การเดินทางภายในอุโมงค์มืดมิด ซึ่งราวกับว่าไม่มีจุดสิ้นสุดของผม อันเป็นเจ้าลูกชายสุดที่รักของพ่อในค่ำคืนหนึ่ง / เรื่องสั้น : อรุณธารา

เรื่องสั้น

อรุณธารา

 

การเดินทางภายในอุโมงค์มืดมิด

ซึ่งราวกับว่าไม่มีจุดสิ้นสุดของผม

อันเป็นเจ้าลูกชายสุดที่รักของพ่อในค่ำคืนหนึ่ง

 

ตื่นมาในตอนเช้าวันหนึ่งพบว่าผมป่วยกะทันหัน ไม่สามารถเดินได้ จะไปไหนก็กระถดเอา

นี่เป็นวาระสุดท้ายของอ้วนเค้าแล้ว แม่ผมพูด ใบหน้านิ่งเฉย ซึ่งผิดกับพ่อ หน้ายุ่ง กล่าวว่าเป็นไปได้ยังไง เมื่อวานก็ดีๆ อยู่เลย

ผมได้ยินเสียง แต่ไม่เข้าใจคำพูดเหล่านั้น ส่วนอากัปกิริยาและน้ำหนักของเสียง ผมทราบความรู้สึกของคนทั้งสองดี ความจริงแล้วผมไม่ได้กลัวตายแม้แต่น้อย อายุผมเยอะแล้ว

ยี่สิบปีมานี้ผมได้เห็นได้รู้อะไรมามากมายก่ายกอง และที่สำคัญผมได้รับความรักความเอาใจใส่ดูแลจากพ่อแม่จนไม่อาจเทียบได้กับอีกหลายครอบครัว ซึ่งยังบกพร่องอยู่

ผมตกอยู่ในความป่วยแปลกประหลาดอยู่สามวันเต็ม ไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย เพราะไม่นึกอยากจะกินอะไรทั้งสิ้น มีแต่พ่อผมเท่านั้นที่พยายามป้อนน้ำอะไรต่อมิอะไรให้ ครั้งแรกเป็นน้ำใสๆ รสชาติเปรี้ยวๆ ครั้งที่สองเป็นน้ำดำๆ จืดๆ มีกากละเอียดนิดๆ ด้วย และครั้งที่สามเป็นน้ำสีเขียวจืดๆ แต่กลิ่นเหม็นเขียวน่าดู

สองสามวันมานี้ก็วนเวียนป้อนเจ้าสามน้ำให้แก่ผมตลอด ในเย็นวันที่สามพ่อกับแม่พูดกันต่อหน้าผม พ่อว่า แน่ใจนะว่าเราจะไม่ใจดำ ไม่พาไอ้อ้วนไปหาหมอ

แม่ตอบกับพ่อว่า อ้วนเค้าแก่แล้ว หากเค้าจะตายก็ให้ไปโดยไม่ต้องเจาะต้องทำอะไรให้เจ็บตัวเปล่าๆ เชื่อฉันเถอะน่ะ

สีหน้าพ่อวูบลง ผมรู้ว่าพ่อเศร้า แต่เรื่องที่พวกเขาพูดกันผมฟังไม่รู้ความหมายหรอก แกก็ให้น้ำผงถ่าน ขับพิษ ให้น้ำใบย่านาง ปรับสมดุลร่างกาย และให้ยาส้มสูตรพระอาจารย์รักษาโรคแล้วนี่ แกทำดีที่สุดแล้วนี่ จะกังวลอะไรอีกเล่า แม่พูดกับพ่อซะยาวยืด

ในชีวิตผมพบหมอมาหลายครั้งแล้ว แต่ละครั้งก็เจ็บตัวตลอด ใครว่าหาหมอแล้วดีล่ะ ผมยอมตายโดยไม่ไปหาหมอจะดีกว่า

 

ตกเย็นวันที่สี่อาการผมหนักลงกว่าเดิม อ่อนเพลีย เรี่ยวแรงมีน้อยเต็มทน สายตาที่มองออกไปเหม่อลอย ไม่ได้จับจุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ

อ้วนน่าจะเพลียเอามากๆ จะผ่านคืนนี้ไปได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แม่ว่า

