใครก็เข้ามาได้ ทั้งเป็นหมอ ทนาย ทหาร ตำรวจ ใครก็ได้ที่เกิดในวงการบันเทิง สักแห่งนึง สักมุมนึง มาจากที่ไหนก็ได้มีหมด ทั้งพิการ จน รวย ไทยบ้าง คนฝรั่งบ้าง ก็แล้วแต่

ประชาชนเป็นคนตัดสิน นี่จึงเป็นข้อดีของวงการบันเทิงคือมันหลากหลายมาก มีคนจากทุกจังหวัด ทุกภาค ทุกศาสนา

: เคยไปชมคอนเสิร์ตที่หนึ่ง สะดุดคำพูดประโยคนึงของคุณว่า “วงนี้ขายหน้าตา ไม่ขายฝีมือ” ทำไมถึงพูดประโยคนี้ออกมา?

ก็ประชดประชันกันหน่อย ผม, เป้ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) และเจ (มณฑล จิรา) ก็เคยเล่นละครกันหมด คือเราก็เคยพูดเล่นๆ ว่าเราน่าจะตั้งวงที่มีแต่อดีตนักแสดงละคร น่าจะเป็นอะไรที่ฮิต

: เป็นอารมณ์ขันของเราอีกมุมนึง?

ไม่รู้มันคืออารมณ์อะไร ผมจะเป็นคนที่ชอบประชดตัวเอง และชอบตลกร้ายมากกว่า

: พูดถึงอัลบั้มล่าสุด “ดำสนิท” หลังห่างหายจากการทำอัลบั้มเพลงไทยไปร่วม 10 ปี?

เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกว่าจำเป็นต้องทำจริงๆ พอกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วก็รู้สึกว่ายังมีอะไรจะพูดอยู่ ยังมีอะไรที่อยากจะนำเสนออยู่ ไม่ใช่ว่าทำเพราะว่ามันน่าจะขายดี เพราะว่าเราไม่ได้มองตรงนั้นแล้ว

เรารู้ว่าตลาดไทยรับอะไรได้กว้างขึ้น จากประสบการณ์การร้องเพลงสากลในเมืองไทย ก็มีการตอบรับที่ดี เผลอๆ ดีกว่าสมัยเป็น “สิบล้อ” อีก ทั้งๆ ที่ผมอาจจะดูเป็นศิลปินแนวอินดี้ หรือใต้ดินที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก แต่ในเรื่องของธุรกิจและการตอบรับ จริงๆ มันเรียบง่ายกว่าสมัยสิบล้อเยอะ

ผมเลยรู้สึกว่าการทำอัลบั้มไทยมันเป็นขั้นตอนต่อไปที่จำเป็นที่จะต้องพิสูจน์และจะต้องมี เราจะได้เล่าความในใจอย่างไม่มีการเข้าใจผิด

: ทำไมถึงต้องเป็น “ดำสนิท”?

ผมรู้สึกว่าในสื่อหรือในสังคมไทยมีการให้ค่ากับสีขาวมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นรถสีขาว บางทีเข้าไปในลานจอดรถบางที่ รถทุกคันสีขาวหมดเลย โฆษณาผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับผิวก็จะเน้นสีขาว ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นประเทศที่ขาวนัก

ผมรำคาญ แล้วผมรู้สึกว่าไม่เห็นสวยเลย ไม่ได้สวยกว่าแน่ๆ สิ่งของสีขาวก็สวยได้ แต่ว่าไม่ธรรมชาติ จริงๆ ธรรมชาติคือความมืด ก่อนที่มันจะมีแสง มันมีความมืด ดาวทุกดวงมันอาศัยอยู่บนพื้นสีดำ ท้องฟ้ามันเป็นสีดำ ทุกอย่างมาจากความมืด ความมืดไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหรือโศกเศร้าอย่างเดียว

ถึงจะโศกเศร้าแล้วไง? ชีวิตมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ไม่ได้แปลว่ามันไม่สวยงาม ผมแค่อยากจะเน้นอีกด้านนึง ผมอยากจะพูดหรืออ้างอิง ผมรู้สึกว่าความมืดหรือสีดำมันปรานีกว่าสีขาว

สีขาวมันโหด บางทีเราไม่ต้องส่องให้เห็นทุกเรื่องก็ได้ เห็นทุกรู สิวทุกเม็ด บางทีมีความมืดหน่อยก็ดี สีทองอยู่ในความมืดอาจจะสวยกว่า พอสีทองมาอยู่ภายใต้ไฟนีออน แล้วมันดูเป็นทองเก๊ มันไม่ดูเป็นทองจริง