พูดอะไรแบบนั้นแก พ่อขัดเคือง

แกต้องทำใจยอมรับนะว่า เราต้องสูญเสีย แม่ว่า

แล้วใครไม่ยอมรับเล่า แต่เกิดขึ้นติดๆ เลยหรือ พ่อโต้แย้ง ยิ้มจางๆ

ดูแกหม่นๆ ไปนะ ฉันเป็นห่วงแกจริงๆ แม่ว่า

ภูมิธรรมของแกสูงกว่าฉันนี่ แกเลยปลงได้มากกว่า พ่อยอมรับ

คืนนี้ให้อ้วนมานอนที่ห้องฉันก็แล้วกัน จะได้เปิดบทสวดมนต์ให้ฟัง เตรียมจิตให้ดีในวาระสุดท้าย แม่ร้องขอและพ่อไม่ขัดข้อง

คืนที่สี่แม่เอาผมมานอนด้วย ซึ่งคืนที่ผ่านๆ มา ผมนอนกับพ่อในบ้านอีกหลังหนึ่ง แม่พูดกล่อมผมด้วยความนุ่มนวล แล้วต่อมาก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแผ่วๆ ผมไม่รู้หรอกว่านี่เป็นเสียงอะไร แต่ได้ฟังมาหลายปีแล้ว เพราะแม่มักเปิดหรือไม่ก็พูดชนิดยาวมากก่อนเข้านอนเสมอ

ฉันมั่นใจว่าชาติหน้าอ้วนเค้าต้องได้เกิดเป็นมนุษย์และได้พบกับพุทธศาสนา เพราะว่าเราเป็นครอบครัวปฏิบัติธรรม แล้วอีกอย่างหนึ่ง แกจำไม่ได้เหรอ ชีวิตของอ้วนเค้าแทบไม่เคยล่าสัตว์ แทบไม่เคยทำบาปอะไรในศีลข้อหนึ่งเลย แม่เปรย ฉันก็เชื่อว่าอ้วนต้องได้ไปเกิดกับครอบครัวมีศีลมีธรรม

พ่อไม่ค้านแย้ง ผมนอนฟังแม่กับพ่อพูดคุยกัน

ปล่อยให้อ้วนเค้าได้พักผ่อนนะ จะได้ฟังธรรมะอย่างเต็มที่ อย่ารบกวน แกน่ะไปนอนได้แล้ว แม่ไล่พ่อ ก่อนพ่อออกไปจากห้องแม่ พ่อก้มตัวลงจูบกลางกระหม่อมของผม

หลับฝันดีนะเจ้าลูกชาย น้ำเสียงของพ่อสั่นๆ

เสียงที่แม่เปิดทิ้งไว้ทำให้ผมผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่อย่างที่บอกผมไม่ได้ทุรนทุรายต่ออาการเจ็บป่วยไข้เลย จะมีสิ่งเดียวเท่าที่ผมกังวลหรือห่วงใย นั่นคือจิตใจอันบอบช้ำของพ่อ เสียงนั้นยังอยู่ในความรู้สึก แม้ว่าหนังตาผมหนักอึ้งเต็มแก่

แล้วสุดท้ายผมก็ผล็อยหลับไป และพบว่าได้มายืนในที่ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมืดมิดเอามากๆ แต่เสียงนั้นก็ไม่ได้จางหายไปจากโสตประสาท

ผมไม่รู้ว่าผมมายืนอยู่ที่ไหน แต่ดูๆ ไปมันคล้ายช่องทางขนาดใหญ่ หรือจะเรียกว่าอุโมงค์ก็ผิดนัก

ผมก้าวเดินไปข้างหน้า ด้วยแรงดึงบางอย่าง แปลกประหลาดยามนี้ผมเดินได้ปกติดี ไม่ต้องกระถดแต่อย่างใดแล้ว เรี่ยวแรงกลับมาเป็นปกติแล้ว และวินาทีนั้นผมก็นึกถึงความตาย ผมกำลังก้าวไปสู่มรณะสถานแล้วอย่างนั้นหรือ

ขณะที่คิด ขาของผมก็ย่างไปเรื่อยๆ เสียงนั้นเริ่มจางลงๆ ไปทุกขณะ ตามระยะทางที่ห่างมา ผมเดินไปต่อเนื่องโดยทิ้งเสียงนั้นไว้เบื้องหลัง อยากหันหลังกลับไปเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมขาของผมยังพาหนีจากเสียงนั้น ห่างออกไป…ห่างออกไป

เส้นทางที่สืบย่างไปดูเหมือนว่าไม่มีจุดสิ้นสุด ผมไม่หวาดกลัวใดๆ ต่อการเดินทางหนนี้

และในที่สุดผมก็มายืนอยู่ตรงตำแหน่งที่เสียงนั้นหายไป ตรงนี้เงียบสนิทมาก เงียบจนผมได้ยินเสียงเต้นของหัวใจชัดเจน หัวใจที่ยังเฝ้าคำนึงถึงพ่อมิคลาย

เมื่อตัดสินใจขยับตัวไปข้างหน้าเพียงสี่ห้าก้าว ก็ได้ยินเสียงเดิมนั้นอีก แต่คราวนี้ดังมาจากด้านหน้ามิใช่ข้างหลังที่ผมจากมาแล้ว เสียงนั้นให้ความสงบเยือกเย็นแก่จิตใจยิ่งนัก อันที่จริงผมไม่ทุรนทุรายตั้งแต่แรกแล้ว ผมก้าวไปข้างหน้าตามเสียงนั้น แล้วในที่สุดรู้แล้วว่า ผมกำลังจะตาย และการตายของผมก็มีสถานที่เกิดใหม่รองรับอย่างปลอดภัยเสียด้วย แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่ต้องการอยู่ดี

หลับฝันดีนะเจ้าลูกชาย

น้ำเสียงของพ่อสั่นๆ แว่วเข้ามาให้ได้ยิน หัวใจสะท้านขึ้นมาทันที น้ำเสียงซึ่งสั่นเครือนั้นผมรู้ว่าพ่อหวาดหวั่นมากแค่ไหน

เมื่อสองสัปดาห์ก่อนน้องชายผมหายไปจากบ้าน จนป่านนี้ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าชะตากรรมเป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้น ผมรู้ว่าพ่อยังไม่พร้อมที่จะสูญเสียลูกไปอีก

ส่วนแม่นั้นผมวางใจได้ ถึงรักผมมาก แต่แม่ก็ปลงได้ ผมชะงักฝีเท้า นิ่งขบคิด นี่คือชะตากรรมของผม ชะตากรรมที่ผมจะสร้างและกำหนดเองได้ด้วย

เสียงนั้นยังแว่วมาไกลๆ

พ่อ

ผมละเมอคำพูดขึ้นมา ทันใดนั้นเองผมหมุนตัวกลับ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถก้าวขาได้หรือไม่ แล้วผมก็นึกถึงความคิดของผมที่ว่า ชะตากรรมของผม ผมสร้างและกำหนดเองได้ ผมจึงยกเท้าขึ้นแล้วก้าว…ก้าว…ก้าว…มาได้ระยะหนึ่ง แล้วผมก็มายืนอยู่ตรงจุดที่เงียบที่สุด ไม่ได้ยินเสียงนั้นเลย

ผมมั่นใจแล้วว่าผมทำถูกต้อง ผมทำเพื่อพ่อของผม เจ้าลูกชายของพ่อจะให้เวลากับพ่ออีกสักระยะหนึ่ง ไม่อยากทำร้ายจิตใจของพ่อขณะที่เขายังไม่พร้อม ก้าวกลับมาอีกสี่ห้าก้าว เข้าสู่เขตเสียงที่แม่เปิดทิ้งไว้ ผมก้าว…ก้าวและก้าว แต่ไม่เร่งร้อนแต่อย่างใด ไม่มีใครมาทัดทานจุดประสงค์ของผมได้หรอก ผมมั่นใจ เสียงนั้นใกล้เข้ามา…ใกล้เข้ามาอีก และในที่สุดผมได้กลิ่นผ้าห่มจางๆ โชยมา แม่มักซักผ้าห่มหรือผ้าปูที่นอนให้ผมบ่อย กลิ่นหอมชื่นใจที่สุด

ก่อนผมจะลืมตาขึ้น ผมได้ยินเสียงพ่อ อ้วนเป็นไงบ้าง แก แม่ตอบ ก็นอนหลับทั้งคืนเลย ไม่ดิ้นไม่อะไร มีมือสากๆ ยื่นมาจับแล้วลูบไล้ตัวผม จากนั้นมีเสียงตามมา อรุณสวัสดิ์นะอ้วน เป็นไงบ้างเช้านี้

ผมไม่ผลีผลามลืมตา ค่อยๆ เปิดหนังตาขึ้น เหลือกตาขึ้นนิดหนึ่ง สบกับดวงตาคู่นั้นที่คอยอยู่แล้ว

ผมตอบรับไปสองคำ

โอ้ เสียงสดใสเลยเช้านี้ เจ้าลูกชายของพ่อ สิ้นเสียงพ่อก้มตัวลงมาชิดหัวผม พรมจูบอย่างไม่บันยะบันยัง

ผมฟ้องไปสองคำ แม้ผมยังไม่ตาย แต่ก็ไม่แข็งแรงนะพ่อ รออีกสี่ห้าวันก่อน ค่อยมาเล่นแรงๆ กับผม

และเพื่อให้แน่ใจว่าพ่อจะเข้าใจ ผมจึงฟ้องอีกหนด้วยเสียงยาวๆ

เมี้ยววววววววววววววววววววว •